บทที่ 428 ไม่ฆ่าก็ยังมีความหวัง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 428 ไม่ฆ่าก็ยังมีความหวัง
ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมองจวินโม่ซ่างอยู่สักพักหนึ่ง และพยายามยืดขาข้างหนึ่งออกไปเพื่อลงจากรถม้า แต่เธอก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าโกรธหรืออะไร หากจะเสียใจก็คงเสียใจที่ตามเขามา แค่ชื่อเดียวเท่านั้นไม่คุ้มค่าแก่การเสี่ยงเลย

และวันนี้เธอเดินทางมาถึงเมืองถาถ่านของอาณาจักรอู๋โยวแล้ว หากหนานกงเย่โมโหขึ้นมา ก็คงจะเกิดการรบขึ้นจริงๆ

ตอนนี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียใจมาก เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้กองกำลังทั้งหมดต้องลำบากไปด้วย และรวมไปถึงอาณาจักรต้าเหลียง หรือว่าเธอควรตายไปเพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น?

เมื่อลงมาจากรถม้า เธอกำลังคิดจะมองไปรอบๆ จู่ๆ ก็มีไข่ไก่ถูกโยนเข้ามา

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ป้องกันตัว ไข่ไก่กระทบลงบนใบหน้าของเธอจนเจ็บ

แล้วใบหน้าของฉีเฟยอวิ๋นก็บวมขึ้นมา

“รู้สึกต้อยต่ำใช่หรือไม่?” จวินโม่ซ่างถามฉีเฟยอวิ๋นที่ดูสมเพชในตอนนี้ ฉีเฟยอวิ๋นเช็ดไข่ไก่บนใบหน้าและหยิบกระจกทองแดงออกมาดูใบหน้าของเธอ

ตั้งแต่ที่เธอเริ่มอ้วนขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นมักเฝ้าระวังน้ำหนักและใบหน้าของเธอเสมอ

ทุกครั้งที่เธอรู้สึกว่าอ้วนขึ้น เธอมักจะส่องกระจกเสมอ

ขณะนี้เธอก็ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง จุดประสงค์หลักก็เพื่อรับมือกับจวินโม่ซ่าง

จวินโม่ซ่างโยนกระจกออกไปอีกฝั่งหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ดูไม่ออกเลยว่าเจ้ายังมีเวลาเช่นนี้อีก”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบไปมองกระจกที่ถูกโยนทิ้งไป และมองไปที่จวินโม่ซ่างและผู้คนรอบๆ

“คุณชาย”

มีแม่ทัพใหญ่สวมชุดเกราะเดินเข้ามาตรงหน้าของจวินโม่ซ่าง และยกมือขึ้นมาแสดงความเคารพฉีเฟยอวิ๋น

คนอื่นก็ยกมือขึ้นมาทำความเคารพด้วยเช่นกัน จวินโม่ซ่างมองไปที่ฉีเฟยอวิ๋น “นางเป็นพระชายาของท่านอ๋องหนานกงเย่ พวกเจ้าน่าจะเคยเห็นนาง”

แม่ทัพซานเต๋อเงยหน้าขึ้นพิจารณาฉีเฟยอวิ๋นที่ดูน่าสมเพชและหัวเราะ “เจ้าเป็นลูกสาวของแม่ทัพฉีจือซานหรือ?”

“ข้าเพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก และไม่รู้ประเพณีและวัฒนธรรมของที่นี่ว่าเจอหน้ากันครั้งแรกต้องโยนไข่ไก่เน่ามาให้ รอให้ถึงวันที่ข้ากลับไป ข้าจะนำทัพทหารนับหมื่นนับแสนมาจู่โจมอาณาจักรอู๋โยวของเจ้า”

“ช่างปากดีนัก!”

ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะเยาะเย้ย “ข้ากล้ามาก็แสดงว่าข้าไม่กลัว ข้าคิดว่าพ่อข้าอยู่ในสนามรบมาหลายปี มีหรือจะกลัวพวกเจ้า พวกเจ้าต่างก็กลัวพ่อข้าเมื่อได้ยินชื่อของเขา

ไม่สามารถทำอะไรท่านพ่อของข้าได้ ก็พาข้ามาที่นี่ พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีความสามารถอย่างนั้นหรือ”

“ประเดี๋ยวจะสั่งให้คนถอดเสื้อผ้าของเจ้าให้หมด ดูสิว่าเจ้าจะยังหัวเราะออกอีกหรือไม่?” จวินโม่ซ่างกล่าวอย่างไม่ขยับ

ฉีเฟยอวิ๋นสะบัดเสื้อผ้าบนร่างกายอย่างไร้ความอดทน “ตามสบาย หากเจ้าไม่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียง ข้าก็ไม่กลัวว่าจะตกอยู่ในความทุกข์เวทนา วันนี้หากเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้าแม้แต่น้อย ข้าขอให้เมืองถาถ่านของเจ้าประสบกับโรคระบาดร้ายแรงสามปี”

“อะไรนะ?” จวินโม่ซ่างหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะลองดู……ส่งคนมาที่นี่ ถอดเสื้อผ้าของนางออกให้หมด” จวินโม่ซ่างออกคำสั่งไป ไม่นานก็มีคนเข้ามาและต้องการจะเข้าใกล้ฉีเฟยอวิ๋น

