บทที่ 1620+1621

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1620 ฉันจะเลี้ยงเหล้าคุณเอง!

เธอฝึกฝนจนมาถึงระดับนี้แล้ว ไม่เกรงกลัวความเหน็บหนาวใดๆ อีกแล้ว ดังนั้นบนร่างเธอจึงสวมเพียงชุดกระโปรงวาดน้ำหมึกเนื้อบางสีขาวกระจ่างตัวหนึ่งเท่านั้น บนไหล่เดิมทีสวมเสื้อคลุมกันลมไว้ตัวหนึ่ง เธอรู้สึกร้อน จึงถอดออกเสีย พลางโยนเข้าไปในมิติเก็บของ

เธอหยิบกาหยกใบนั้นออกมา วางมันกลางฝ่ามือแล้วหมุนดูรอบหนึ่ง มุนปากหยักขึ้นเล็กน้อย

เจตนาที่เขามอบกาใบนี้ให้ เพื่อสื่อว่าในใจเขาตอนนี้เธออยู่ระดับเดียวกับเพื่อนร่วมงานทั่วไปแล้วสินะ?

ก็ยังดี ของขวัญที่มอบให้เธอหนก่อนเหมือนเห็นเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าที่ผ่านทางมา ของขวัญที่มอบให้ครานี้ดีชั่วอย่างไรสถานะของเธอก็สูงขึ้นลำดับหนึ่ง สามารถทัดเทียมกับเพื่อนร่วมงานของเขาได้แล้ว! เธอควรดีใจหรือเปล่านะ?

ตี้ฝูอี ขอบคุณสำหรับการให้ค่าของเจ้า!

กู้ซีจิ่วโยนกาหยกใบนั้นขึ้นไปบนอากาศ ยามที่ร่วงลงมากลับมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านข้าง รับมันไว้ในมือ

กู้ซีจิ่วหันไปมองทันที ผู้ที่อยู่ข้างกายสวมอาภรณ์ขาวที่พิสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะที่โปรยปรายลงมาจากนภา เป็นหลงซือเย่

“ไม่ต้องการมันเหรอ?” หลงซือเย่ถามเธอ

กู้ซีจิ่วฉวยกาใบนั้นคืนมา ยิ้มดั่งพระสังกัจจายน์ “ทำไมจะไม่ต้องการล่ะ? ของชิ้นนี้ราคาไม่ถูกเลยนะ ถ้าจวนของฉันประสบวิกฤตทางการเงิน เอามันไปแลกเป็นเงินก็ไม่เลวเลย”

เมื่อหันไปเห็นว่าริมถนนมีโรงรับจำนำอยู่แห่งหนึ่ง เธอก็บ่ายหน้าก้าวเข้าไปในอาคาร “พวกเราเอาเจ้านี่ไปขายทิ้งแลกเป็นเหล้ามากินกันเถอะ!”

หลงซือเย่ไม่พูดอะไร เขาติดตามอยู่ข้างกายเธอ

ในวันส่งท้ายปีเก่าโรงรับจำนำไม่เปิดทำการ ประตูใหญ่ปิดสนิท โชคดีที่เถ้าแก่ยังอยู่ข้างใน กู้ซีจิ่วบังคับบานประตูให้เปิดออก โยนกาหยกใบนั้นลงบนตู้สินค้า “เถ้าแก่ ดูหน่อยว่ากาหยกใบนี้ราคาเท่าไหร่? ข้าจะจำนำ!”

ทีแรกเถ้าแก่คนนั้นไม่พอใจยิ่งนัก แต่พอเห็นกาหยกใบนั้นก็ตาลุกวาว! เอากาหยกใบนั้นไปพลิกดูอยู่พักหนึ่ง แล้วเสนอราคา “หนึ่งพันตำลึง!”

กู้ซีจิ่วก็ไม่ต่อรองอีก “จำนำ!”

เถ้าแก่คนนั้นรีบออกตั๋วจำนำให้ แล้วมอบตั๋วเงินพันตำลึงให้กู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วหยิบตั๋วเงินขึ้นมาแล้วตบไหล่หลงซือเย่อย่าสง่าผ่าเผย “ไปเถอะ ฉันจะเลี้ยงเหล้าคุณเอง!”

หลงซือเย่หยิบกาหยกใบนั้นของตนออกมา นำมาวางรวมกับใบนั้นของกู้ซีจิ่ว “ข้าก็จะจำนำใบนี้ด้วย!”

