* * *

สายตาของอาเรียหันไปมองเบอร์รี่ที่กำลังรินชาอยู่ แม้เธอจะชำนาญเรื่องการทำเป็นนิ่งเฉย แต่ไม่นานมานี้เธอเพิ่งได้รับความตึงเครียดและความวิตกกังวลอีกครั้ง บางครั้งก็ปิดบังความโกรธไว้ไม่ได้

ในวันงานหมั้นของซาร่า หลังจากได้พบกับมกุฎราชกุมารก็รู้สึกชอบใจและเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ ตอนแรกยังสังเกตไม่ได้ด้วยซ้ำ และหลังจากวันนั้นเพราะชายชนชั้นสูงหลายต่อหลายคนต่างเอาของขวัญ ดอกไม้มาให้เธอได้ทุกวันทำให้เธอยุ่งมาก

แต่ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปราวกับบอกให้รู้แบบนี้ แน่นอนว่าต้องสนใจเธออยู่ไม่น้อย เพราะความรู้สึกที่เปลี่ยนไปกลับส่งผลเยอะขนาดนี้

หากเป็นเธอในอดีตจะคิดว่าในที่สุดก็ว่านอนสอนง่ายขึ้นแล้วสินะแล้วก็มองข้ามไป แต่ความจริงที่เธอรู้อยู่แล้วว่านิสัยของเบอร์รี่แน่มากแค่ไหนทำให้อดแปลกใจไม่ได้

‘ไม่หรอกน่า คงไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีไว้หรอก’

แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะหล่อนฮึกเหิมขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะอยู่นิ่งเฉยได้แน่

ต้องทำอะไรไว้อยู่แน่นอน

เธอหยุดมองเบอร์รี่ที่กำลังรินชาและจัดขนมอยู่ครู่หนึ่ง แอนนี่ที่เพิ่งไปพบบารอนเวอร์บูมก็กลับมาด้วยใบหน้าที่สดใส พร้อมกับจดหมายที่เคยเห็นมาตลอดในมือของเธอ

แอนนี่ออกไปข้างนอกทีไรจะกลับมาก่อนอาทิตย์ตกดินเสมอ แต่ครั้งนี้กลับเร็วกว่าที่คิด หรือเพราะอย่างนั้นเบอร์รี่จึงแสดงสีหน้าตกใจ

“เลดี้! เอาจดหมายมาแล้วค่ะ! ด้านล่างมีขุนนางที่เพิ่งเจอครั้งแรกมาด้วยนะคะ ลองแอบฟังดูพวกเขาพูดเรื่องเลดี้อยู่ด้วยค่ะ! หากเลดี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้วจะเริ่มเข้าในแวดวงสังคม บรรดาคุณชายทั่วทั้งอาณาจักรอาจจะตรงมาหาเลดี้ที่คฤหาสน์ก็ไม่รู้นะคะ! ตอนนี้ก็งดงามอยู่แล้ว หากโตเป็นสาวจะยิ่งงดงามขนาดไหนกันคะเนี่ย!

“ไม่ต้องโวยวายใหญ่เลย เอามานี่เร็ว”

จดหมายที่แอนนี่เอามาเป็นจดหมายจากอาซ จะพูดให้ถูกมันคือจดหมายจากผู้ลงทุนนั่นเอง แต่เนื่องจากภายในมีเนื้อหาที่น่าสนใจอยู่เต็ม เธอจึงคาดหวังเป็นอย่างมาก

ทันทีที่รับก็เปิดจดหมายขึ้นมาอ่านทันที และแอนนี่ที่เห็นอาเรียอ่านจดหมายก็ยิ้มพลางพูดคนเดียว

“เขาเป็นใครกันนะ ที่ทำให้เลดี้อารมณ์ดีแบบนี้ได้”

“ไม่ใช่คนธรรมดาล่ะสิ”

ต่างจากในอดีต ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงทำลายกำลังฝั่งศัตรูได้

เพราะเธอเป็นคนที่สอนแค่หนึ่งอย่างแต่กลับทำได้ถึงสิบ จนชนชั้นสูงหายไปกว่าครึ่งแล้วอย่างไรล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น

‘จะมอบผลสำเร็จของธุรกิจตัวเองให้กับผู้ลงทุนอย่างเธอเนี่ยนะ’

แม้เงินทุนที่เธอให้เขาไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะมากเท่าไรนัก อาเรียที่อ่านเนื้อความว่าเขาจะตอบแทนจึงยิ้มออกมา

จะมีนักลงทุนคนไหนที่จะปฏิเสธข้อเสนอแสนหอมหวานแบบนี้ได้กันนะ เป็นการประจบขั้นสุดแล้วล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นในจดหมายฉบับที่แล้วยังเขียนไว้ว่าพวกเขาจะดึงการลงทุนจากมกุฎราชกุมารและงบประมาณของวังมาอีกด้วย

