ตอนที่ 596 ศุภโชคปรากฏ โดย ProjectZyphon

เพียงธรรมคาถาประโยคเดียวเท่านั้น กลับเสมือนครอบครองพลังอันลึกลับบางประการ ทำให้เบาะรองนั่งปลายตำหนักใหญ่ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลง สาดส่องแสงมรรคออกมา!

แสงมรรคนั้นว่างเปล่าพิสุทธิ์ เพียงกวาดเบาๆ ก็ส่องสว่างทั่วตำหนักใหญ่แห่งนี้

ทันใดนั้นตำหนักใหญ่อันว่างเปล่าแต่เดิมในสายตาผู้คน ประหนึ่งถูกเลิกผ้าคลุมออกหนึ่งชั้น เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง

มองเห็นว่าบนผนังทั้งสี่ด้านปรากฏภาพสลักโบราณบางส่วน ดุจถูกจารไว้ด้วยพลังแห่งกาลเวลา เปี่ยมด้วยความรู้สึกโชกโชน

ภาพเหล่านั้นลึกลับมาก ในภาพมีคนสมัยบรรพกาล สุริยันจันทราภูผานที กวางกระเรียนหกเหิน ยังมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมากมาย

ในตำหนักแบ่งพื้นที่ออกเป็นสามสิบสามชั้น บนผนังแต่ละชั้นล้วนปรากฏจิตรกรรมลึกลับอยู่ แม้ว่ากาลเวลาจะผันผ่าน ก็ยังคงแผ่กลิ่นอายความนัยแห่งมหามรรคอันน่าหวาดกลัวออกมา

ปลายสุดของตำหนักใหญ่ เบาะรองนั่งทอแสง กลายเป็นฝนแสงเรืองรองแถบหนึ่ง ก่อตัวแปรเป็นแท่นมรรคสามฉื่อโดยฉับพลัน

บนแท่นมรรคส่องแสงพราวระยับ แสงสมบัติพลิ้วไหว มีม้วนตำรา ขันสำริด ปลาไม้ แส้ปัด…แน่นขนัดตระการตา ล้วนเรืองรองส่องสว่าง ทอแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราว

“นี่ก็คือมหาศุภโชคที่ซุกซ่อนอยู่ที่นี่!”

“สวรรค์ สมบัติมากมาย คราวนี้พวกเราร่ำรวยแล้ว!”

“นี่คือสมบัติอริยมรรคที่หลงเหลือจากสมัยบรรพกาลหรือ มีตำราลึกลับ แล้วไหนจะสมบัติลึกลับอีก!”

พวกเหยาซู่ซู่ เหลียนเฟยต่างแข็งทื่อไปทั้งร่างอยู่ตรงนั้น สูดลมหายใจถี่กระชั้น ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางเปี่ยมด้วยแววใหลหลงและตื่นเต้น

อย่าว่าแต่พวกเขา เกรงว่าต่อให้คนใหญ่คนโตที่อยู่นอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ตรงนี้ กลัวก็แต่จะตกใจตะลึงงัน ดีใจแทบคลั่ง

“สมบัติเหล่านี้…แบ่งกันอย่างไร”

เหลียนเฟยเอ่ยปากเสียงสั่น กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สายตาเหมือนติดกับแท่นมรรคสามฉื่อ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยละไปไหน

“พวกเจ้าเลือกได้ตามใจชอบคนละหนึ่งชิ้น ที่เหลือจะตกเป็นของพวกเราทั้งหมด!”

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีผู้หนึ่งเอ่ยปากอย่างเย็นชา ทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันใด

“ไม่ได้! ครั้งนี้หากไม่มีข้ากับซู่ซู่ พวกเจ้าไหนเลยจะหาวาสนาของที่นี่พบ”

สีหน้าเหลียนเฟยเคร่งขรึม โกรธจนแทบคลั่ง

ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าพวกเขาจะเจอศุภโชคไร้เทียมทาน กลับเอาไปได้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ล้วนแต่ไม่เห็นด้วยทั้งนั้น

“พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว”

สีหน้าของเหยาซู่ซู่เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเช่นกัน “ตามข้อตกลง หากเจอวาสนา สมบัติที่ได้มาทั้งหมดพวกเราต่างฝ่ายต่างแบ่งคนละครึ่ง พวกเจ้าคิดจะผิดสัญญาหรือ”

“ผิดสัญญาแล้วอย่างไร”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีผู้นั้นระเบิดหัวเราะ น้ำเสียงเจือไอสังหาร “พวกมนุษย์ก็เหมือนดังมด คู่ควรจะเจรจาข้อตกลงกับพวกเราหรือ”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีคนอื่นๆ ก็หัวเราะเย็นชาผสมโรง สายตาที่มองไปทางเหยาซู่ซู่และเหลียนเฟยเปลี่ยนเป็นอำมหิตขึ้นมา

