เฉียวเหลียงสวมหน้ากากหนัง หน้ากากบางๆ นี้ปกปิดใบหน้าอันสมบูรณ์แบบ แต่เขาก็ยังดูหล่อเหลา เขานั่งนิ่งด้วยความมั่นใจ เป็นการเสริมสร้างกำลังใจแก่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขาได้เป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียง ชายผิวขาวที่นั่งตรงกันข้ามก็ขมวดคิ้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองหน้าเฉียวเหลียงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “คุณเฉียว นี่เรากำลังเจรจาธุรกิจกันอยู่นะ ไม่ใช่กำลังหาเงินให้คุณ คุณดูไม่จริงใจมากๆ ที่พูดกับผมแบบนี้ คุณรู้ไหม”
ไม่มีความหวั่นไหวใดๆ กับคำพูดของชายผู้นี้แม้แต่น้อย เฉียวเหลียงยังคงนั่งเอนพิงเก้าอี้ มองเขาเฉยอยู่ “ไม่จริงใจหรือ ไม่หรอกมั๊ง เวลานี้ไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณ ที่ต้องแสดงความจริงใจ คุณบรูโน ถ้าคุณให้ความจริงใจกับผมได้แค่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ผมก็ต้องขอโทษด้วยที่ไม่มีเวลาคุยกับคุณ ผมต้องไปแล้ว”
“คุณเฉียว คิดว่าคุณจะออกไปจากที่นี่ได้หรือ สวีเดนคือถิ่นผม!” บรูโนแสยะยิ้มมองเฉียวเหลียงราวกับนักล่ามองดูเหยื่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของชายผิวขาว เฉียวเหลียงยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นเขามีรอยยิ้มจางๆ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน แล้วยืนขึ้น มองบรูโนเขม็ง “ลองดูก็ได้”
บรูโนมีอิทธิพลมากในสวีเดน ตำรวจเกือบทุกคนในสวีเดนล้วนต้องยอมไว้หน้าเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกระคายเคืองกับ ‘ความหยาบคาย’ ของเฉียวเหลียง ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ซึ่ง ‘หยาบคายยิ่งกว่า’ เขาก็ยิ่งโกรธ
เขาผลุดลุกขึ้นทันทีพร้อมกับควักปืนออกมา เล็งไปที่เฉียวเหลียง “ผมขอแนะนำให้คุณนั่งลง คุณเฉียว และเจรจาธุรกิจนี้กับผม” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ผมคิดว่าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของกำไรเพียงพอแล้วสำหรับคุณ คุณคิดว่ายังไงคุณเฉียว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวเหลียงก็หันกลับมาช้าๆ มองบรูโนและยิ้มให้ “คุณช่างกล้าหาญ” เขากล่าว
ใบหน้าเขาไม่มีวี่แววประนีประนอมหรือหวาดกลัว แม้แต่บอดีการ์ดสองคนข้างหลังก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนก ในที่สุดบรูโนก็เข้าใจว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขณะที่เขาดึงปืนพกออกมา บอดีการ์ดไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขาเชื่อมั่นว่าเขาไม่กล้า หรือไม่สามารถทำร้ายเฉียวเหลียงได้
บรูโนเหลือบมองเฉียวเหลียง ถามอย่างขุ่นเคือง “คุณเฉียว คุณหมายความว่าอย่างไร”
เฉียวเหลียงมองหน้าบรูโนด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นบนริมฝีปาก มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบายๆ อย่างไรก็ตามบรูโนรู้สึกกดดันอย่างมากจนแทบหายใจไม่ออก เฉียวเหลียงกล่าวว่า “แม้แต่ประธานาธิบดีของคุณยังไม่กล้าเล็งปืนมาที่ผม ผมชื่นชมความกล้าหาญของคุณมาก คุณช่างกล้าหาญจริงๆ”
บรูโนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขามองดูชื่อผู้โทรแล้วขมวดคิ้ว เฉียวเหลียงกล่าวว่า “รับสิ บางทีคุณอาจได้รับข่าวใหญ่”
บรูโนหน้าเครียดรับโทรศัพท์ จากนั้นใบหน้าเขาก็ซีดเผือดทันที เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น “อะไรนะ” แล้วบรูโนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียง “คุณเป็นคนทำใช่ไหม”
เฉียวเหลียงก้าวช้าๆ ไปที่โซฟาแล้วนั่งลง หยิบบุหรี่ออกมาจุด แต่ไม่ได้ยกขึ้นแตะริมฝีปาก เขามองดูควันสีขาวที่ล่องลอยออกมาจากมวนบุหรี่ แล้วหันไปหาบรูโน กล่าวว่า “ผมลืมแนะนำตัวเองให้คุณรู้จัก คุณบรูโน ผมคือเฉียวเหลียงแห่งหลงเซี่ยว”
