ตอนที่ 589 หวังว่าจะคิดมาเกินไป

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 589 หวังว่าจะคิดมาเกินไป
“เธอคิดว่ามีตรงไหนไม่ชอบมาพากลหรอ”

ถึงแม้ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ ซูฉิงถึงได้ถามถึงเรื่องนี้ แต่เธอจะต้องคิดอะไรอยู่แน่

“นายไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ที่จงใจเล่นงานหลิวเสี่ยวหนิง จะไม่บังเอิญไปหน่อยหรอ”

ซูฉิงพูดเสียงเบา ที่จริงแล้วตอนแรกเธอไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสวีหว่านเอ๋อร์ เพราะสวีหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ชอบตน ไม่จำเป็นต้องลงทุนเล่นงานหลิวเสี่ยวหนิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

แต่ตอนนี้พอซูฉิงมานึกคิดดูแล้ว ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้

เมื่อกี้ซูฉิงกำลังคิดว่า หลิวเสี่ยวหนิงมีคู่อริที่ไหนหรือเปล่า แต่พอมาดูแล้วสุดท้ายก็เหลืออยู่แค่คนเดียว นั่นก็คือฉินชั่ง

เป้าหมายของฉินชั่งก็คือหลิวเสี่ยวหนิง แต่ตอนนี้พอมาคิดไตรตรองดูแล้ว เรื่องที่เขาจับตัวหลิวเสี่ยวหนิงไปก่อนหน้านี้นั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่ความสามารถของตน ซูฉิงก็คิดว่าเขาคงทำไม่ได้ และอาจจะทำไม่สำเร็จ

ลูกคนรวยที่เอาแต่เที่ยวเตร่ดื่มเหล้าไปวันๆ จะมีความคิดวางแผนทำอย่างนั้นได้ยังไง

ไม่ใช่ว่าซูฉิงคิดมากเกินไป แต่เธอเหมือนจะคิดอะไรได้

เพราะหลิวเสี่ยวหนิงตอนนี้เป็นคนสำคัญของสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ ผลประโยชน์ของเธอถือว่ามีผลกระทบกับสตาร์เอนเตอร์เทนเม้นท์มาก ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ผลกระทบมากที่สุดก็จะไปตกที่สตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์

แล้วพอมาคิดๆ ดูแล้ว หลังจากที่ซูฉิงย้ายมาอยู่ที่เมืองA คนที่ไม่เป็นมิตรกับเธออย่างเปิดเผยก็มีเพียงคนเดียวนั่นก็คือสวีหว่านเอ๋อร์

ขณะเดียวกัน ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินคำพูดของซูฉิงก็ทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้:”เธอคิดว่ามีคนใช้หลิวเสี่ยวหนิงเล่นงานเธองั้นหรอหรอ”

ซูฉิงถอนหายใจพูด:”ฉันก็หวังว่าตัวเองจะคิดมากเกินไปนะ”

เธอยังมองว่าการเรื่องพวกนี้เป็นแนวคิดหลักของการแข่งขันและการตลาดของวงการบันเทิง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เรื่องนี้ทำให้ถึงจุดขีดจำกัดของซูฉิง ไม่ว่ายังไงก็ตามซูฉิงจะต้องสืบให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

อีกด้าน หลิวเสี่ยวหนิงที่นั่งอยู่ภายในรถตู้ ผู้จัดการได้มาส่งเธอกลับถึงที่พักด้วยตัวเอง

ระหว่างทางเธอผู้จัดการคิดจะหาโอกาสพูดปลอบหลิวเสี่ยวหนิง แต่พอเห็นสีหน้าและท่าทางของเธอที่เศ้รา สุดท้ายเลยได้แต่เงียบไม่พูดอะไร

และเวลานี้เอง โทรศัพท์ของผู้จัดการก็ดังขึ้นมา หลายวันก่อนที่อยู่ในกองถ่าย หลิวเสี่ยวหนิงล้วนมีฉากต้องถ่ายตอนค่ำตลอด มักจะเริ่มตอนเวลาสองทุ่ม ดังนั้นผู้จัดการเลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ เพื่อสะดวกในการโทรหาหลิวเสี่ยวหนิง ตอนนี้ได้ปิดกองแล้ว ผู้จัดการยังไม่ได้ยกเลิกนาฬิกาปลุกไว้

เสี่ยงนาฬิกาปลุกเหมือนกับเป็นการปลุกหลิวเสี่ยวหนิง สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความกลุ้มใจ:”พี่เฉิน ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลก่อนได้มั้ย”

“เธอเป็นอะไรหรอ มีตรงไหนไม่สบายมั้ย”ผู้จัดการได้ยินอย่างนั้นก็ถามด้วยความเป็นห่วง

หลิวเสี่ยวหนิงส่ายหน้า แล้วพูดเสียงเบา:”ตอนแรกฉันรับปากจินจิ่นหรานว่าจะไปรับเขา แต่……..”พอพูดมาถึงตอนนี้ น้ำเสียงของหลิวเสี่ยวหนิงก็เศร้าลง “พี่ไปส่งฉันก่อนเถอะนะ”

ผู้จัดการตอบรับคำ แล้วขับรถเปลี่ยนทิศทางไปทางโรงพยาบาล

ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้จัดการคิดไม่ถึงก็คือ เธอคิดว่าพวกนักข่าวจะอยู่ที่บริษัทหรือไม่ก็เฝ้าอยู่เขตชุมชนด้านนอก คิดไม่ถึงว่าแม้แต่รอบโรงพยาบาลก็มีมารอไม่น้อย

