ฉินหยุนไม่อาจยอมรับได้ ว่าตนมีหมูตัวหนึ่งเป็นพี่ชาย
“เจ้าหนู เหตุใดยังทำตัวเช่นนี้? น้องหยุน เจ้าไม่อาจจดจำพี่ชายราชัน
สวรรค์ได้แล้วหรือ?”
“ต้องขออภัย ทว่าในความทรงจำข้าไม่มีพี่ชายเช่นนี้!” ฉินหยุนร้อง
โพล่งตอบ “แล้วก็อย่าได้เข้ามาใกล้ด้วย!”
หมูดำพลันร้องตะโกนดัง “น้องหยุน เหตุใดเจ้าอ่อนแอเพียงนี้? เกิด
อะไรขึ้นกับระดับการฝึกฝนราชันเซียนของเจ้า?”
ฉินหยุนนิ่ง เขาไม่คิดว่าจะมีผู้คนที่รู้จักตนเองในชาติภพก่อนคงอยู่
ภายในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ
“นามข้าฉินหยุน หาได้ใช่ราชันเซียนฝูหยุน!” ฉินหยุนตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว เจ้าคงตายไปและถือกำเนิดขึ้นใหม่” หมูดำถอนหายใจ
อย่างโศกเศร้า “เจ้าถึงขั้นตายแล้ว เรื่องนี้เกินคาดยิ่งนัก!”
ฉินหยุนกระแอมไอแห้ง “พี่ชายหมู ท่านบอกต่อข้าได้หรือไม่ว่าจะ
ออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬนี้อย่างไร?”
หมูดำเร่งรีบเอ่ยถาม “อย่างนั้นบอกต่อข้า ภายนอกเกิดเรื่องใดขึ้น?
เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
ฉินหยุนอธิบายโดยคร่าวถึงเรื่องโลงศพสีเงินขนาดใหญ่ยักษ์ให้แก่
หมูดำได้รับฟัง จากนั้นจึงบอกถึงเรื่องดวงจันทรามีปัญหา เขาขึ้นมา
รับชมดูจนถูกจับตัวได้เช่นนี้
“ขอข้าสงบใจสักประเดี๋ยว… ทางออกของเขตแดนอ้างว้างจันทรา
ทมิฬถึงกับไม่ได้ถูกผนึกเอาไว้!” หมูดำร้องกล่าว
ตอนนี้เอง ฉินหยุนค่อยส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเหยาเฟิงในไข่มุกเม็ด
ที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน “พี่สาวเหยาเฟิง ข้าถูกจับตัวคุมขัง
ในกรง จากนั้น ข้าพบเจอหมูตัวหนึ่ง! เขาบอกต่อข้า ว่าข้าคือราชัน
เซียนฝูหยุน และเขาคือราชันสวรรค์ ทั้งยังเป็นพี่ชายข้าในชาติภพ
ก่อน!”
เหยาเฟิงพอได้ฟัง นางถึงขั้นร้องออก “ราชันสวรรค์งั้นหรือ? เจ้ามี
พี่ชายเช่นนั้นจริง ชายผู้นั้นโด่งดังในแดนเซียนอ้างว้างเป็นอย่างยิ่ง!
ตามที่ได้ฟังมา อีกฝ่ายเป็นสัตว์สวรรค์อันแข็งแกร่ง ทว่าไม่เคยมีผู้ใด
พบเห็นร่างจริงของเขามาก่อน!”
“ว่าอะไร! จะบอกว่าเจ้าตัวนี้เป็นพี่ชายข้าจริงหรือ?” ฉินหยุนนั่งลง
กระแทกพื้นขณะจ้องมองหมูดำ
“บอกรายละเอียดให้ข้าฟัง!” เหยาเฟิงกล่าว
ฉินหยุนเริ่มอธิบายถึงสถานการณ์ภายในกรงให้เหยาเฟิงได้ทราบ
“เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬช่างเก็บงำความลับไว้มากมายนัก!
กระทั่งราชันสวรรค์ยังถูกจับตัวมาขังไว้!” น้ำเสียงของเหยาเฟิงเศร้า
หมอง “เจ้าหนู เจ้าตกอยู่ในปัญหาใหญ่แล้ว! ต่อให้เป็นข้า ก็ยังยาก
หากคิดหลบหนีออกไป!”
