บทที่ 41 การเข้าใจผิด

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 41
การเข้าใจผิด

เขาพูดพร้อมกับลมหายใจที่ไม่เหมือนใครใส่หูเธอซึ่งทำให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน

สิ่งที่เขาพูดทำให้เธอกลัว นี่เขารู้ความลับของเธอเรื่องการมองเห็นหรือเปล่าเนี่ย?! เขาก็เลยปฏิบัติกับเธอแบบนี้หรือเปล่า? เป็นเพราะความสามารถของเธอ

สวรรค์รีบไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ไปที หนูกลัวแล้ว!!!

แน่นอนว่าเธอไม่โง่พอที่จะยอมรับเรื่องนี้ ไม่ว่าชางกวนโม่จะพูดอะไรเธอก็แค่เงียบไว้ เมื่อคิดแบบนี้หัวใจของเธอก็สงบลงมาก “พี่ชางกวน ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่กำลังพูดถึงอะไร? งั้นฉันไปหาหุ้นส่วนของฉันดีกว่า ฉันไปก่อนนะคะ…” เธอรีบเดินห่างจากวิญญาณชั่วร้ายนี้ ไม่รู้ว่าดวงตาคู่นั่นจ้องเธอนานแค่ไหน เธอกลัวว่าจะบังเอิญทำท่าทางอะไรให้เขารู้โดยบังเอิญ
ดวงตาของชางกวนโม่เย็นชา แน่นอนเขารู้ว่ามู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะอยู่ใกล้เขา เธอมักจะหาข้ออ้างหนีออกมาเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เขาไม่มีพอใจเท่าไร เขาหล่อไม่พอเหรอ?! หรือว่าเขาสูงไม่พอ?! หรือพื้นฐานครอบครัวของเขาไม่ดีพอ!? เธอถึงอยากจะหลบจากเขาแบบนี้

เสียงของมู่หรงเสวี่ยเบาลงเรื่อย ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชาของเขา หื้อ…หมอนี่กลายเป็นตู้น้ำแข็งอีกแล้ว ขาของเธอสั่นด้วยความหนาว

ชางกวนโม่กอดเอวของเธอให้อยู่ติดกับตัวของเขา ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเขาทั้งสองน้อยกว่าหนึ่งเซนติเมตร “พูดสิ ทำไมเธอไม่พูดต่อ… ”

มู่หรงเสวี่ยกลอกตาในใจ คุณชายคนนี้เอาใจยากจริงๆ จากนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างประจบพร้อมรอยยิ้ม “พี่ชางกวน ฉันกลัวว่าจะทำให้พี่เบื่อหรือเปล่า? ฉันแค่อยากจะไปดูหินหยกที่ด้านโน้นบ้าง คือเดี๋ยวฉันกลับมาหาพี่หลังจากที่ดูเสร็จ….. ”

ใช้เวลาคิดสองลมหายใจ บางทีท่าทางของเธออาจทำให้เขาพอใจได้ แล้วอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยแล้วจะปล่อยเธอไป แต่ก็ยังพูดอย่างสุภาพว่า “ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วรีบกลับมาให้ไว!”

บ้าไปแล้ว! นี่เธอเป็นคนใช้ในบ้านเขาหรือไงกัน?!!!

แต่ก็ทำได้เพียงโกรธอยู่ในใจเท่านั้น แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มอยู่

ใครจะกล้ากับคนที่ทรงอำนาจขนาดนี้เล่า!!!

มู่หรงเสวี่ยไปเห็นแสงสีแดงที่หินหยกหนึ่งและเริ่มตรวจสอบอย่างช้าๆ หลังจากพลิกหินหยกเกือบ 20 ชิ้นในที่สุดก็เห็นชิ้นงานที่สวยงามเป็นสีทอง หินหยกนี้มีเพียงผิวด้านนอกบาง ๆ เท่านั้นและกำลังจะถูกส่งออกไปประมูล!!!

