เมื่อคิดไปสักพัก หลิงฮันก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป เพราะอย่างไรหยินเล่อก็คงจะหลบซ่อนตัวอยู่ในตำหนักสมบัติวิญญาณซึ่งมีจอมยุทธระดับสวรรค์คุ้มครองอยู่ การจะสังหารนางเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินไป
แค่มดปลวกตัวเล็กๆ เอาไว่ค่อยจัดการทีหลังก็ได้
หลิงฮันไม่จ้างรถม้าอีกต่อไปและเดินผ่านป่าผ่านภูเขาไปพร้อมกับสามสาว จูเสวียนเอ๋อ เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิว
ผ่านไปเจ็ดวัน มหาสมุทรขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าพวกเขา
เพียงแต่ว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่มหาสมุทร แต่เป็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่จนดูราวกับเป็นมหาสมุทร ชื่อของทะเลสาปแห่งนี้คือ ทะเลสาบหยังชง
ถ้าหากจะนั่งเรือข้ามไปก็คงจะช้าเกินไป หลิงฮันจึงใช้พลังของตนเองเพียงผ่านผืนน้ำ
การวิ่งบนน้ำกับพื้นดินนั้นต่างกัน เมื่อตกกลางคืนหลิงฮันก็เริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อย พวกเขาพบเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเลสาปจึงหยุดพักกินนอนที่นั่นสักพัก และค่อยเดินทางต่อในอีกสองวันถัดมา
ทะเลสาบหยังชงกว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ผ่านไปสามวันพวกเขาก็ยังออกไปจากทะเลสาบไม่ได้เสียที เมื่อลองมองดูบนแผนที่ พวกเขาพบว่าเพิ่งเดินมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
แต่ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าของพวกเขาก็ปรากฏหมอกสีขาว
“ตำนานเล่าว่ามีอสูรมังกรเฒ่าพันปีได้ดูดกลืนกินเมฆเป็นประจำทุกวัน ก่อให้เกิดเป็นหมอกบนทะเลสาปแห่งนี้ ข้าไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่” หลิงฮันหยุดเดินไม่ก้าวเข้าไปยังหมอกตรงหน้า
“หนิวอยากกินเนื้อมังกร!” ฮูหนิวตะโกนพร้อมกับยกมือสะบัดไปมา
“การที่มันมีชีวิตอยู่มาได้นับพันปี มังกรตนนี้สมควรเป็นสัตว์อสูรระดับสวรรค์เป็นอย่างน้อย อย่าเพิ่งไปก้าวก่ายกับมันเลยดีกว่า” หลิงฮันยิ้ม
ฮูหนิวบุ้ยปาก นางดูผิดหวังอย่างมากที่ไม่ได้กินเนื้อมังกร
“แต่ว่าพวกเรามีผู้สืบสายเลือดของมังกรที่แท้จริงอยู่ข้างกาย การสยบมังกรเฒ่าตนนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก” หลิงฮันกล่าว
“ใคร? ใครกัน?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรู้สึกสงสัย
สายตาของหลิงฮันจ้องไปที่นางและพูด “แน่นอนว่าเจ้าไงล่ะ!”
“ข้า!?” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนชี้ที่ตัวเองและส่ายหัว “ข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์อสูรเสียหน่อย”
“เอาเถอะ ถ้าหากว่าพบเจอกับมังกรจริงๆ พวกข้าจะซ่อนตัวและให้สาวน้อยเผ่าใต้สมุทรเป็นคนจัดการ” หลิงฮันยิ้มและพูดกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน “หินที่ข้าให้ไปทนทานอย่างมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเรา เจ้าก็ใช้หินนั่นทุบตีมันซะ!”
“ได้เลย!” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนพยักหน้า
ทั้งสี่คนเดินหน้าต่อ กลิ่นของหมอกเหล่านี้นั้นรุนแรงจนสามารถทำให้จอมยุทธรู้สึกอาเจียน ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมผู้คนถึงคิดว่าที่นี่มีมังกรอาศัยอยู่ จากที่ดูแล้วที่แห่งนี้คงจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่จริงๆ
“โฮกก!” เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้นจนทะเลสาบสั่นไหวทำให้เกิดเป็นคลื่นยักษ์ที่มีความสูงถึงสิบฟุตโถมเข้าใส่พวกหลิงฮัน
พวกเขารีบกระโดดขึ้นสูงเพื่อหลบคลื่นยักษ์ แต่เมื่อคลื่นระรอกแรกผ่านไป คลื่นยักษ์ระรอกต่อไปก็ถาโถมเข้ามาอีกทันที
หลังจากคลื่นยักษ์ไปสิบกว่าระรอก พื้นผิวทะเลสาบก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
“จากเสียงนั่น หรือว่าเมื่อครู่มันกำลังหาว?” หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง เป็นเรื่องที่ยากจะจินตนาได้ว่าสัตว์อสูรนั่นจะต้องตัวใหญ่ขนาดไหนที่แค่หาวก็ทำให้เกิดคลื่นยักษ์เช่นนี้ได้
“ระวังตัวด้วยนะ!” จูเสวียนเอ๋อกล่าวเตือน
พวกเขาเดินหน้าต่ออย่างระมัดระวัง แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่พบอะไรเลย ซึ่งเหตุผลหลักก็เป็นเพราะหมอกที่แปลกประหลาดเหล่านี้ได้บดบังทัศนวิสัยของพวกเขา
เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็พบเข้ากับเงาของบางสิ่งบางอย่างขนาดใหญ่ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาพบกับมังกรเฒ่าเข้าแล้ว แต่เมื่อดูดีๆแล้วมันไม่ใช่เช่นนั้น เพราะสิ่งที่พวกพบไม่ใช่สัตว์อสูรแต่เป็นเรือ
เรือขนาดใหญ่สีดำที่ดูราวกับมังกร!
