บทที่ 1520 – ชัยชนะที่ง่ายดาย

การต่อสู้จบลงแล้ว ชิงสุ่ยแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่พลังของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าเขา การต่อกลับจบลงอย่างไม่คาดคิด แม้ชิงสุ่ยจะรู้ว่าชายชราต้องพ่ายแพ้ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะง่ายดายเช่นนี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้มังกรไอยราเกล็ดทองคำและวิหคเพลิงนรกานต์เลยด้วยซ้ำ

ผลลัพธ์ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ง้าวทองทะลวงศัตรูนั้นทรงพลัง แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับปราณจักรพรรดิและเคล็ดวิชาล่าสังหาร ชิงสุ่ยได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้อย่างที่ตั้งใจ ถึงแม้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะสังหารชายชรา

ความสามารถในการโจมตีของง้าวทองทะลวงศัตรูเพิ่มขึ้นด้วยทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึก

ชายชราแข็งแกร่งกว่าชิงสุ่ยมาก ด้วยการที่ต้องมาประมือกัน ชิงสุ่ยคิดว่าชายชรานั้นนับว่าเคราะห์ร้ายมาก ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโชคชะตาของชายชรา

ชิงสุ่ยไม่ได้ต้องการที่จะกำจัดชายชรา เขาเป็นหมอ เขาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง แม้ว่าเขาจะเคยสังหารผู้อื่นมาก่อน เขาก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะทำอะไรเช่นนั้น หลังจากชายชราตระกูลฮั่วพิการ แน่นอนว่าต้องมีผู้อื่นอยากที่จะคิดบัญชีกับเขา

ชิงสุ่ยจากไป เขาต้องการที่จะสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาปลาบปลื้ม การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้เขาตระหนักถึงพลังของตัวเอง

เมื่อเขากลับมาก็เข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาเริ่มทำการฝึกฝนตราประทับซวนเทียน

ปราณกระบี่วชิระของมังกรไอยราเกล็ดทองคำแสดงให้เห็นว่าพลังของมันเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับวชิระสยบอสูร แค่คิดมันก็ทำให้ชิงสุ่ยอยากหัวเราะ เขาไม่กล้าคิดว่าจะไร้คู่แข่งหากอีกฝ่ายอ่อนแอกว่าระดับปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่ผู้ใดในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจจะจัดการเขาลงได้

เขาไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ข่าวการต่อสู้ของเขากับบรรพบุรุษตระกูลฮั่วได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าบรรพบุรุษตระกูลฮั่วได้รับบาดเจ็บสาหัสและกลายเป็นคนพิการด้วยน้ำมือของชิงสุ่ย

ชิงสุ่ยเป็นหมอ ในทางกลับกันตระกูลฮั่วมีแต่การกดขี่ข่มเหงผู้อื่นในเมืองหลินห่าย ด้วยชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก นี่จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากอยู่ข้างชิงสุ่ย

“ตอนนี้ตระกูลฮั่วถึงคราวเคราะห์แล้ว ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเจิ้งที่เคยติดต่อคบค้ากับตระกูลฮั่วได้ตัดขาดพวกเขาไป”

“สำหรับตระกูลซุน ข้าจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป ข้าจะทรมานพวกตระกูลฮั่วให้ถึงแก่ความตาย ถ้าข้าเป็นสมาชิกตระกูลซุน ข้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเขารอดไปได้”

“ตระกูลซุนนั้นซื่อสัตย์ พวกเขาอดทนยืนหยัดมาเสมอ นี่คือสิ่งที่มนุษย์ควรจะมีมัน”

……

ชิงสุ่ยไม่ได้ออกไปไหนเลยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ภายนอกเต็มไปด้วยการพูดคุยต่างๆนานา พวกเขาสนทนาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากความพ่ายแพ้ของชายชรา ตระกูลฮั่วต้องพยายามดิ้นรนหาทางรอด เพียงไม่กี่วันมานี้ พวกเขาสูญเสียคนในตระกูลไปแล้วกว่าหนึ่งในสามและมันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในความสนใจของชิงสุ่ย แต่คนอย่างเสวี่ยนั่วจะทำให้เขาได้รับทราบเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ตอนนั้นการติดต่อระหว่างชิงสุ่ยและฉินชิงก็ไม่เกิดขึ้นเลย

ฉินชิงใช้เวลาแต่ละวันไปกับการฝึกฝน เขาไม่รู้ว่าเธอฝึกฝนจริงๆหรือต้องการหลีกเลี่ยงเขา ชิงสุ่ยส่ายหัว เรื่องของหัวใจเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเหลียนหลิงเฟิงกับซีฉีชาดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เธอเริ่มตระหนักแล้วว่าเหลียนหลิงเฟิงเป็นคนที่ดี