“นี่พวกเจ้าคิดจะข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน สังหารพวกเราแล้วฮุบศุภโชคเอาไว้หรือ”

เหลียนเฟยหน้าเขียว ตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากล

“นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าให้ความร่วมมืออย่างว่างายหรือไม่”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ฆ่าพวกเราแล้ว ต่อให้พวกเจ้าจะได้ทุกอย่างไป แต่ก็ไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้โดยสิ้นเชิง อย่าลืมสิ ในทางระเบียงนั่นยังมีกองศพอริยะจ้องพวกเจ้าอยู่ หากปราศจากแผนภาพปริศนาม้วนนี้ในมือข้า พวกเจ้าใครเล่าจะออกไปได้”

เหยาซู่ซู่สูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก เอ่ยปากอย่างเย็นชา “และพวกเจ้าน่าจะตระหนักดีว่าพลังของแผนภาพปริศนาม้วนนี้ มีแต่ข้าผู้เดียวที่สามารถใช้งานได้!”

ครั้นประโยคนี้เปล่งออกมา แววตาของผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีเหล่านั้นพลันไหววูบทันใด ค่อนข้างลังเลอยู่ในที

ในตอนนี้จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะร่วนระลอกหนึ่งลอยออกมา…

“สุนัขเอ๋ยสุนัข กัดกันเอง ปาหี่ฉากนี้ช่างน่าสนุกจริงเชี่ยว น่าเสียดายเวลามีไม่พอ มิฉะนั้นก็อยากดูเสียหน่อยว่าพวกเจ้าจะฆ่าฟันกันเองอย่างไรบ้าง!”

ไกลออกไป เจ้าคางคกในอาภรณ์สีเขียวเดินอาดๆ ออกมา

“เจ้าเป็นใคร!”

ไม่ว่าเหลียนเฟยกับเหยาซู่ซู่ หรือจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนั้นต่างก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงสักนิดว่าในตำหนักใหญ่อันลึกลับหาใดเปรียบแห่งนี้ จะมีคนแอบแฝงเข้ามาได้

สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป แลดูระแวดระวังมากกว่าเดิม ในใจมีไอสังหารคุขึ้น

“เฮอะ อาศัยแค่ฐานะของพวกเจ้า ไม่มีคุณสมบัติจะรู้ถึงตัวตนของข้าคนนี้”

เจ้าคางคกแลดูทะนงตัวและบ้าคลั่ง นัยน์ตาสีทองจ้องมองพวกเขาทุกคน กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้จะให้โอกาสพวกเจ้าได้เลือก หนึ่งคือพวกเขาเชือดคอฆ่าตัวตายเอง สองคือให้ข้าลงมือ เชือดพวกเจ้าให้หมดด้วยตัวข้าเอง”

“บังอาจ!”

“ไอ้หนูโอหังมาจากไหนกัน ถึงกล้าวางโตเยี่ยงนี้!”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนั้นดาลโทสะ ท่าทางของเจ้าคางคกอวดศักดาและวางข้อล้นเหลือ ทำให้พวกเขาต่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้ ถูกยั่วโทสะจนจมูกแทบเบี้ยว

อีกทั้งพวกเขาต่างสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายบนตัวเจ้าคางคกไม่ใคร่แกร่งกล้าเท่าใดนัก สำหรับพวกเขาแล้ว มิได้เป็นภัยคุกคามอะไรเลย

“สังหารเจ้าบ้านี่ให้ข้า!”

จากนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีหลายคนพุ่งพรวดออกมา ปิดล้อมเจ้าคางคากเอาไว้ กลิ่นอายเข่นฆ่าพวยพุ่ง เพียงเริ่มลงมือก็ใช้พลังทั้งหมด

สวบ!

ทว่าตอนที่พวกเขาเพิ่งจะลงมือนั่นเอง คมดาบพราวพร่างแถบหนึ่งก็กวาดม้วนออกมาจากกลางอากาศด้านหนึ่งอย่างดุดัน

ดุจดั่งธารดาราม้วนตลบสายหนึ่ง!

เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น ชั่วพริบตาเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีผู้หนึ่งไม่ทันหลบเลี่ยง ถูกคมดาบปกคลุม หัวกับตัวแยกจาก ตายอนาถ ณ ตรงนั้น

“แย่แล้ว เจ้าบ้านี่ยังมีผู้ช่วย!”

