ขณะเดียวกันชูฮันที่มาจากถนนอีกฝั่งก็รีบปรับสภาวะของเขาเพื่อฟื้นพูความแข็งแกร่งของเขากลับมาขณะอยู่บนหลังของหวังไค พร้อมกับอ่านข้อมูลของระบบล่มสลายไปด้วยอย่างต่อเนื่อง

 

“ความสามารถพวกนี้สามารถใช้เกินขีดจำกัดของสมรรถภาพทางร่างกายฉันได้มั้ย?” ชูฮันพยายามสุดกำลังที่จะยกระดับความแข็งแกร่งของร่างกายเขาขึ้นไปอีก เขาถามหวังไค “ตัวอย่างเช่น ความแม่นยำ ตอนนี้ฉันสามารถขึ้นไปที่ระดับ 5 ได้มั้ย?”

 

“บ้าเหรอ แน่นอนว่าไม่ได้” หวังไคพูดตรงๆ “ความสามารถพิเศษทุกอย่างสอดคล้องกับสมรรถภาพทางร่างกาย ความสามารถพิเศษไม่สามารถเหนือกว่าความแข็งแกร่งของร่างกายได้ พลังงานหลักของความแข็งแกร่งทางร่างกายของนายยังไม่คงที่ บางทีมันก็อ่อนแอเกินไปหรือบางมีก็ระเบิดโพล่งออกมา”

 

“การเพิ่มประสิทธิภาพไม่ใช่ความสามารถที่แน่นอนที่สุดไม่ใช่เหรอไง? อย่างพวกพรสวรรค์สมรรถภาพทางร่างกายของพวกเขาต่ำมาก แล้วนายจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?” ชูฮันยังคงไม่ยอมรับ

 

“บ้าเอ๊ย นายเป็นพรสวรรค์หรือไง?” หวังไคสำลักอีกครั้ง “พันธุกรรมมันแตกต่างกัน นายไม่เข้าใจชีววิทยา มนุษยชาติมีพันธุกรรมดีอยู่แล้วในตัว มนุษยชาติควรมีพันธุกรรมสองชนิด ตั้งแต่เกิดการปะทุขึ้นมนุษยชาติก็แตกออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ แต่ละคนสามารถเปิดพันธุกรรมเฉพาะได้แค่ชนิดเดียวเท่านั้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือย้อนกลับได้ เช่นเดียวกับพรสวรรค์หรือวิวัฒนาการ!”

 

“นายรู้เรื่องพันธุกรรมเฉพาะหรือเปล่า?” ชูฮันอดไม่ได้ที่จะมึนงงกับสิ่งที่หวังไคพูด หากเขาก็ไม่สนใจรู้ว่าหวังไครู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง เขาจึงถามขึ้นอีกครั้ง “ความสามารถพิเศษสามด้าน ความเร็ว พละกำลัง และความแม่นยำที่ฉันได้เปิดใช้งานขึ้นมาแล้ว ส่วนความสามารถอื่นๆในระบบนี้ มันมีอะไรเหลือบ้างที่สามารถช่วยในการต่อสู้นี้ได้”

 

หวังไคเหลือบมองหน้าชูฮัน “มันดูเหมือนจะไม่มี”

 

ชูฮันมองไปที่รายชื่อความสามารถพิเศษต่างๆบนหน้าจอระบบล่มสลายที่เขายังไม่เคยได้เปิดใช้งานมัน เขามักคิดเสมอว่าความสามารถพวกนี้ไร้ประโยชน์ แต่หลังจากได้พูดคุยกับหวังไคเมื่อครู่นี้…การรู้แจ้ง

 

พันธุกรรมเฉพาะเป็นเรื่องเที่ยงธรรม ไม่สามารถคดโกงได้

 

เขาจำได้ว่าเมื่อตอนที่เขาริเริ่มเปิดใช้งานความสามารถพิเศษด้านความแม่นยำ เขาจงใจถามหวังไคว่าทำไมความสามารถพิเศษด้านความแม่นยำนี้ถึงแตกต่างจากความสามารถอื่นๆ หวังไคตอบเขาว่าเป็นเพราะพันธุกรรม และตอนนั้นเองความสามารถพิเศษก็เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมในร่างกายเขาทันที

 

การเปิดใช้งานความสามารถนั่นขึ้นอยู่กับการเปลี่นแปลงของพันธุกรรม ซึ่งก่อตัวขึ้นจากพลังงานที่ไม่รู้จักรวมกันถึงจุดๆหนึ่งของระบบล่มสลาย จากนั้นชูฮันก็ดึงพลังงานมันมาปรับเปลี่ยนใช้กับการฆ่าซอมบี้และการเก็บเกี่ยวคริสตัล

 

สองเรื่องแรกยังเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ “มันดูเหมือนจะมีหนทางอยู่!”