พื้นที่นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับการเสนอราคา แต่สำหรับการประมูล มู่หรงเสวี่ยจดหมายเลขและส่งให้กับผู้ดูแลด้านหลังเธอ ดังนั้นเธอจะไม่ได้เห็นมันอีก ในการประมูลในตอนเย็นเธอตั้งใจที่จะชนะการประมูล
มู่หรงเสวี่ยจะไปหาพี่กู่ ตอนนี้เธอไม่เห็นเขา เธอไม่รู้ว่าเขาไปไหน

หลังจากเดินไปได้ไม่นานในที่สุดเธอก็เห็นพี่กู่ ซึ่งรายล้อมไปด้วยผู้หญิงที่น่าหลงใหลหลายคน เขาดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร

มีอะไรเหรอ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่าน่ะ?
มู่หรงเสวี่ยรีบเดินเข้าไปและเรียก “พี่กู่คะ!”

ผู้หญิงสามคนและพี่กู่หันหัวกลับมาพร้อมกัน ความแตกต่างก็คือพี่กู่ดูประหลาดใจในขณะที่ผู้หญิงทั้งสามคนดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร

“โอ้ เด็กสาวคนนี้เป็นใครอ่ะ?”
“ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กจะเข้ามาได้นะ… ”
“ก็เพราะงั้นฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่…”
“ …… ”

มู่หรงเสวี่ยพูดอะไรไม่ออก รู้สึกว่าการที่เธอเดินเข้ามาเหมือนจะมาแย่งผู้ชายกับพวกเธองั้นเหรอ?!

ในโอกาสแบบนี้ผู้หญิงหลายคนที่พอมีเงิน แต่ไม่ถึงกับมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแอบเข้ามาเพื่อหวังจะจับผู้ชายที่รวยกว่า หรือแม้ว่าพวกหล่อนจะยังทำไม่สำเร็จในงานนี้ แต่ในอนาคตมันก็จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ชุดของตัวเอง เธอไม่ได้สวมเครื่องประดับใด ๆ ยกเว้นก็แต่ชุดสีขาวธรรมดาๆ ซึ่งเดาได้ว่าพวกหล่อนมองว่าเธอไม่ได้มีฐานะเท่าไรและต่างก็พูดซุบซิบเธอ แต่เธอไม่ได้มีอารมณ์ที่จะโต้เถียงกับสาวๆพวกนี้และไม่อยากที่จะสูญเสียตัวตนของตัวเองด้วย

“คุณหนู อยู่นี่นี้เอง” กู่หมิงพูดออกมาอย่างตั้งใจ

มู่หรงเสวี่ยยิ้มกว้าง

สีหน้าของผู้หญิงทั้งสามคนอึ้งและซีดลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเธอไม่ได้โง่ กู่หมิงเป็นประธานกลุ่มเจวี๋ยลี่กรุ๊ป ถ้าเธอทำให้เขาเรียกออกมาว่าคุณหนูได้ พวกเธอก็ไม่ควรที่จะทำให้เธอคนนี้ไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นอาจทำให้ครอบครัวตัวเองต้องล่มสลาย

เพราะกลัวว่าจะทำให้มู่หรงเสวี่ยโกรธ ผู้หญิงทั้งสามจึงรีบกล่าวขอโทษและจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเธอไม่กล้าที่จะประจบกู่หมิงแล้ว ความปลอดภัยของตัวเองสำคัญกว่า

มู่หรงเสวี่ยเมื่อเห็นผู้หญิงสามคนที่เดินจากไปก็อดไม่ได้ที่จะแซว“ พี่กู่ไม่เลวเลยนะ!”

กู่หมิงกางมือออกอย่างช่วยไม่ได้ “อย่ามาล้อผมเล่นสิครับ!”
“ว่าแต่ พี่กู่เลือกหินหยกแบบไหนไว้บ้างคะ?”
“ผมเลือกอันดีๆไว้ประมาณ 5 อัน ส่วนที่เหลือผมยังไม่เห็นเลย”

“นี่ก็เกือบเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากเดินเตร่มานาน

“ดีครับ!” พวกเขาไปที่ร้านอาหารบนชั้นสองของคฤหาสน์เพื่อรับประทานอาหารกัน

ในเวลานี้มู่หรงเสวี่ยลืมเรื่องของชางกวนโม่ไปเลย
ที่ชั้นแรกของคฤหาสน์นี้เป็นพื้นที่หินพนัน ชั้นสองเป็นห้องอาหารและชั้นสามขึ้นไปเป็นห้องพักแขกทั้งหมด

เนื่องจากการประชุมหินการพนันจัดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่แขกผู้มีเกียรติที่จะต้องไปๆมาๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการที่ดีเพื่อแสดงความเกรงใจต่อผู้จัดงานด้วย