แน่นอนว่าแทนที่จะเรียกว่าเป็นการดึงเงินมา แต่มันเป็นเพียงแค่การลงทุนสำหรับเงินที่หามาได้จากสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ตามเธอได้รู้เป้าหมายของเขาแล้วล่ะ

‘หรือเขาต้องการจะปล่อยข่าวลือว่าแม้แต่นักธุรกิจรุ่นใหม่ กระทั่งผู้มีอำนาจต่างมาร่วมกับเขาด้วยอย่างนั้นเหรอ นักลงทุน A ที่ขโมยผลประโยชน์ทั้งหมดนั้นก็ไม่มีทางที่จะแสดงความไม่พอใจอยู่แล้ว’

เขาตั้งใจจะเรียกร้องถึงขั้นไหนกันนะ

หรือตั้งใจจะพังอำนาจของพวกขุนนางกัน เมื่อสังเกตจากการกระทำของเขาในอดีต ตอนนี้ก็เพียงพอที่จะสามารถทำได้แล้ว ทำไมเขาถึงโลภมากขนาดนั้นกัน ราวกับว่าจะชุบตัวใหม่เป็นผู้ที่ใครก็แตะต้องไม่ได้อย่างนั้น

ภาพนั้นทำให้เธอนึกถึงตัวเองที่พยายามไม่ย้อนกลับรอยเดิมอย่างอดีต ดิ้นรนสุดชีวิต

เมื่อตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่ชั่วครู่ ก็สังเกตเห็นว่าแอนนี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามสั่งให้เบอร์รี่รินชาให้ แต่ทำไมจู่ๆเบอร์รี่ถึงได้ลังเลที่จะรินชา

“คราวนี้หูเธอเป็นอะไรอีกล่ะ ไม่ได้ยินที่พูดเหรอ”

“…”

แม้จะต่างจากปกติ อาเรียที่เฝ้าสังเกตสถานการณ์อยู่ก็เบิกตาโตขึ้นพลางเช็กเวลาในนาฬิกาทรายจากนั้นจึงพูดกับแอนนี่

“ฉันยังคอไม่แห้งเท่าไรนัก เธอเอาไปดื่มก่อนเถอะ”

“เลดี้คะ”

แอนนี่มองอาเรียด้วยสายตาแปลกๆเพราะในสถานการณ์นี้เบอร์รี่สมควรที่จะถูกตำหนิจึงจะเหมาะสมต่างหาก

หลังจากนั้นใบหน้าของเบอร์รี่ก็ถอดสีทันที

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็… ขอบคุณนะคะเลดี้”

แอนนี่รับถ้วยชาที่อาเรียส่งมาให้อย่างเหม่อลอย

จนกระทั่งถ้วยชาที่อาเรียส่งมาก็เข้าปากของหล่อน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก

“ดะ เดี๋ยวก่อน…!”

เป็นอย่างที่คาดไว้ แอนนี่รีบยื่นมือมาอย่างรวดเร็ว

เหตุผลนั้นชัดอยู่แล้ว เพราะว่าคนที่สมควรจะดื่มชานั้นไม่ใช่แอนนี่อย่างไรล่ะ อาเรียที่สังเกตสถานการณ์ทั้งหมดจึงหรี่ตาลง

“ไม่นะ!”

ทว่าสายไปเสียแล้ว แอนนี่ดื่มชาไปแล้วสองสามอึก แอนนี่ที่ยื่นมือช้าไป ดันไปชนกับถ้วยชาทำให้ชุดของเธอเลอะเทอะไปหมด

“…ทำอะไรของเธอน่ะ!”

เสียงถ้วยชาที่หล่นแตกดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาละวาดของแอนนี่ ดูมีสติต่างจากที่คิดไว้

“อะ แอนนี่…!”

เพราะแผนการณ์พังไปหมด เบอร์รี่จึงเรียกชื่อแอนนี่ทั้งที่หน้าซีดเผือด

แค่ชาถ้วยเดียวถึงกับต้องแสดงท่าทางแบบนั้น…

‘หรือว่ามันจะเป็นยาพิษ’

แม้จะรู้สึกเสียใจที่แอนนี่ต้องดื่มชาแทนตัวเอง แต่หากไม่แคลงใจคนที่ดื่มชานั้นอาจจะเป็นตัวเองก็ได้ แค่คิดริมฝีปากเธอก็แห้งผากไปหมด

‘ไม่เป็นไร แค่ย้อนเวลาด้วยนาฬิกาทรายก็ได้ ถ้าอย่างนั้นแอนนี่ก็จะกลับไปตามเดิม เป็นสถานการณ์ยังดีกว่าตัวเองต้องดื่มชานั่นแล้วตายไปเอง’

แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ในสถานการณ์ที่ยังไม่แน่ชัดดีนัก อาเรียที่ตื่นตระหนกจึงแอบพลิกนาฬิกาทรายทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากแอนนี่

แอนนี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ยังคงตำหนิเบอร์รี่อยู่

“มัวทำอะไรอยู่ทำไมไม่รีบเช็ด!”