“สมควรตาย!”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีที่พุ่งออกมาคนอื่นๆ ทั้งตกใจและโมโห หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด

และในเวลานี้เอง เงาร่างของหลินสวินปรากฏออกมา เท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง มือฟาดฟันดาบหัก ออกไปซัดสังหารผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนั้นดุจดั่งภูตผีตนหนึ่ง อานุภาพร้ายกาจไร้เทียมทาน

ครืน ครืน~

การต่อสู้ปะทุขึ้น ทำลายบรรยากาศเคร่งครัดและเงียบสงัดของตำหนักไปสิ้น

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีพวกนี้สามารถรอดชีวิตอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะจนถึงป่านนี้ได้ ต้องไม่ใช่ผู้อ่อนแอแน่ น่าเสียดายคนที่พวกเขาปะทะด้วยคือหลินสวิน ปีศาจเย้ยฟ้าที่ไม่สามารถประเมินได้ด้วยวิธีสามัญแบบเดิมๆ

เพียงชั่วครู่เท่านั้น ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีที่พุ่งออกมาจัดการเจ้าคางคกเหล่านั้นก็ถูกกวาดล้างคาที่ จมอยู่ในกองเลือด

ภาพนี้ทำให้เหลียนเฟย เหยาซู่ซู่ และผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีที่เหลือซึ่งอยู่ไกลออกไปต่างหวาดผวา สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง

เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฆ่าพรรคพวกหลายคนของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ฉากนองเลือดนั้นน่าตระหนกยิ่ง พาให้ผู้คนรู้สึกหนังหัวชาวาบ

“หลินสวิน!”

ฉับพลันเหลียนเฟยตะเบ็งเสียงร้องลั่น สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ นัยน์ตาเกือบจะถลนออกมา มิอาจจินตนาการได้เลยสักนิด ว่าเหตุใดถึงบังเอิญพบกับศัตรูอย่างหลินสวินในที่แห่งนี้ได้

เหลวไหลเกินไปชัดๆ!

“เป็นเขาได้อย่างไรกัน…”

เหยาซู่ซู่ตกใจเช่นเดียวกัน ท่าทางเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ

อย่าว่าแต่พวกเขาสองคนเลย ก่อนหน้านี้ตอนที่สังเกตเห็นตัวตนของเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่ หลินสวินเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน

เมื่อได้พบศัตรู ดวงตายิ่งแดงก่ำยิ่งยวด ครั้นแน่ใจตัวตนของหลินสวินแล้ว ความเคียดแค้นทั้งเก่าใหม่ภายในใจของเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่ปั่นป่วน สีหน้าเขียวชิงชังหาใดเปรียบ จ้องหลินสวินเขม็ง แทบอดรนทนไม่ไหวอยากจะกลืนกินชีวิตของเขา

“ทั้งสองท่าน ไม่ได้พบกันตั้งนาน”

กลับเห็นว่าหลินสวินยิ้มน้อยๆ กล่าวทักทายปราศรัย

“ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ”

เหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่ต่างแค้นจนแทบกัดฟันแตก

ตั้งแต่พริบตาที่เหลียนเฟยรู้ว่าหลินสวินคือศัตรูที่สังหารบิดาของเขา ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป ความเคียดแค้นกลายเป็นสิ่งค้ำจุนเพียงอย่างเดียวของเขา

ทว่าสิ่งที่ช่วยไม่ได้คือ นับตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่นครต้องห้าม ศักดาที่ผงาดขึ้นก็ไม่อาจหยุดยั้งได้ เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหลียนเฟยเกือบจะสิ้นหวังอยู่รอมร่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่าตระกูลเหยาทั้งตระกูลถูกสังหารดับเกลี้ยงเพราะคิดจะจัดการหลินสวิน ทำให้เหลียนเฟยยิ่งตระหนกลนลานจนทำอะไรไม่ถูกสุดขีด

ครั้งนี้เขาและเหยาซู่ซู่รุดหน้ามาเสาะหาวาสนา ณ แดนลับอสูรมารอริยะด้วยกัน ก็เพราะต้องการจะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นค่อยไปหาหลินสวินเพื่อแก้แค้น

ใครเลยจะคิด ขณะที่พวกเขากำลังเสาะหาวาสนานี้อยู่ ศัตรูอย่างหลินสวินถึงขั้นปรากฏกายต่อหน้าเช่นนี้!

สิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือ อีกฝ่ายมีท่าทีเรียบเฉยผ่อนคลาย ซ้ำยังทักทายประหนึ่งเป็นสหาย สิ่งนี้ทำให้ทั้งสองคนแค้นจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่!