เหลียนหลิงเฟิงปรากฏตัวด้วยท่าทีที่มีความสุข เขายังคงคอยขอคำชี้แนะจากชิงสุ่ยอยู่เสมอ

“เจ้าอย่าได้ร้องไห้ หากว่าท่านหญิงซีฉีตกหลุมรักข้า” เขากล่าวและเดินผ่านไป

เพียงประโยคเดียวของเหลียนหลิงเฟิง มันก็ทำให้ชิงสุ่ยแทบอยากจะล้มเลิกช่วยเหลือเขา

ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกของเขา เขาไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการทำเช่นนี้ในระหว่างวัน ถ้าเขาไม่ได้เล่นกับเด็กหญิงตัวน้อย เขาก็จะไปสอดส่องดูการฝึกฝนของฉินชิง มันดูราวกับว่ามีอุปสรรคที่มองไม่เห็นระหว่างพวกเขา

ชิงสุ่ยเดินเข้าไปหาฉินชิง พวกเขารู้จักกันมาพอสมควร ตอนนี้เขาถือว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนสนิทของเขา อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เขารู้สึก

หญิงสาวเข้มงวดและขยันฝึกฝน แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ นอกเหนือจากการทำงานหนักและพรสวรรค์ เวลาก็เป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุความสำเร็จเช่นกัน แต่บางครั้งเวลาก็สามารถชดเชยได้ด้วยสิ่งอื่น

ชิงสุ่ยได้ข้อสรุปว่าหญิงสาวไม่ได้มีสิ่งของที่คล้ายคลึงกับดินแดนหยกยุพราชอมตะ เธอมีบางอย่างที่ทรงพลังกว่ากำไรศักดิ์สิทธิ์หลายเท่า มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะประสบความเร็จอย่างที่เป็น

เมื่อเธอสังเกตเห็นการมาถึงของชิงสุ่ย เธอยิ้มและพยักหน้า ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งก่อน เธอไม่ได้ฝึกซ้อมคู่กับชิงสุ่ยอีกเลย

ชิงสุ่ยเดินคู่กับเธอไปยังศาลาหลังเล็กๆที่อยู่ไม่ไกล

ในศาลามีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่ ด้านบนมีหม้อชาและถ้วยตั้งเอาไว้

“ชิงสุ่ย ข้าจากบ้านมานานแล้ว ข้ากำลังคิดว่าจะกลับไปเร็วๆนี้” ฉินชิงกล่าว รอยยิ้มเล็กๆของเธอยังคงปรากฏอยู่

หัวใจของชิงสุ่ยเหมือนโดนทุบตีด้วยคำพูดของเธอ เขารวบรวมสติอย่างรวดเร็ว “กลับไปจักรววรดิหิมะนิรันดร์งั้นหรือ?”

ฉินควิงสั่นหัว ชิงสุ่ยนึกถึงเรื่องที่เธอกล่าวเกี่ยวกับจักรวรรดิฉิน

“ข้าจะกลับไปที่จักรวรรดิฉิน” ฉินชิงกล่าวเบาๆและมองไปที่ชิงสุ่ยอย่างตั้งใจ

ชิงสุ่ยตกอยู่ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก  เขาปรารถนาที่จะไปยังวังทะเลราชันย์ แต่ความแข็งแกร่งของเขายังคงมีจำกัด ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการไปที่จักรวรรดิฉินเช่นกัน

“เจ้าต้องการไปกับข้าหรือไม่?” เสียงของฉินชิงนั้นชัดเจน เธอมองไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง มันราวกับว่าเธอสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเขา

“ตกลง ข้าจะไปกับเจ้า” หลังจากพิจารณาแล้ว ชิงสุ่ยสรุปได้ว่าการเดินทางไปยังวังทะเลราชันย์ตอนนี้น่าจะเป็นเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทร บางทีเขาอาจจะต้องรออีกสักพัก หากยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ การเดินทางไปวังทะเลราชันย์ก็จะพบปัญหาได้

ฉินชิงหัวเราะ “เจ้าไว้ใจข้ามากขนาดนี้เลยหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเอาเจ้าไปทำอะไรรึ?”

“ข้ายินดีสละตัวเองหากมีอะไรเกิดขึ้น” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่เธอ

“มันไม่มีอะไรดีที่จะคาดหวังคำพูดจากคนโกหก” แม้ฉินชิงจะสบประมาทต่อคำพูดเหล่านั้น แต่ใบหน้าของเธอก็ยังปรากฏสีแดงระเรื่อออกมา

ชิงสุ่ยมองดูใบหน้าที่งดงามของเธอ เขารู้สึกหลงใหลในตัวเธอ “ฉินชิง เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก!”