 

ชูฮันรีบกวาดตามองไปรอบๆและเห็นระยะทางที่สายตาของเขาสามารถมองเห็น ความวุ่นวายที่จู่ๆก็ลอยเข้ามาสู่โลกใบนี้ เสียงปะทะที่ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดพัก เวลาที่แสนจะกระชั้นชิดและกระทันหัน เห็นได้ชัดว่าซูเฟิงได้เผชิญหน้ากับลูกผสมแล้วและกำลังต่อสู้กันอยู่ตอนนี้

 

การเคลื่อนไหวของวิวัฒนาการระยะ 6 และลูกผสมระยะ 6 จะน่ากลัวขนาดไหน?

 

ชูฮันสามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรุนแรงที่ห่างไกลออกไป แม้ระยะห่างนั้นจะไกลมากจนไม่สามารถมองเห็นใครได้เลยก็ตาม ยกเว้นเพียงแต่เศษฝุ่นและหินที่ปลิวไปมา คลื่นลมพัดในอากาศ และพื้นดินที่สั่นไหวจากแรงปะทะอันรุนแรง ความรุนแรงในครั้งที่ซูเฟิงและเจียงหลิงโหลวต่อสู้กันจนทำให้เกิดหิมะถล่มได้ย้อนกลับมาแล้วอีกครั้ง เพียงแค่ครั้งนี้มันไม่ใช่หิมะถล่ม แต่มันกำลังจะกลายเป็นแผ่นดินไหวแทน

 

เมื่อเห็นว่าหวังไคกำลังมุ่งหน้าตรงเข้าไปในเขตต่อสู้ ชูฮันก็รีบคว้าหูหวังไคเอาไว้ จากนั้นก็เรียกปืนไรเฟิลขึ้นมาในมือข้างซ้ายของเขา

 

“นายไม่ลงไปเหรอ?” หวังไครู้สึกได้ถึงแรงดึงที่หูของมัน มันตกใจที่ชูฮันไม่ได้ต้องการขี่บนหลังมันแล้วพุ่งเข้าไปกลางสนามต่อสู้

 

“เตรียมตัวปรับเส้นทางทันทีหลังจากฉันยิงปืนออกไป วิ่งเข้าไปที่ด้านข้างด้วยความเร็วสูงสุด!” ชูฮันไม่อธิบายอะไร เขาเพียงออกคำสั่ง

 

อึก!

 

หวังไคกลืนน้ำลายอึก อย่างไรก็ตามมันไม่เข้าใจแผนการการรบของชูฮันเลยสักนิด แต่มันทำได้แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น

 

ครั้งนี้ซูเฟิงและเฉินจีกวงกำลังอยู่ที่จุดเดือดสุดของการต่อสู้ ซึ่งมันกำลังจะถึงจังหวะตัดสินแล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย แต่โชคร้ายไม่ว่าจะเป็นลูกผสมระยะ 6 หรือวิวัฒนาการระยะ 6 อย่างซูเฟิงที่ถึงระดับสูงสุด พลังของทั้งคู่นั้นเทียบเท่ากันอย่างไม่มีใครเหนือกว่าใคร พลังทำลายล้างของทั้งสองนั้นมหาศาลซะจนบริเวณรอบๆเละจนไม่เหลือสภาพเดิม

 

แน่นอนว่าการมาถึงของชูฮันถือเป็นตัวแปรสำคัญในการปลดล็อคการต่อสู้ที่หาที่จบลงไม่ได้ ทั้งสองถอยหลังหนีอย่างรวดเร็วพร้อมกันทั้งคู่อย่างต้องการหาจังหวะพัก ฝุ่นเริ่มจางหาย ทั้งสองต่างถอยไปอยู่ในระยะปลอดภัย และสายของทั้งคู่ก็พลันหันมาทิศทางที่พวกเขาสัมผัสได้ถึงผู้มาใหม่

 