“เจ้าหนู ทักทายก็ทำไปแล้ว คงถึงเวลาส่งพวกเขาไปนรกพร้อมกันแล้วกระมัง”

เจ้าคางคกเอ่ยปากอย่างร้อนรน นัยน์ตาสีทองจับจ้องสมบัติทั้งกองที่อยู่บนแท่นมรรคสามฉื่อนั้น หน้าตาท่าทางน้ำลายหก เขาเริ่มจะรอไม่ไหวแล้ว

“ก็ดี”

หลินสวินพยักหน้า

“ฆ่า!”

ผู้แข็งแกร่งคนเถื่อนวารีก็ตระหนักว่าสถานการณ์ร้ายแรง รู้ว่าหากไม่ชิงฆ่าหลินสวินและเจ้าคางคกก่อน คราวนี้ก็อย่าว่าแต่ฮุบเอาวาสนาเหล่านั้นไปเลย แม้แต่ชีวิตก็ยากจะรักษาได้

ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รอให้หลินสวินเคลื่อนไหว ก็ชิงลงมือตัดหน้าก่อนแล้ว กรูเข้าไปพร้อมกัน สำแดงวิชาทั่วกายออกมา ปิดล้อมและโจมตีหลินสวินกับเจ้าคางคก

ชิ้ง!

ดาบหักส่งเสียงใส หลินสวินก็คร้านจะพูดไร้สาระ เงาร่างไหววูบ เปิดฉากการต่อสู้ทันที

ส่วนปลายของตำหนักใหญ่ เหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด สุดท้ายทั้งสองก็อดกลั้นเอาไว้ มิได้ลงมือกับหลินสวินแต่อย่างใด ทว่ากลับรี่เข้าไปยังแท่นมรรคสามฉื่อที่อยู่ด้านหลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย!

เห็นชัดว่าพวกเขาคิดจะฉวยโอกาสนี้ โกยเอาสมบัติมากมายที่อยู่บนแท่นนั้นไปในคราวเดียว

วู้ม!

ทว่าไม่รอพวกเขาเข้าใกล้ กระถางสมบัติเก้ามังกรสีทองอร่ามพลันปรากฏขึ้นในอากาศ ขวางอยู่ตรงนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวไหลเอ่อออกมา ซัดสะเทือนพวกเขาจนซวนเซถอยหลัง

ในเวลาเดียวกันนั้น เงาร่างสูงโปร่งอรชรของจ้าวจิ่งเซวียนก็ปรากฏขึ้น รูปโฉมของนางงดงามเกลี้ยงเกลา แขนเสื้อพลิ้วไสว กระถางสมบัติเก้ามังกรส่องแสงเรืองรองอยู่เหนือศีรษะ อากัปกิริยาโดดเด่นไร้เทียมทาน

ถึงกับยังมีผู้ช่วยอีก!

ครู่หนึ่งหัวใจของเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่ต่างหวาดผวา ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที ทั้งตกใจโมโห ทั้งไม่ยินยอม

เห็นชัดๆ ว่าศุภโชคอยู่ตรงหน้าแท้ๆ เพียงเอื้อมมือก็ได้ครอบครอง ทว่าในช่วงเวลาสำคัญดันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก สิ่งนี้ทำให้พวกเขาแทบคลั่ง

เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน

ตูม!

จ้าวจิ่งเซวียนไม่มีแก่ใจไปคาดเดาความรู้สึกนึกคิดในใจพวกเขา ทันทีที่ปรากฏตัวก็ใช้กระถางสมบัติเก้ามังกรเข้ากำราบเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่

ในมุมมองของนาง ทั้งสองคนเพิ่งจะอยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณเท่านั้น ยากจะต้านการโจมตีของนางอย่างแน่นอน

ทว่าสิ่งที่เกินความคาดหมายของจ้าวจิ่งเซวียนคือ เหยาซู่ซู่อาศัยแผนภาพลึกลับในมือ ปลดปล่อยแสงเรืองรองพิสุทธิ์ที่ดูคล้ายภาพมายาออกมา ถึงขั้นสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดของนางเอาไว้ได้

‘ดูเหมือนเจ้าคางคกจะพูดถูก พวกเขาสามารถมาถึงที่นี่ได้โดยสวัสดิภาพตลอดทาง อีกทั้งค้นพบความลับของที่แห่งนี้ จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมบัติในมือผู้หญิงคนนี้อย่างแน่นอน’

จ้าวจิ่งเซวียนตกตะลึงในใจ ขณะเดียวกันก็ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด กุมขังกดดันอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแน่นหนา

แม้จะไม่สามารถพิชิตชัยได้ในทันใด แต่หากอีกฝ่ายคิดหนีนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ทันใดนั้นเหลียนเฟยและเหยาซู่ซู่ต่างมีสีหน้าไม่น่าดูถึงที่สุด ภายในใจยิ่งมีความสิ้นหวังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้กำลังถือกำเนิดขึ้น…

——