“อย่างนั้นผู้ใดคือราชันสวรรค์? เขาแข็งแกร่งกว่าท่านหรือ?” ฉินหยุน
เอ่ยถามอย่างตื่นตะลึง
“ย้อนกลับไปตอนนั้น แข็งแกร่งที่สุดคือจอมจักรพรรดิอสูรเซียน
และจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง ถัดจากนั้นจึงเป็นแปดราชันสวรรค์!
พี่ชายเจ้าเป็นถึงราชันสวรรค์ ถูกเรียกขานเป็นจักรพรรดิสัตว์ราชัน
สวรรค์!” เหยาเฟิงกล่าว
ฉินหยุนกล่าวอีกครั้ง “พี่สาวเหยาเฟิง หมูตัวนี้ไม่คล้ายมีกำลังอันใด!
เป็นปกติที่เขาจะหลบหนีออกไปไม่ได้!”
เหยาเฟิงตื่นตะลึงจนเร่งร้อนถาม “อย่างนั้นถามต่อเขา ว่ากำลังวังชา
เขาหายไปที่ใดหมดแล้ว!”
ฉินหยุนตบเรียกหมูดำพลางถาม “พี่ชายหมู ท่านสมควรแข็งแกร่ง
แล้วมันหายไปที่ใดหมดแล้ว?”
“ถูกตัวบัดซบนั่นฉกชิงไป เป็นจักรพรรดิเซียนนั่น! จากนั้นมันจึง
โยนข้ามาขังไว้ที่นี่! ย้อนกลับไปตอนนั้นที่ข้าหายตัวไป นับแต่วัน
นั้นข้าก็ถูกขังไว้ที่นี่!” หมูราชันสวรรค์ถอนหายใจกล่าว
ฉินหยุนจึงถ่ายทอดเรื่องราวต่อไปยังเหยาเฟิง
เหยาเฟิงคิดอยู่ครู่จึงค่อยกล่าว “ดูเหมือนจักรพรรดิเซียนกำลังคิดฝึก
ร่างเซียนอสูร!”
หมูราชันสวรรค์เอ่ยคำขึ้น “โชคข้ายังดี จิตวิญญาณข้ายังอยู่ที่นี่!
ส่วนผู้อื่น จิตวิญญาณพวกมันถูกแยกออก ที่หลงเหลือก็เพียงร่างที่
ว่างเปล่า ภายหลังพวกมันเหล่านั้นถูกกัดกิน! นับเป็นโชคดีที่ร่างข้า
เล็กยิ่ง ดังนั้นจึงไม่ถูกกิน!”
“พี่ชายหมู อย่างนั้นแล้วท่านไม่ทราบวิธีออกไปใช่หรือไม่?” ฉิน
หยุนถามย้ำ
“มีคนผู้เดียวที่ทราบวิธีออกไป!” หมูราชันสวรรค์กล่าวตอบ
“ผู้ใดกัน?” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม
“เย่ว์โยว!” หมูราชันสวรรค์ตอบกลับ
ฉินหยุนกลอกตา
หมูราชันสวรรค์เอ่ยถามอย่างตระหนกตกใจ “น้องหยุน เจ้ามีความคิด
อย่างนั้นหรือ?”
ฉินหยุนบุ้ยปาก “ไม่มี! กระทั่งว่าข้าไม่ได้ตื่นรู้ความทรงจำจากชาติ
ภพก่อน เย่ว์โยวกลับยังเกลียดชังข้าจนแทบตายตก!”
หมูราชันสวรรค์ขมวดคิ้วกล่าว “นี่ไม่สมเหตุสมผล! หากเจ้าไม่ใช่
สาเหตุที่ทำให้นางถูกผนึกที่นี่ นางหรือจะยังมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้?
ย้อนกลับไปตอนนั้น เจ้าเจตนาก่อเรื่องให้นางถูกปิดล้อมจนถูกขังไว้
ที่นี่ ดังนั้นนางจึงสามารถกลืนกินจันทราทมิฬ และฝึกฝนร่างศักด์ิสิทธ์ิ
จันทราทมิฬขึ้นมาได้!”
“เรื่องราวเป็นเช่นนั้น? อย่างนั้นแล้วเหตุใดข้าไม่เพียงไปบอกให้นาง
ปล่อยข้าออกไปเล่า?” ฉินหยุนลุกขึ้นยืน “นางเกลียดชังข้ายาวนาน
ยิ่งนัก นางกล่าวว่านางต้องทุกข์ทรมานที่นี่มานานนับ! ช่างเป็นสตรี
ที่ร้ายกาจนัก!”