บรูโนหน้าซีดเผือดอย่างน่ากลัว เมื่อได้ยินคำว่า ‘หลงเซี่ยว’ และเมื่อได้ยินชื่อ ‘เฉียวเหลียง’ ดวงตาเขาก็เบิกกว้าง “คุณจะเป็นเฉียวเหลียงได้อย่างไร เฉียวเหลียงแห่งหลงเซี่ยวหรือ”
เฉียวเหลียงมองบุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วมือ หลังจากเลิกกับถังซีเขาก็เริ่มสูบบุหรี่ แต่ทุกวันนี้เขากำลังพยายามเลิกสูบ ดังนั้นแม้เขาจะจุดบุหรี่ แต่เขาก็แค่มองดูมวนบุหรี่มอดไหม้อยู่ระหว่างนิ้วมือ
“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วผมก็อยากจะเตือนคุณ บรูโน สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการที่มีคนมาขัดขวางเส้นทางทำมาหากินของผม ละเมิดกฎการผลิต และแจ้งตำรวจสากลเมื่อทำธุรกิจกับหลงเซี่ยว ในเมื่อคุณละเมิดกฎการผลิต ผมก็สามารถละเมิดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของคุณได้ บรูโน” เฉียวเหลียงมองหน้าบรูโน ขณะยืนขึ้นและยิ้ม “คุณคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือ ที่คุณได้รับอนุญาตให้พกปืนมาพบผม ปืนคุณถูกถอดลูกกระสุนออกหมดแล้วตอนที่คุณเข้ามาในห้องนี้ เนื่องจากเราเป็นนักธุรกิจที่มีอารยธรรม เพราะฉะนั้นอย่าจับปืน ครูของคุณไม่ได้สอนหรือว่าปืนน่ะอันตรายแค่ไหน”
แม้เฉียวเหลียงจะยิ้ม แต่บรูโนก็รู้สึกเย็นยะเยือก เขาแค่ออกมาเจรจาธุรกิจ ทำไมฐานการผลิตของเขาถึงถูกควบคุม!
บรูโนรู้ว่าครั้งนี้เขาเข้ามายุ่งผิดคน พวกเขาไม่ควรกล้าต่อกรกับหลงเซี่ยว แม้องค์การตำรวจสากลจะพยายามรวบรวมหลักฐานการลักลอบขนอาวุธของหลงเซี่ยว แต่ไม่เคยหาหลักฐานใดๆ ได้เลย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถนำมาต่อรองกับหลงเซี่ยวได้ เขาเลือกร่วมมือกับองค์การตำรวจสากล แต่เขากลับถูกมองข้าม และมิหนำซ้ำยังติดกับดักของตัวเอง!
บรูโนคว้ามือเฉียวเหลียงและขอร้องเขา “คุณเฉียว ผมผิดไปแล้ว โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะให้กำไรคุณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ตามที่คุณต้องการ หรือแม้แต่สี่สิบห้า หรือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ได้ โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”
เฉียวเหลียงส่งสายตาเหยียดหยามมองบรูโนผู้ซึ่งเพิ่งหยิ่งผยองอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้กำลังร้องขอความเมตตาอย่างไร้ศักดิ์ศรี เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว สะบัดมือบรูโนออกแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น “ไว้ชีวิตแกหรือ แล้วมีใครไว้ชีวิตพี่น้องของฉันที่ตายไปไหม” หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปโดยไม่ชายตามองบรูโน
อาห้ากับอาหกเข้ามาประกบบรูโนคนละข้าง “คุณบรูโน มากับเรา”
“คุณจะทำอะไรผม ผมบอกก่อนนะ มีคนของผมอยู่ข้างนอก!”
อาห้าหัวเราะเยาะ “หุบปากไปเลย ไม่มีใครช่วยคุณได้หรอก ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ คุณให้ความร่วมมือกับเราดีๆ ดีกว่า จะได้ไม่เจ็บตัว ไม่อย่างนั้นผมจะต้องทำให้คุณสลบแล้วพาคุณออกไป แต่ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะเหนื่อย และคุณก็จะเจ็บตัว!”
“ที่นี่คือสวีเดน คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้!” บรูโนแผดเสียง แล้วตะโกนอีกว่า “มีตำรวจอยู่แถวนี้…”
“มานี่ หยุดตะโกนได้แล้ว ไม่เจ็บคอหรือไง ในเมื่อนายน้อยของเรากล้ามาถึงสวีเดน นั่นแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครทำอะไรเขาได้ ตำรวจสากลที่คุณเรียกมาที่นี่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ในห้องนายน้อย”
ในเวลาเดียวกันนั้นที่โรงแรมระดับห้าดาวในสวีเดน ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาทว่าดูโหดเ**้ยมกำลังเอนหลังพิงหน้าต่าง มองดูชายหลายคนที่ถูกมัดไว้กับโซฟา เมื่อเห็นพวกเขาค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “สวัสดีคุณสมิธ พบกันอีกแล้ว”
เมื่อเห็นว่าตัวเองถูกมัด สมิธก็จ้องมองชายคนนั้น “เจส!”