หลิวเสี่ยวหนิงไม่ได้เตรียมตัว พอลงจากรถก็มีพวกกลุ่มคนกรูเข้ามารุมล้อม

เหมือนกับว่ากำลังรอตนอยู่ พวกนักข่าวต่างก็ถามคำถามต่างๆ นานา ผู้จัดการที่ตกใจกับการจู่โจมกะทันหัน ตอนแรกคิดจะเข้ามาขวางคนพวกนั้นไว้ แต่จำนวนคนเยอะมากแม้แต่ผู้จัดการคนเดียวก็ยังถูกผลักกระเด็นไปข้างๆ ส่วนหลิวเสี่ยวหนิงก็ถูกล้อมอยู่ตรงกลางเรียบร้อยแล้ว

“หลิวเสี่ยหวนิง ตอนนี้คุณสามารถตอบคำถามได้รึยังว่า เรื่องคำถามที่งานแถลงข่าวก่อนหน้าเป็นยังไง”

“คุณหลิวเสี่ยวหนิง เรื่องก่อนหน้านี้แฟนของคุณทราบเรื่องหรือไม่”

“และยังมีเรื่องที่หนีงานอย่างไม่มีสาเหตุ คุณช่วยชี้แจงให้ละเอียดชัดเจนได้มั้ย”

เสียงที่แย่งกันถามจนทำให้หลิวเสี่ยวหนิงรับมือไม่ไหว สีหน้าเธอเริ่มไม่สู้ดี เธอส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี

ไมค์ที่จอมาชนกับคอของเธอ ราวกับมีดที่กำลังจะเฉือนคอของเธอจนขาด

และทันใดนั้นเอง ข้อมือของหลิวเสี่ยวหนิงก็ถูกจับแน่น จากนั้นก็เซเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอ่อนโยน

หลิวเสี่ยวหนิงเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นจินจิ่นหราน เขาไม่พูดอะไร จูงเธอไปขึ้นรู้ตู้พร้อมกับส่งสัญญาณให้กับผู้จัดการว่าให้ออกรถ

ผู้จัดการที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับแอบก่นด่าพวกนักข่าวอยู่ในใจ ว่าทำเกินไปแล้ว

“ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่มั้ย”ผู้จัดการมองจินจิ่นหรานกับหลิวเสี่ยวหนิงที่นั่งอยู่เบาะหลัง แล้วถามอย่างเป็นห่วง

จินจิ่นหรานขานตอบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบผมของหลิวเสี่ยวหนิง หลิวเสี่ยวหนิงไม่ได้พูดอะไร เอาแต่กอดเอวของจินจิ่นหรานแน่นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เพียงไม่นาน ผู้จัดการก็ได้มาส่งหลิวเสี่ยวหนิงกับจินจิ่นหรานที่ที่พักของพวกเขา

พอกลับมาถึงบ้านแล้ว หลิวเสี่ยวหนิงยังไม่ปล่อยมือของจินจิ่นหราน พร้อมกับคลอเคลียอ้อนเขา

จินจิ่นหรานพาเธอมานั่งที่ตรงโซฟา รู้สึกเครียดมากเพราะวันนี้เขามีเคสผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า และพอหลังจากผ่าตัดเสร็จก็ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับหลิวเสี่ยวหนิง

ตอนแรกเขาที่จะไปหาเธอแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าที่หน้าประตูโรงพยาบาลมีคนถุกรุมล้อมอยู่ และคนที่ถูกล้อมอยู่ก็คือหลิวเสี่ยวหนิงนั่นเอง

“จิ่นหราน”หลิวเสี่ยวหนิงเอ่ยชื่อเขาออกมา

จินจิ่นหรานขานรับ ตอนที่ก้มมามองก็เห็นว่าหลิวเสี่ยวหนิงกำลังมองตนอยู่

นิ้วของจินจิ่นหรานนวดหว่างคิ้วของเธอ มองด้วยแววตาอ่อนโยน

ความอ่อนโยนอย่างนี้ทำให้ขอบตาของหลิวเสี่ยวหนิงแดงก่ำ เอนตัวไปข้างหน้าเข้าไปซบอยู่ในอ้อมกอดของจินจิ่นหราน

“ขอโทษนะ…….ที่นำเรื่องวุ่นวายมาให้นาย”หลิวเสี่ยวหนิงที่ตอนนี้รู้ว่าผิดเลยพูดขอโทษออกมา

ทว่ามือของจินจิ่นหรานโอบแก้มของเธอขึ้นพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้กับเธอ

“กับฉันเธอไม่ต้องขอโทษหรอกนะ “จินจิ่นหรานพูดอย่างจริงจัง และยิ่งตอนนี้คนที่ต้องการปกป้องก็คือหลิวเสี่ยวหนิงถึงจะถูก

ตัวของหลิวเสี่ยวหนิงที่สั่นทัน หน้าของเธอซบกับฝ่ามือของจินจิ่นหราน :”จิ่นหราน ฉันอยากจะออกจากวงการ”

จินจิ่นหรานที่หน้าเรียบก็เผยสีหน้าแปลกใจออกมา เขาคิดไม่ถึงว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะพูดอย่างนี้ออกมา

“ฉันคิดว่าเหมือนฉันจะไม่เหมาะสมกับวงการนี้หรอก”หลิวเสี่ยวหนิงที่ตอนนี้เริ่มที่จะระบายออกมาไม่หยุดทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของจินจิ่นหราน

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นละ”จินจิ่นหรานเอ่ยถาม “หรือว่าเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หรอ”

หลิวเสี่ยวหนิงอึ้งเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ :”บางทีฉันไม่ควรที่จะเข้ามาในวงการนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”

และทันใดนั้นเอง จินจิ่นหรานยกมือแก้มของหลิวเสี่ยวหนิงให้เงยหน้าขึ้นมา:”เสี่ยวหนิง เธอยังจำคำพูดที่เธอเคยพูดกับฉันก่อนหน้านี้ได้มั้ย”