หมูราชันสวรรค์กล่าว “ข้าไม่ทราบเรื่องราวแน่ชัด โดยสรุป ต้นเหตุ
มันคงเกิดจากเรื่องที่เจ้าก่อขึ้น ก่อนไปจากที่นี่ เจ้าบอกนางว่าภายหลัง
จะพาออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้! ทั้งเจ้ายังมาพบข้าเป็นการลับ
กล่าวว่าภายหน้าจะมาช่วยข้าออกไป!”
“มีแต่ข้าต้องตื่นรู้ความทรงจำเมื่อชาติภพก่อนจึงค่อยทราบว่ามันเกิด
เรื่องอันใดขึ้น!” ฉินหยุนถอนหายใจยาว
เขาพยายามใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง กระนั้นก็ไม่อาจทำได้
สำเร็จ
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าจงใจใส่ร้ายเย่ว์โยวและกักขังนาง
ไว้ที่นี่ นั่นสมควรเป็นการกระทำเพื่อช่วยให้นางหลบหนีพ้นจาก
อันตราย พร้อมกันนี้ มันยังทำให้นางได้รับจันทราทมิฬ! ทว่าเป็น
นางที่เข้าใจเจ้าผิดไป!”
“เรื่องนี้พอไว้เท่านี้ก่อน เวลานี้สิ่งสำคัญคือจะออกไปจากสถานที่
บัดซบแห่งนี้อย่างไร!” ฉินหยุนเดินไปมาในกรงขัง
หมูราชันสวรรค์ได้เห็นฉินหยุนพยายามทุบตีกรงขังจึงกล่าวคำ
“น้องหยุน นั่นไม่ช่วยอะไร!”
อย่างกะทันหัน ฉินหยุนรับรู้ถึงแรงสั่นไหวเล็กน้อย
“ด้านบนสมควรเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว
“ดี เอาให้ที่นี่พังพินาศไปเลย ฮ่าฮ่า!” หมูราชันสวรรค์หัวเราะกล่าว
คำ
“จริงด้วย พี่ชายหมู ชาติภพก่อนข้าเป็นคนเลวร้ายจริงหรือ?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม “สตรีผู้นั้น เย่ว์โยว นางเกลียดชังข้าถึงกระดูกดำ!”
“นั่นไม่จริง! ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง!” หมูราชันสวรรค์
หัวเราะกล่าว “เจ้าก็แค่หยอกล้อสาวงามที่แข็งแกร่งไปทั่ว นั่นไม่ใช่
เรื่องปกติหรือ?”
“ปกติบิดาท่าน!”
ฉินหยุนเมื่อนึกถึงจิตสังหารของเย่ว์โยว เขายังต้องลอบหวาดกลัว
วนซ้ำ
“น้องหยุน เจ้าไม่ทราบ ย้อนกลับไปตอนนั้น หลายคนต่างอิจฉาสตรี
ข้างกายเจ้า เพราะพวกนางล้วนได้รับอุปกรณ์เซียนชั้นเลิศที่เจ้าสร้าง
ให้กันอย่างถ้วนหน้า!”
“ข้าเพียงทราบภายหลัง ว่าเจ้ามีข้อเบาะแว้งกับพวกนาง จากนั้นจึง
เริ่มมีการทะเลาะกันไปบ้าง แต่นั่นก็เรื่องปกติธรรมดา!” หมูราชัน
สวรรค์หัวเราะกล่าว
ฉินหยุนตอบคำ “พี่ชายหมู ข้าจะแหกกรงขังนี่ออกไปได้อย่างไร?”
หมูราชันสวรรค์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงกล่าวตอบ “ใช้อัคคีเพลิง! มัน
สามารถทำลายลงได้ เพียงใช้อัคคีลึกล้ำเก้าสวรรค์!”
ฉินหยุนย่อมนึกถึงเป็ดน้อยหยางหยาง นั่นคือนกกระจอกลึกล้ำเก้า
สวรรค์ มันเป็นสัตว์เทวะทรงพลังอำนาจ กระนั้นตอนนี้ยังคงอยู่
ระหว่างการหลับใหล
“ฉินหยุน ให้ข้าออกไปทดลองดู!” เหยาเฟิงกล่าว
นางกล่าวคำจบ จึงปรากฏตัวที่ภายในกรงขัง
หมูราชันสวรรค์พอรับรู้ถึงพลังอำนาจรุนแรง เขาร้องออกตระหนก
ตกใจ “วิเศษนัก นี่เจ้าเป็นใคร?”