ทะเลสาบหยังชงนั้นมีขนาดกว้างขวาง การจะมีเรือสินค้าแล่นผ่านไปมานั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรือตรงหน้าพวกหลิงฮันนี้ย่อมไม่ใช่เรือสินค้าแน่นอน เพราะว่ารูปสลักหัวกะโหลกบนใบเรือนั้นปลดปล่อยกลิ่นอายที่โหดเหี้ยมออกมา
เรือตรงหน้านี้มีความยาวประมาณหนึ่งร้อยฟุต แต่มีความกว้างเพียงสิบฟุตเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับมังกรอสรพิษที่ลอยอยู่กลางทะเลสาป
“โอ้ ช่างโชคดีจริงๆที่ได้พบเจอสาวงามตั้งสองคน!”
“หัวหน้า มีสาวงามปรากฏตัวขึ้นที่นี่!”
บริเวณใบเรือมีคนอยู่สองคน พวกมันเป็นชายที่อยู่ในช่วงอายุสี่สิบปี คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือชายที่รูปร่างเตี้ยและผอมนั่นคือหัวหน้า
ชายร่างเตี้ยผอมจ้องไปยังหลิงฮันและพูด “น้องชาย ทำไมไม่มากับพวกเราล่ะ? พี่น้องของข้าชอบช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังเดินทางอยู่แล้ว”
หลิงฮันยิ้มและพูด “ดูแล้วพวกเราคงจะมีจุดหมายที่ต่างกัน ข้าว่าพวกเราควรจะต่างคนต่างไปดีกว่า”
สีหน้าของชายร่างเตี้ยเปลี่ยนเป็นมืดมน “เจ้าปฏิเสธข้า? เจ้ารู้รึไม่ว่าข้าเกลียดการถูกปฏิเสธเป็นที่สุด!”
“ไม่ดีแล้ว หัวหน้าโกรธแล้ว!” ชายร่างดูรีบอุทานและกรีดร้องออกมา
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ถ้าปฏิเสธแล้วจะทำไม?”
“ถ้าหัวหน้าของพวกเราโกรธ ผู้คนจะต้องตกตายจนกลายเป็นภูเขาโลหิต!” ชายร่างสูงพูด “เจ้าหนุ่ม ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนอย่ายั่วยุหัวหน้าข้าเลยดีกว่า”
“มันสายไปแล้ว!” ชายร่างเตี้ยผอมพูด “ลงมือสังหารเจ้าหนูนั่นให้พี่ชายคนนี้และจับตัวหญิงสาวสองคนนั่นมา!”
‘พรึบ’ จู่ๆชายนับร้อยคนก็ปรากฏตัวออกมาจากเรือ พวกมันทุกคนสวมใส่ชุดเกราะสีดำที่ส่องประกายแสงอันแปลกประหลาด
หลิงฮันเค้นเสียงดูถูกและมองไปยังเกราะสีดำเหล่านั้น “ฮูหนิว เสวียนเอ๋อลงมือ”
“อืม!” จูเสวียนเอ๋อตอบรับอย่างอ่อนโยนในขณะที่ฮูหนิวคำรามและพุ่งเข้าใส่ชายเหล่านั้น ส่วนเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังหลิงฮัน นางถืออิฐเอาไว้ด้วยความรู้สึกกังวล
‘ปัง’ ฮูหนิวป่าเถื่อนเป็นอย่างมาก นางทั้งต่อยและเตะชายเกราะดำเหล่านั้นจนกระเด็นราวกับพวกมันเป็นเพียงหุ่นฟาง ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางแน่นอนว่าไม่เชื่องช้า ตอนนี้นางบรรลุระดับบุปผาผลิบานขั้นปลายแล้ว เมื่อรวมกับพรสวรรค์ที่ราวกับสัตว์ประหลาด พลังต่อสู้ของนางจึงน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่แปลกก็คือถึงแม้จะถูกกรงเล็บของนางโจมตี เกราะสีดำเหล่านั้นก็ไม่แตกสลาย!
จูเสวียนเอ๋อรู้สึกตัวทันทีว่ามีบางอย่างแปลกประหลาด ศัตรูของพวกนางนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก พวกมันส่วนใหญ่มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับห้วงจิตวิญญาณ แม้จะมีบ้างที่บางคนจะมีพลังระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็สมควรจะถูกนางที่เป็นระดับก่อเกิดวิญญาณขั้นสูงจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ว่านางจะใช้ดาบร้อยประกายโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถทำลายเกราะที่พวกมันสวมใส่ได้เสียที
ดาบร้อยประกายคือดาบที่หลิงฮันสร้างให้นาง มันถูกหลอมขึ้นจากแร่เหล็กระดับเจ็ด ถึงแม้จะยังไม่กลายเป็นอาวุธวิญญาณ แต่ความคมของมันก็ไม่เป็นสองรองใคร
แปลก… น่าแปลกมาก พลังป้องกันของเกราะที่ชายเหล่านั้นสวมอยู่จะทนทานเกินไปแล้ว