หลังจากรออยู่เป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่เห็นมู่หรงเสวี่ยกลับมาหาซะที ใบหน้าของเขาเริ่มคล้ำลงด้วยความโกรธ เขามองไปรอบ ๆ และไม่เห็นร่างของเธอเขาจึงโทรศัพท์

ครู่ต่อมาชางกวนโม่ซึ่งมาปรากฏตัวในร้านอาหารบนชั้นสอง ยืนดูมู่หรงเสวี่ยและชายอีกคนที่กำลังรับประทานอาหารด้วยกัน ใบหน้าของเขาเข้มขึ้นและเดินไปตรงเข้าไป “มู่หรงเสวี่ย!”

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ มู่หรงเสวี่ยก็รีบหันหัวกลับไปทันทีและยิ้มออกมาอย่างเจื่อนๆ “พี่ชางกวน ฉันกำลังจะโทรหาพี่อยู่พอดีเลย!!”

“โอ้ จริงเหรอ?” พร้อมสายตาที่เย็นชา!

“จริงสิคะ เดี๋ยวฉันแนะนำให้พี่รู้จักนะคะ นี่คือหุ้นส่วนของฉัน พี่กู่ และนี่คือเพื่อนฉันค่ะ พี่ชางกวนโม่” ที่แนะนำออกไปว่าเป็นเพื่อนเพื่อที่เขาจะได้ไม่กล้าเข้ามาใกล้ มู่หรงเสวี่ยคิดกับตัวเอง

“ฮึ่ม! ฉันจะให้เวลาเธอ 10 นาที ขึ้นไปที่ห้องชั้น 10! ไม่งั้นเธอได้รู้ผลที่จะตามมาแน่!” ชางกวนโม่โยนการ์ดห้องให้เธอและจากไปโดยไม่รอให้เธอตอบอะไร

มู่หรงเสวี่ยหยิบการ์ดห้องขึ้นมา หน้าตกตะลึง นี่เขาต้องการร่างกายของเธอจริงๆงั้นเหรอ?!!!

ราวกับในภาพยนตร์ แม้ว่าเธอจะคิดไว้แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ในใจก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี
เธอต้องการความรักที่บริสุทธิ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ต้องต่อสู้ เป็นเพียงความรักที่เรียบง่ายและสวยงาม มันมากไปเหรอ? ในชีวิตที่แล้วเธอต้องการแค่นี้เท่านั้น แต่ในที่สุดเธอก็เจอคนผิด ในชีวิตนี้เธอยังไม่เจอความรัก แต่กลับต้องยอมพลีกายก่อนงั้นเหรอ?!!! กู่หมิงมองมู่หรงเสวี่ยอย่างกังวล เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวเสวี่ยและชายคนนี้เป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามเมื่อเขามองไปที่ชายคนนั้น เขาก็รู้ได้เลยว่าสถานะของเขานั้นต้องไม่ธรรมดา ไม่งั้นเขาคงไม่ได้เห็นรอยยิ้มประจบประแจงแบบนั้นของเสี่ยวเสวี่ยแน่ “เสี่ยวเสวี่ย ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปนะครับ พี่กู่จะปกป้องคุณเอง! ไม่ต้องกลัวนะครับ”

มู่หรงเสวี่ยฝืนยิ้ม “พี่กู่ คิดอะไรกันคะ? เราเป็นเพื่อนกัน เขาจะทำอะไรฉันได้?! ฉันขอโทษนะคะ ฉันจะขึ้นไปก่อน ฉันคิดว่าเขาคงมีเรื่องที่อยากจะคุยกับฉัน!” ตัวตนของชางกวนโม่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะเข้ามายุ่ง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้คนอื่นมาเดือดร้อนด้วย

ยังไงซะเธอก็หนีไม่พ้นถ้าเขาต้องการ “โอเค ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมได้เลยนะครับ พี่กู่คนนี้ไม่กลัวอะไร… ” กู่หมิงยังคงกังวลเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ!” มู่หรงเสวี่ยแสร้งทำเป็นสงบตลอดทางที่ขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น 10