เหยาเฟิงไม่กล่าวคำใด ที่ทำก็เพียงคำรามเสียงแหบห้าวพร้อมปลด
ปล่อยพลังสีดำชวนขนหัวออกมาขุมหนึ่ง
เหล็กสีดำของกรงขัง เวลานี้มันเริ่มหลอมละลายทีละน้อย!
ทันใดนี้เอง ม่านพลังพลันแตกออก
เหยาเฟิงลงมือเรียบร้อย นางอ่อนแรงลงอย่างมาก จนต้องเร่งรีบกลับ
เข้าสู่ไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
“ฉินหยุน ข้าต้องพักชั่วระยะเวลาหนึ่ง ที่เหลือขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
เหยาเฟิงบอกต่อฉินหยุน
การทำลายกรงขัง ย่อมทำให้เกิดความตระหนกต่อผู้อื่นที่ถูกคุมขังอยู่
ฉินหยุนเร่งรีบคว้าร่างหมูราชันสวรรค์ที่ตื่นเต้นยินดี ใช้พลังเงาหลบ
ซ่อนตัวตนในความมืด
ภายในคุกใต้ดิน มีแต่กรงขังที่สามารถขวางกั้นความสามารถเทวะ
เอาไว้ได้
เมื่อเป็นอิสระจากกรงขัง ฉินหยุนจึงสามารถใช้ความสามารถเทวะ
ทะลุทะลวง
ฉินหยุนแบกร่างหมูราชันสวรรค์ไป พร้อมใช้ความสามารถเทวะ
ทะลุทะลวง หลังทะลุผ่านออกมาได้ เขาจึงปรากฏที่บนพื้นดิน
เพื่อให้ง่ายต่อการลงมือ ฉินหยุนจึงเร่งรีบเก็บหมูราชันสวรรค์ไว้
ภายในไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
หมูราชันสวรรค์ ในที่สุดได้มีโอกาสหลุดพ้นจากกรงขังที่อยู่มา
ยาวนานนับหมื่นปี เวลานี้เขายินดีขนาดร้องออกเสียงดัง ทั้งยังกล่าว
ชื่นชมน้องชายตนเองไม่ขาด
ฉินหยุนละความสนใจจากหมูราชันสวรรค์เป็นการชั่วคราว เวลานี้ที่
เขาต้องทำคือซ่อนตัวตน ในความมืด เขาสามารถใช้พลังเงา
สาเหตุว่าทำไมเขาจึงถูกจับตัวก่อนหน้า ก็เพราะเป็นเพียงร่างโปร่ง
แสงจึงทำให้ถูกพบเจอได้
หากเขาใช้งานพลังเงา อีกฝ่ายก็ยากพบเจอแล้ว
ท้องฟ้ายังคงสว่างไสว เขาไม่กล้าวิ่งเพ่นพ่านไปทั่วเพราะเกรงว่าจะ
ถูกจับตัวอีกครั้งหนึ่ง
ฉินหยุนหลบซ่อนใต้พุ่มไม้ดำมืด ตราบเท่าที่แสงไม่รุนแรงมากพอ
เขายังสามารถหลบซ่อนในความมืดต่อไปได้
ยิ่งมาคนยิ่งมาก พวกเขาเหล่านี้กำลังออกตามหาตัวเขาที่หลบหนี
เพราะไม่เคยมีผู้ใดหลบหนีจากคุกใต้ดินได้มาก่อน
“น้องหยุน บุคคลผิวสีดำผู้นั้นเป็นใคร? อีกฝ่ายแข็งแกร่งน่าประทับใจ
นัก ถึงขั้นทำลายกรงขังนั่นได้!” หมูราชันสวรรค์ร้องตะโกนถามดัง
จากภายในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
“ข้าเองก็ไม่ทราบเรื่องนางเท่าใดนัก! นามของนางคือเหยาเฟิง ท่าน
เคยได้ยินเรื่องของนางหรือไม่? เป็นสตรี!” ฉินหยุนกล่าว “ทั้งนี้ นาง
ยังโดนจอมจักรพรรดิอสูรเซียนสาป!”
“ข้าย่อมไม่ทราบ! จอมจักรพรรดิอสูรเซียนถึงขั้นลงมือสาปผู้คน หา
ได้ยากยิ่งนัก! เหมือนว่าสตรีผู้นี้จะทรงอำนาจยิ่ง!” หมูราชันสวรรค์
หัวเราะ “น้องหยุน เจ้าช่างยอดเยี่ยม ถึงขั้นมีสตรีแข็งแกร่งอยู่ข้าง
กายไม่ขาด!”