เถ้าแก่คนนั้นมองดูกาหยกใบนั้นของหลงซือเย่ กาหยกใบนั้นดูราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกันกับของกู้ซีจิ่ว คุณภาพของหยกก็ดูใกล้เคียงกัน…

เขาใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “หนึ่งพันตำลึงเช่นกัน”

หลงซือเย่ยิ้มน้อยๆ รับตั๋วเงินพันตำลึงมาจากมือเขาเช่นกัน

ทั้งสองคนเดินเคียงกันออกไป

เถ้าแก่คนนั้นดีใจจนดวงตาหรี่เป็นขีดแล้ว กาหยกของกู้ซีจิ่วดูเผินๆ คล้ายหยกมันแพะ แต่ความจริงแล้วทำจากหยกผลึกที่หายากชนิดหนึ่ง

ต่อให้เป็นสุราธรรมดาขอเพียงเทลงไปในกานี้ก็จะกลายเป็นสุราเลิศรส ช่วยผ่อนคลายเส้นเอ้นกระตุ้นเลือดลม มีส่วนช่วยในการชำระจิตใจรวบรวมสมาธิ ยามที่จิตใจว้าวุ่นดื่มสุราจากกานี้ไปหนึ่งจอก จะสามารถสงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว หยกชนิดนี้เพียงขนาดเท่าเล็บมือชิ้นหนึ่งก็มีค่าควรเมืองแล้ว นับประสาอะไรกับกาที่สลักมาจากหยกทั้งชิ้นเล่า!

หลายปีก่อนเถ้าแก่คนนั้นเคยเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ มีวาสนาได้พบเห็นหยกผลึกชิ้นนี้ ดังนั้นจึงมองออก

ส่วนกาหยกใบนั้นของหลงซือเย่ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นแบบเดียวกับใบนี้ของกู้ซีจิ่ว แต่ความจริงแล้วเป็นหยกมันแพะของจริง ราคาแพงเช่นกัน แต่เทียบชั้นกับใบนั้นของกู้ซีจิ่วไม่ได้เลย

ดังนั้นเถ้าแก่จึงไม่เผยพิรุธออกมา ด้วยเกรงว่าสองคนนี้จะจับได้

หลังจากพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองจากไป เขาก็นำมากาหยกใบนั้นมาพลิกหมุนดูอยู่พักใหญ่ ยิ้มเหมือนคนโง่งม

รวยแล้ว! รวยแล้ว! กาใบนี้มีค่าอย่างน้อยสิบล้านตำลึง! มีราคาทว่าไม่มีแหล่งซื้อขาย!

เขาเกรงว่าพอกู้ซีจิ่วสร่างเมาแล้วจะเสียใจภายหลังขึ้นมา แม้แต่โรงรับจำนำก็ไม่เอาแล้ว ฉวยกาสุราก็คิดจะหนีไปทันที…

————————————————————————————-

บทที่ 1621 พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น พลันมองเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงประตู คนผู้นั้นยืนบังแสงไว้ ในมือถือร่มไผ่เขียวขจีคันหนึ่ง

ผู้ที่อยู่ใต้ร่มสวมชุดขาว แม้แต่เส้นผมก็คล้ายเป็นสีเงินยวงด้วย ทั้งร่างคนดุจแกะสลักมาจากหิมะ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าบนใบหน้าเขาไม่มีหน้ากากใดๆ บดบังอยู่เลย ทว่าคนกลับมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน และไม่ทราบเช่นกันว่าคนผู้นี้มาตั้งแต่ยามใด ทำเอาเถ้าแก่สะดุ้งโหยง!

เขาซ่อนกาหยกเข้าไว้ในแขนเสื้อตามสัญชาตญาณ พลางเอ่ยถาม “ท่านลูกค้าก็มาจำ…”

ถ้อยคำท่อนหลังติดอยู่ในลำคอเขา เนื่องผู้มาเพียงสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย กาหยกในมือเขาก็ลอยไปอยู่ข้างกายคนผู้นั้นแล้ว คนผู้นั้นโบกแขนเสื้อเบาๆ กาใบนั้นก็ผลุบเข้าไปในแขนเสื้อของคนผู้นั้น

เถ้าแก่ร้านตกตะลึงนัก รีบร้อนจะโผเข้าใส่ แต่คนผู้นั้นเคลื่อนว่องไวอย่างที่ยากจะบรรยายได้ เท้าของเขาเพิ่งจะขยับ กระดาษแผ่นหนึ่งก็ปลิวเข้ามาแล้ว แปะเข้าตรงหน้าผากของเขาพอดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงแน่นิ่งไปเสมือนถูกตรึงไว้

ไม่ทราบเช่นกันว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด ในที่สุดเขาก็ได้อิสระคืน ขาของเขาปวดชาเหลือเกิน พอได้อิสระคืนมาก็ล้มลงไปกองกับพื้น กระดาษที่แปะอยู่หน้าผากแผ่นนั้นก็ปลิวร่วงลงมา เขาหยิบขึ้นมามองตามสัญชาตญาณ เป็นตั๋วเงินพันตำลึงใบหนึ่ง…

….

กู้ซีจิ่วบอกว่าจะเลี้ยงเหล้าหลงซือเย่ แต่ในคืนส่งท้ายปีเก่าเหลาสุราที่ไหนจะเปิดทำการเล่า?