“มะ ไม่เป็นไรแน่เหรอ…!”

“ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าให้พูดแบบสนิทสนมได้กัน”

“อะ แอนนี่…!”

“เธอนี่ต้องโดนดุเสีย…!! อึก!”

ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงสถานการณ์รอบตัว แอนนี่ที่มัวแต่โมโหดุด่าเบอร์รี่ ทันใดนั้นก็เบิกตาขึ้นพูดอะไรไม่ออก ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากอะไรสักอย่าง

“…แอนนี่!”

“…!”

แต่จะว่าไปก่อนหน้านี้เธอที่ใช้ให้เบอร์รี่เช็ดโต๊ะกลับล้มฟุบไปเสียอย่างนั้น เพราะอย่างนั้นทำให้ของที่อยู่บนโต๊ะกระจัดกระจาย ตกลงบนพื้นเสียงดัง เป็นภาพที่พิลึกมาก

อาเรียและเบอร์รี่เฝ้ามองแอนนี่ที่นิ่งแทบจะกลายเป็นหินอยู่ ทันใดนั้นเบอร์รี่ก็ตัวสั่นจนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น

“เธอ…! ใส่อะไรลงไปในชานั่นกันแน่”

เสียงของอาเรียยิ่งทำให้เบอร์รี่สติแตกจนเผลอพูดพึมพัมออกมาคนเดียว

“มะ ไม่ได้จะให้เป็นแบบนี้นี่นา…. ทำอย่างไรดีนะ… ฉันไม่คิดว่าแอนนี่จะดื่มมัน…”

“ฉันถามว่าเธอใส่อะไรลงไป!”

“ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี…”

อาเรียเหมือนจะสติหลุดไปครู่หนึ่งพลางจับผมของเบอร์รี่

ตั้งใจจะจับมาจ้องตา แต่ดูเหมือนหล่อนจะสติแตกจนตาลอยไปเสียแล้ว

หากแผนการล้มเหลวจนต้องหวาดระแวงขนาดนั้น ไม่ผิดแน่ว่าหล่อนใส่ยาพิษลงไปในชา

คิดแล้วว่าหล่อนต้องไม่เปลี่ยนนิสัยเดิมแน่นอน อาเรียจึงเปิดกล่องเอานาฬิกาทรายออกมา

เพราะล่าช้าไปแม้แต่วินาทีเดียวจะทำให้ไม่สามารถย้อนเวลาได้

“มัวทำอะไรอยู่ไม่รีบรินชาให้”

พริบตาเดียวภาพในสายตาของเธอก็เปลี่ยน กลับเห็นแอนนี่ในสภาพปกติ เมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังดุที่เบอร์รี่ไม่ยอมรินชาให้ ดูท่าจะยังไม่ดื่มชานั้น

โล่งอกที่ยังไม่สายเกินไป แอนนี่ที่เห็นอาเรียยืนอยู่ข้างลิ้นชักทั้งที่ก่อนหน้ายังนั่งอยู่ที่โต๊ะจึงถามอาเรีย

“เอ๊ะ เลดี้ลุกจากที่นั่งตอนไหนคะ แล้วเอานาฬิกาทรายออกมาตอนไหนคะ สั่งฉันสิคะ”

หากสั่งเธอจะสามารถทำสำเร็จไหมนะ

อาเรียมองหล่อนที่เพิ่งฟื้นจากความตายไม่พูดอะไรพลางเดินกลับไปนั่งที่เดิม

“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ!”

“…ไม่ล่ะ”

ใครต้องเป็นห่วงใครกันแน่นะ

แอนนี่ที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตัวเองกำลังเป็นห่วงอาเรียอยู่

อาเรียยิ้มเฝื่อนพลางยกถ้วยชาขึ้นอย่างช้าๆ เบอร์รี่มองด้วยแววตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง

ใครจะเป็นแม่พระ ใครจะเป็นหญิงร้ายกันแน่

หญิงร้ายโดนแม่ชีคุกคามชีวิตตัวเองจะมีอย่างโลกที่ไหนกัน เมื่ออาเรียยกถ้วยชาขึ้นแตะปาก สีหน้าของเบอร์รี่ก็มองแปลกๆ

สีหน้าราวกับบอกให้รีบดื่มชาเข้าไปเสียอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ยังหวาดระแวงจนน้ำตาไหลอยู่เลย