“พี่ชายหมู ท่านตัดสินใจหรือยังว่าภายหน้าคิดทำอันใด? การฝึกฝน
ท่านมลายหาย ภายหน้าคิดทำอย่างไรดี?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“อย่าได้ห่วงไปแล้ว! เมื่อใดได้ออกไปพ้นจากเขตแดนอ้างว้างจันทรา
ทมิฬ ข้าจะฝึกฝนเสียใหม่ ทั้งยังจะได้เป็นราชันเซียนที่แข็งแกร่งอย่าง
รวดเร็ว!” หมูราชันสวรรค์หัวเราะยินดี “น้องหยุน แม้เจ้ากลับชาติมา
เกิด และไม่มีความทรงจำในชาติภพก่อน กระนั้นก็ยังรักษาสัญญาที่
จะมาช่วยข้า!”
ฉินหยุนรู้สึก ว่าเรื่องราวคล้ายประจวบบังเอิญเกินไป เพราะเขาถึง
ขั้นได้พบพี่ชายในชาติภพก่อนที่นี่
ฟ้ามืด!
ฉินหยุนกล้าเคลื่อนไหวก็เวลานี้ เขาไปตามทิศทางที่เกิดแผ่นดินสั่น
ไหว ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างระแวดระวัง
แม้หลายคนอยู่ที่นี่ กระนั้นกลับไม่มีผู้ใดพบเห็นเขาแม้เพียงผู้เดียว
“พลังเงาช่างยอดเยี่ยมนัก!” ฉินหยุนชื่นชม
“แหงอยู่แล้ว! อย่างไรแล้วนั่นก็เป็นพลังของวิญญาณยุทธ์ตะวัน
ทมิฬ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เพียงทำให้ร่างกายเจ้าโปร่งแสงนั้นไม่
พอซ่อนเร้น!”
คลื่นกระแทกปรากฏครั้งแล้วครั้งเล่า มันมาจากพื้นที่ซึ่งเป็นภายใน
ของพระราชวัง
ฉินหยุนมาถึงพื้นที่ส่วนทางใต้สุด ที่แห่งนั้นเป็นลานกว้างขนาด
ใหญ่ ทันทีเมื่อมาถึง เขาได้เห็นเย่ว์โยว!
เย่ว์โยวสวมใส่ชุดสีดำ เส้นผมสีเงินงดงามของนางพลิ้วไหวกับสาย
ลม ทั้งยังสวมหน้ากาก ใบหน้าไม่อาจพบเห็นได้
นอกจากเย่ว์โยวแล้ว ยังมีอีกหลายคนอยู่ที่นี่
เปาเฉิงโฉ่ว เจี้ยนสือเทียน ทั้งยังมีเชี่ยวเสวียนฉินและหยางฉีเย่ว์!
ฉินหยุนเร่งรีบพิจารณา ว่าที่นี่มีคนแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
เปาเฉิงโฉ่ว เจี้ยนสือเทียน แม่เฒ่าหยุนเหยา รวมถึงผู้อื่นอยู่ฝ่ายเย่ว์
โยว จำนวนรวมบุคคลทั้งสิ้นมีน้อยนิดยิ่งนัก
อีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นคนของตระกูลหลง
และหุบเขาเซียนโอสถ กล่าวได้ว่าอีกฝ่ายมีพลังอำนาจพอให้สะกด
ข่มคณะของเจี้ยนสือเทียน
ผู้นำอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา เขาครอบครองเส้นผมสีเงินและ
ชุดเกราะดำ
ชายหนุ่มหล่อเหลาผู้นั้นเผยยิ้มอหังการ “เย่ว์โยว แม้ว่าเจ้าคือผู้ที่นำ
กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามา กระนั้นเวลานี้ส่วนใหญ่เลือกยืนหยัดเคียงข้าง
ข้า จากที่เห็น ชัดเจนว่าเจ้าไม่อาจซื้อใจผู้คนได้!”
“เฉียหยิ่ง เจ้าก็อาศัยแต่กลลวงต่ำช้าให้พวกนั้นยืนหยัดเคียงข้างเจ้า!
จงเข้ามาและต่อสู้ แม้ฝ่ายข้ามีคนไม่มาก กระนั้นคิดเอาชนะฝ่ายเจ้า
หาได้ใช่ปัญหาไม่!” เย่ว์โยวแค่นเสียงกล่าวคำดังขึ้น