เธอกับหลงซือเย่เดินจากหัวถนนไปจนถึงท้ายถนนเส้นนั้นแล้ว ก็ไม่พบร้านที่เปิดประตูเลย

เหตุใดถึงไม่มีร้านที่เปิดประตูทำการค้ากันเล่า?

ทำให้เธอที่อยากจะผลาญเงินอดผลาญเลย!

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ที่มุมถนน มองเหลาสุราแห่งหนึ่งอย่างใจลอย ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่

หลงซือเย่อยู่ข้างกายเธอตลอด เดินไปเดินมาเป็นเพื่อนเธอ เมื่อเห็นเธอยืนเหม่อยู่ตรงนั้นอย่างไร้ชีวิตจิตใจ ดวงตาเขาพลันมีแววปวดร้าวพาดผ่าน เสนอความเห็นกับเธอ “ไม่สู้เธอเชิญฉันไปดื่มสุราที่จวนของเธอแทนล่ะ?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ในจวนวุ่นวายเกินไป…”

ในจวนเธอมีคนมากมาย อีกทั้งวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่า จะต้องอยู่บ้านกันหมดแน่นอน ขอเพียงเธอกลับไปก็จะถูกรุมล้อม แม้แต่เวลาจะเหม่อลอยก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ

หลงซือเย่ใคร่ครวญดูอีกครู่หนึ่ง เสนอขึ้นอีกครั้ง “งั้นไปที่สำนักถามสวรรค์ของฉันไหม?”

“ไกลเกินไปแล้ว!” กู้ซีจิ่วส่ายหน้าอีกครั้ง

หลงซือเย่ถอนหายใจ “ด้วยพลังยุทธ์ของเธอในตอนนี้ ใช้เวลาแค่หนึ่งยามเอง ฉันมีไวน์ชั้นดีอยู่ที่นั่น ให้เธอดื่มได้จนพอใจเลย!”

กู้ซีจิ่วหวั่นไหวแล้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า “ได้!”

กู้ซีจิ่วเปิดใช้วิชาย่นปฐพีโดยตรง จับมือข้างหนึ่งของหลงซือเย่ไว้ เงาร่างของคนทั้งสองหายลับไปจากจุดเดิมทันที

วิชาย่นปฐพี สามารถย่นระยะทางพันลี้ให้กลายเป็นร้อยลี้ได้ ระยะทางหลายพันลี้ก็ย่นเป็นหลายร้อยลี้ ด้วยฝีเท้าของเธอกับหลงซือเย่ ระยะทางหลายร้อยลี้นี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม

ถนนทอดยาวอ้างว้าง ลมหิมะพัดตลบ

ท่ามกลางหิมะปรากฏเงาร่างของคนผู้หนึ่งขึ้น ทั้งตัวหัวจรดเท้ามีเพียงร่มในมือเท่านั้นที่เป็นสีเขียว ที่เหลือล้วนเป็นสีขาวทั้งหมด

แขนเสื้อเขาห้อยลู่เล็กน้อย มองจุดที่กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีเลือนหายไปอย่างเหม่อลอย

ผ่านไปสักพัก ก็กระแอมไอเบาๆ แล้วหันหลังจากไป

….

ณ ศาลาตัดอาลัยบนเขาถามสวรรค์

โต๊ะเล็กๆ ที่สานด้วยไผ่ตัวหนึ่ง เก้าอี้ไผ่สานสองตัว

บนโต๊ะเล็กวางอาหารไว้สามสี่อย่าง อาหารไม่เพียงแต่วิจิตรประณีตยิ่งนักเท่านั้น ยังเป็นอาหารที่หลงซือเย่ลงมือปรุงออกมาด้วยตัวเองด้วย

สุราย่อมเป็นสุราที่ดีที่สุดของสำนักถามสวรรค์ รสชาติก็เป็นรสบ๊วยเขียวที่เธอโปรดปรานที่สุด

กู้ซีจิ่วนั่งตรงข้ามกับหลงซือเย่ ร่ำสุราสนทนากัน

ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เขาเป็นครูฝึก เธอเป็นนักฆ่า พวกเขาเคยนั่งประจันหน้ากันแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นเธออยากแต่งกับเขา ส่วนเขาก็วางแผนว่าทำยังไงถึงจะแต่งกับเธออย่างราบรื่นได้…

เพียงแต่จับผลัดจับผลูเข้าใจผิดกัน ทำให้วาสนานี้ไม่อาจหวนกลับมาได้อีกแล้ว

ตอนนี้นั่งตรงข้ามกันอีกครั้ง ทว่าหลงซือเย่รู้สึกราวอยู่กันคนละโลกแล้ว

“ซีจิ่ว พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?” หลงซือเย่โพล่งประโยคหนึ่งออกมา

————————————————————————————-