ชั้น 10งั้นเหรอ?! เขาจองมันทั้งชั้นเลย ก่อนหน้านี้เธออยากที่จะจองชั้น 10 แต่เจ้าหน้าที่บอกเธอว่าชั้น 10 มีแขกวีไอพีจองไว้แล้ว ปรากฏว่าแขกวีไอพีที่ว่าก็คือชางกวนโม่นี่เอง ในตอนนั้นเธอยังคิดอยู่เลยว่าเป็นใครกันที่มาแย่งห้องเธอไปทั้งชั้นแบบนี้

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็เห็นผู้ชายในชุดสูทยืนเรียงเป็นสองแถวอยู่ตรงทางเดินซึ่งดูน่ากลัวจริงๆ

ชายคนหนึ่งกล่าวว่า “สวัสดีครับคุณมู่หรงเสวี่ย คุณชายรออยู่ในห้องแล้วครับ เชิญเข้าไปได้เลย!”

มู่หรงเสวี่ยหายใจเข้าลึก ๆ และเปิดประตูด้วยคีย์การ์ดพร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้ม หลังจากที่เดินเข้ามามู่หรงเสวี่ยไม่เห็นใครเลย

เห็นเพียงแต่อาหารน่าทานเต็มโต๊ะ เธอก็เดินเข้าไปอีกครั้ง“ พี่ชางกวนคะ?”
ไม่มีใครตอบ เธอมองเข้าไปในห้องหรือว่าไม่มีใครอยู่นะ แต่ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้องน้ำ สีหน้าของเธอซีดขาว แล้วค่อยๆเดินออกไปนั่งตัวแข็งอยู่บนโซฟา

หลังจากนั้นไม่นานชางกวนโม่ก็ออกมาพร้อมกับเสื้อคลุมอาบน้ำที่ผูกไว้ เขาเหงื่อออกตอนกำลังเลือกหินหยก ก็เลยอาบน้ำทันทีที่ขึ้นมา หลังจากอาบน้ำแล้วเขาสบายตัวขึ้นมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีมู่หรงเสวี่ยจะตามขึ้นมาหรือเปล่า เขาอยากทานอาหารกลางวันกับเธอ

เมื่อเดินออกจากห้อง เขาเห็นมู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่บนโซฟา จึงพูดออกมาอย่างมีความสุขว่า “ว่าง่ายจริงๆ!”

มู่หรงเสวี่ยตกตะลึงแต่ทั้งร่างกลับสั่นสะท้านแล้วมองเขาอย่างโง่เขลา

ทำไมถึงดูหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ? “เธอเป็นอะไร ไม่สบายงั้นเหรอ?” เขาเอามือมาจับที่หน้าผากของเธอ มันค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ไม่น่าจะมีไข้

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่รูปร่างที่เปลือยเปล่าของชางกวนโม่ สีหน้าของเธอซีดขึ้นไปอีกและพูดออกมาว่า “ฉันขออาบน้ำก่อนได้ไหม?”

คงเพราะอาการร้อน ชางกวนโม่ไม่ได้คิดอะไรมาก“ ไปสิ! ออกมาเร็วๆด้วยเดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”

แต่มู่หรงเสวี่ยเข้าใจเขาผิดและคิดว่าเขาแทบรอไม่ไหวที่จะคุยกับเธอ

ร่างที่แข็งขืนเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าออกอย่างลวกๆราวกับว่าต้องรีบถอดเสื้อผ้าเพื่อจะเอาไปซักให้ทัน

เวลาผ่านไปนานจนชางกวนโม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยลื่นล้มในห้องน้ำจึงเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป

แค่เพื่ออยากจะเรียกให้เธอออกมาทานอาหาร เมื่อเขาเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยออกมาโดยมีเพียงผ้าขนหนูอาบน้ำอยู่รอบตัวเธอ คำพูดของเขาติดอยู่ในลำคอและสายตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผิวบอบบางของเธอ ผ้าคลุมอาบน้ำสั้นมาก ซึ่งปิดบังได้เพียงตั้งแต่หน้าอกลงมาถึงต้นขาเท่านั้น ขาที่ตรงและเรียวยาว ร่องหน้าอกทั้งสองข้างทำให้ชางกวนโม่ตอบโต้ในทันที

เธอชอบเขางั้นเหรอ ไม่งั้นเธอคงไม่ออกมาในสภาพแบบนี้หรอก

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยเดินเข้ามา ชางกวนโม่ก็อดไม่ได้ที่จะดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและล็อกริมฝีปากสีแดงอ่อนของเธอให้เข้ากับเขาอย่างแม่นยำ