เมื่อไปถึงเป้าหมายสำเร็จ ทันใดนั้นแววตาของหล่อนก็ดูเป็นประกายขึ้นมาทันที

คิดว่าสมควรจะตัดคอหล่อนแล้วแขวนไว้ที่กำแพงเสียงจริง พลางยกถ้วยชาแตะริมฝีปาก ทำเป็นดื่มหนึ่งอึก แล้ววางแก้วลง ทันทีที่วางถ้วยชาลงก็เห็นสีหน้าเบอร์รี่สดใสจนปิดไม่มิด

‘นังสารเลวนั่นต้องฆ่าทิ้งไปน่าจะดีซะกว่า’

อาเรียจับผมของเบอร์รี่ขึ้นพลางถามอีกครั้ง

“เบอร์รี่… รสชาติชาแปลกไปนะ เธอใส่อะไร…”

ฟุบ

พูดยังไม่ทันขาดคำอาเรียก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นแอนนี่ก็แผดเสียงดัง เบอร์รี่รีบวิ่งหนีออกไป

“เลดี้คะ!”

หลังจากที่หล่อนแผดเสียงดัง ข้ารับใช้คนอื่นจึงเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นว่าอาเรียล้มฟุบลงต่างแผดเสียงไม่ต่างกัน

 “ตายแล้ว…!  เลดี้อาเรีย!”

“เรียกหมอเร็วเข้า!”

“จะทำอย่างไรดี…!”

ทั้งที่ยังไม่กล้าแม้แต่จะจับหล่อนกระทืบเท้าพลางแผดเสียงออกมาช่างไร้มารยาทเสียจริงแต่เมื่อได้ยินเสียงเหมือนจะร้องไห้ทำให้เธอรู้สึกแปลกไป แม้จะนอนคว่ำอยู่จึงไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกได้ว่าทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์นั้น

ในอดีตแม้จะถูกกลั่นแกล้งอย่างรุนแรงแต่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะสมเพช

ได้ยินเสียงคนเข้ามาในห้องอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะมีแขกจากข้างนอกมาด้วย สถานการณ์จึงเริ่มร้ายแรงกว่าที่คิด

“อาเรีย!”

เคานติสที่แผดเสียงดังพลางโผกอดร่างบอบบางของอาเรีย เพราะเธอทิ้งตัวอยู่ทำให้ตัวเธอไร้เรี่ยวแรงเหมือนกับคนตายแล้ว ทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง

“มันทำอะไรกัน! ทำไมไม่รีบย้ายไปที่เตียง!”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงรีบเร่งไม่สมกับเป็นท่านเคานต์ ทันใดนั้นทุกคนที่ก่อนหน้าไม่กล้าขยับตัวทำอะไรจึงรีบย้ายร่างของอาเรียไปนอนบนเตียง

“หมอล่ะ!”

“ออกไปเรียกแล้วค่ะ! อีกไม่นานก็จะถึงแล้วค่ะ!”

“ตายจริง… นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

เคานติสเปล่งเสียงราวกับจะร้องไห้พลางกุมมืออาเรียแน่น เพราะว่าไม่ได้โดนยาพิษจริงๆ จึงรู้สึกถึงไออุ่นจากมือของเธอ ดูเหมือนว่าจะโล่งใจขึ้นมาสักหน่อย จึงถามเสียงดังว่าใครเป็นคนก่อเรื่อง

“บะ เบอร์รี่ค่ะ!”

แอนนี่ตอบ เพราะแอนนี่เห็นสถานการณ์ทุกอย่างจึงตอบว่าผู้ร้ายคือเบอร์รี่อย่างไม่ลังเล

“เลดี้ดื่มชาที่เบอร์รี่รินให้แล้วก็ล้มลงไปค่ะ! ชานั่นค่ะ!”

ใช่แล้ว แอนนี่เป็นเด็กที่ใช้งานได้นี่นา ตั้งใจจะวางลงแล้วค่อยๆล้มแล้ว ดูเหมือนว่าหล่อนจะรู้เรื่องด้วยสินะ

หล่อนชี้ไปที่ถ้วยชาที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะ ท่านเคานต์จึงบอกข้ารับใช้ให้รีบจัดแจงเก็บไว้

“รีบตามหาเบอร์รี่เร็วเข้า! แล้วทำไมหมอถึงไม่มาสักทีล่ะ!”

เธอหลับตาลงท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวาย ก็รู้สึกง่วงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าใช้นาฬิกาทรายก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่

อาจจะทนไปได้อีกสักหนึ่งสองชั่วโมง แต่เวลาที่หมอมาตรวจอาจจะวุ่นวาย ดังนั้นนอนเสียตอนนี้น่าจะดีกว่า

โชคดีจริงๆ ที่มีนาฬิกาทรายอยู่ อาเรียคิดพลางผล็อยหลับไป

……………………….