ชิงสุ่ยกล่าวชมเชยเธอนับครั้งไม่ถ้วน ขณะที่ฉินชิงได้ยินมัน เธอเงยหน้าขึ้นและถาม “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ?”

ชิงสุ่ยตกตะลึง เขาพยักหน้าและตอบ “ข้าคิด!”

“เจ้าหมายถึงว่าเจ้ากำลังคิดอะไร? ไม่ว่าเจ้าจะคิดหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกัน!” ฉินชิงตอบขณะหัวเราะ

“ข้าไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีต่อเจ้าได้ มันเหมือนมีบรรยากาศที่คุ้นเคย มันราวกับว่าข้ารู้จักเจ้ามานานนับล้านปี” ชิงสุ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสามารถในการเล้าโลมผู้หญิงยิ่งนัก” ฉินชิงหัวเราะ

“เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงงั้นหรือ…”

“หยุดพูดจาไร้สาระ ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบตีเจ้า” ฉินชิงโกรธเคือง

ความเยือกเย็นของเธอก่อนหน้านี้ถูกชิงสุ่ยทำลาย คิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อยด้วยความโกรธ คนสารเลวผู้นี้กล้าที่จะกล่าวในสิ่งที่เขาต้องการ

“ข้ารู้ว่าพี่สาวฉินทนไม่ไหว”

ฉินชิงพ่ายแพ้ต่อคำพูดของชิงสุ่ย ขณะที่เธอเหลือบมองเขา เธอสงสัยว่าเมื่อพวกเขาสนิทกันมากขึ้น ทำไมบางครั้งเขาถึงเรียกเธอว่าพี่สาว…

“วันนี้ไปเตรียมของที่เจ้าต้องการซะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกัน” ฉินชิงกล่าว

“ข้าสามารถออกไปได้ทุกเมื่อ ข้าจะไปแจ้งข่าวให้คนอื่นทราบเรื่องการเดินทางของเรา”

“ตกลง!”

ชิงสุ่ยตั้งใจที่จะให้หยินต่งและคนอื่นๆคอยอยู่ที่นี่ ด้วยตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉี หอคอยจักรพรรดิจะปลอดภัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมีเหลียนหลิงเฟิงและหยินต่งซึ่งเป็นกำลังสำคัญ

กลับกัน ตระกูลซีฉีเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลินห่ายและพวกเขายังเป็นหนี้บุญคุณหอคอยจักรพรรดิ มิหนำซ้ำลูกสาวของตระกูลพวกเขายังอยู่ที่นี่ด้วย

ชิงสุ่ยได้แจ้งให้ทราบถึงการตัดสินใจของเขาที่จะจากไปและความปรารถนาของเขาที่จะให้พวกเขารอ เขาจะแวะกลับมาที่นี่เป็นครั้งคราว เนื่องจากเขายังมีธุระที่จัดการไม่เสร็จ คนอื่นๆกังวลเกี่ยวกับการเดินทางของเขา พวกเขาเตือนและย้ำให้เขาระมัดระวังตัว

“ชิงสุ่ย!” อวี้เหนียงมีท่าทีอึดอัด

“พี่สาว นี่คือบ้านของท่านเช่นกัน ข้าจะมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ โปรดดูแลตัวเองด้วย ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะกล้าขมขู่ท่าน” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความจริงใจก่อนสวมกอดเธออย่างอ่อนโยน

“ข้ารู้!”

แม้ชิงสุ่ยจะพูดกับอวี้เหนียง แต่มันก็ซึมซับเข้าไปในความคิดของทุกคน คำพูดนี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของอวี้เหนียงกับเขา เธอได้พบกับชิงสุ่ยในช่วงเวลาที่เลวร้ายของชีวิต และตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยนแปลงไปมาก

ฉินชิงเฝ้ามองดูอยู่ข้างๆ เธอสังเกตเห็นว่าเขารู้จักที่แห่งนี้ดีมาก เธอสงสัยเกี่ยวกับตัวชิงสุ่ยและบางครั้งก็พยายามที่จะเข้าใจเขา เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

ชิงสุ่ยและฉินชิงออกเดินทาง พวกเขามุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางแห่งมหาทวีปอุดรเทวา แม้มันจะถือว่าเป็นภูมิภาคกลาง แต่ปลายทางของพวกเขาแทบจะอยู่นอกเขตเมือง