ความไม่แน่นอนของศัตรูและฝ่ายที่ลงมืออย่างหุนหันพลันแล่นนั่นคือข้อได้เปรียบ ซูเฟิงเองก็คิดเช่นนั้น ในจังหวะนั้นเขาไตร่ตรองทุกอย่างถี่ถ้วนอยู่ในหัว ในความคิดของเขาด้วยวิวัฒนาการระยะ 4 อย่างชูฮันที่ร่างไม่สมบูรณ์และยังบาดเจ็บอย่างหนัก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินทางมาถึงตรงนี้ภายในตอนนี้ได้ อย่างน้อยชูฮันควรจะมาถึงหลังจากเขาและเฉินจีกวงฟาดฟันกันจนแต่ละฝ่ายมีบาดแผลเป็นสิบๆจุดไปแล้ว เพราะฉะนั้นซูเฟิงจึงคิดว่าคนที่มาใหม่ไม่น่าใช่ชูฮันอย่างแน่นอน

 

แต่แล้วเมื่อหันไปมองดูดีๆ ซูเฟิงก็นิ่งค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!

 

กระต่าย กระต่ายยักษ์ สีหน้าของเจ้ากระต่ายดูมีร่องรอยของความกังวลและกลัวผสมอยู่ พร้อมกับชูฮันที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าที่แผ่กระจายออกมาพร้อมกับถือปืนไรเฟิลพิเศษอยู่ในมือ

 

“ชูฮัน?” ซูเฟิงอดไม่ได้ที่จะหลุดโพล่งออกมา ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาถึงได้เร็วขนาดนี้? ไม่ ที่เขามาถึงเร็วเพราะขี่เจ้ากระต่ายนี้มางั้นเหรอ แล้วไอ้กระต่ายยักษ์นี่มันอะไรกัน?

 

ลูกผสมระยะ 6 อย่างเฉินจกวงนั้นมีปฏิกิริยาแตกต่างจากซูเฟิงอย่างสิ้นเชิง มันไม่สนใจว่ากระต่ายยักษ์นั่นคืออะไร มันก็คงเป็นแค่สัตว์ประหลาดยักษ์ใหญ่ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของพันธุกรรม? ชูฮันมาถึงเร็วอย่างมาก การต่อสู้ของมันยังไปไม่ถึงไหนเลย จู่ๆชูฮันก็โผล่มาตรงหน้าเอง โชคเป็นของมันชัดๆ!

 

มันรู้ดีว่าจุดประสงค์ของมันคืออะไรและเป้าหมายของมันคืออะไร และการกำจัดวิวัฒนาการระยะสูงอย่างซูเฟิงก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับมัน ตราบใดที่มันได้หัวของชูฮัน…ทุกอย่างก็จบ ดังนั้นเฉินจีกวงจึงเปลี่ยนจุดมุ่งหมายและพุ่งตัวไปหาชูฮันทันที มันสามารถฆ่าชูฮันได้ทันทีภายในเวลาเสี้ยววินาทีและมันก็จะพาหัวชูฮันกลับไปให้ท่านมู๋เย๋ ส่วนสำหรับซูเฟิงที่อยู่ข้างหลัง ตราบใดที่มันยังไม่เหนื่อยเกินไปเดี่ยวมันค่อยจัดการกับซูเฟิงเมื่อไหร่ก็ได้

 

ด้วยความคิดเช่นนั้น เฉินตีกวงจึงตื่นเต้นอย่างมากจนปิดสีหน้าไม่อยู่ ร่างของมันวิ่งหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางชูฮัน!

 

ซูเฟิงตกใจมากและรีบไล่ตามหลังเฉินตีกวงไปทันทีอย่างพยายามจะหยุดการกระทำของเฉินจีกวง

 

แต่ในเวลานั้นชูฮันที่ซูเฟิงกำลังเข้ามาใก้ลขึ้นเรื่อยๆก็พูดขึ้นมากระทันหัน “ซูเฟิง ถอยไป!”

 

อะไรน่ะ? ถอย?

 

ซูเฟิงตะลึงค้างทันที แต่ทันทีที่เขาเห็นปืนขนาดใหญ่ในมืออีกข้างของชูฮัน ทันใดนั้นเขาก็ได้สติขึ้นมา

 

เฉินจีกวงกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นจัด ไอ้หน้าโง่สองตัวนี้ มันเป็นถึงลูกผสมระยะ 6 แค่การหลบกระสุนที่ไอ้ชูฮันยิงมามันสามารถหลบได้สบายๆอยู่แล้ว!

 

ชูฮันเล็งปืนในมือไปที่ลูกผสมตรงหน้า มันอาจดูแปลกที่จะมาตั้งท่ายิงในระยะใกล้แบบนี้…ห้าสิบเมตร…สามสิบเมตร…สิบห้าเมตร—–

 

เหนี่ยวไก “กึก!”

ความสามารถด้านความแม่นยำระดับ 4!