หนึ่งในนั้นมือไวมาก และแตะฉีเฟยอวิ๋นไว้ได้ และเมื่อจับลงไปแน่นก็รู้สึกแปลกไป เมื่อมองที่มือของเขา ฝ่ามือก็ดำสนิท

คนอื่นเมื่อเห็นว่าเกิดเรื่องขึ้นจึงถอยหลังออกไป

แต่ถอยหลังไปเพียงไม่กี่ก้าวก็สายไปเสียแล้ว คนที่เข้ามาใกล้ล้วนต่างก็มีสภาพเหมือนกัน หลังจากนั้นทั้งหมดก็ตื่นตระหนก คนที่อยู่รอบข้างก็ติดต่อไปตามๆ กันเป็นร้อยๆ คนสุดท้ายก็ลามติดเชื้อไปทั่วทุกคนที่อยู่ตรงนั้น รวมไปถึงจวินโม่ซ่าง

ไม่นานจวินโม่ซ่างก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เมื่อยื่นมือออกมาก็พบว่าฝ่ามือได้ดำไปแล้ว

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปรอบๆ “เจ้าเดินทางมารถม้าคันเดียวกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะรอดหรือ?”

“ข้าจะฆ่าเจ้า” จวินโม่ซ่างยื่นมือมาบีบคอของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเห็นเพียงแค่เขายิ่งทุรนทุราย

เมื่อมือของจวินโม่ซ่างบีบแน่นขึ้น หัวใจของเขาก็บีบแน่นและเจ็บปวด เขากดลงตรงหน้าอกและมันก็ชาไป

“เจ้าทำอะไรกับพวกข้ากันแน่?” จวินโม่ซ่างไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเขาและมองไปรอบๆ “ความอัปยศในวันนี้ พวกเจ้าจะต้องชดใช้ร้อยเท่าพันเท่า คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องตายทั้งหมด ข้าพูดไว้แล้วว่าหากพวกเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า ข้าจะทำให้เมืองถาถ่านติดโรงระบาดรุนแรงสามปี ในสามปีนี้จะไม่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิต แม้แต่หนูยังต้องหนีไปด้วยคราบน้ำตา และพวกเจ้าจะต้องตายไปอย่างทุกข์ทรมาน”

“เจ้ามันคือนางผู้หญิงสารเลว” จวินโม่ซ่างพูดและล้มลงกับพื้น จากนั้นก็เป็นลมหมดสติไป

ผู้คนบริเวณโดยรอบต่างพากันตกอกตกใจ แม่ทัพซานเต๋อที่พูดจาดูถูกเมื่อสักครู่ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกหวาดกลัว ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปทางซานเต๋อด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่เคยมีคนบอกเจ้าหรือว่าอย่าดูหมิ่นลูกสาวของศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด?”

หัวใจของซานเต๋อรู้สึกชาใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีดำ รองแม่ทัพข้างกายของเขาก็ล้มลงไปก่อน หลังจากนั้นก็เป็นเขาเลยที่ล้มลง

ฉีเฟยอวิ๋นเดินผ่านท่ามกลางผู้คนที่ล้มลงเป็นแนวนอน ไม่นานก็พบเข้ากับร้านเสื้อผ้า จึงหาชุดที่ดูดีให้กับตัวเองเพื่อเปลี่ยน เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วก็ออกมาจากร้านเสื้อผ้า เมื่อเดินไปพบคูเมืองก็ได้ทำการใส่ผงยาลงไป

บนท้องฟ้ามีอีกาบินมาอยู่ตัวหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและโบกมือขึ้นก่อนจะหยิบกระดาษเพื่อมัดไว้ที่เท้าของอีกา “ไปบอกท่านอ๋องว่าข้าสบายดี บอกให้เขารอข้าสามวัน สามวันผ่านไปข้าจะทำให้ประตูเมืองถาถ่านเปิดออก”

อีกาจากไปและฉีเฟยอวิ๋นก็เดินลงจากหอคอยเพื่อเข้าไปในเมือง

คนที่รอเธออยู่เป็นผู้ชายสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวเรียบๆ และดูธรรมดา ผู้ชายคนนี้มีใบหน้าไม่คุ้นนัก แต่ดูจากการแต่งกายของเขาแล้วนั้นคาดว่าน่าจะเป็นที่ปรึกษา

“ข้าน้อยถังหลง คารวะพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็ยกพัดขนนกขึ้นมาและแสดงความเคารพฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นถาม “เจ้าเป็นใครหรือ?”

“ข้าน้อยเป็นที่ปรึกษาของคุณชายจวิน หากคุณชายของข้าน้อยทำผิดอะไร พระชายาได้โปรดให้อภัยและปล่อยคุณชายไปเถอะขอรับ”

“คุณชายของเจ้าจะทำเรื่องน่าอัปยศต่อข้า เจ้ายังต้องการให้ข้าปล่อยเขาไป ข้าทำไม่ได้”

สีหน้าของถังหลงดูเป็นกังวล “หากพระชายามีเรื่องอะไรให้รับใช้สามารถบอกมาได้เลยขอรับ ขอเพียงแค่ถังหลงสามารถทำได้ ข้าน้อยจะพยายามอย่างเต็มที่ขอรับ”

“เกรงว่าเจ้าจะทำไม่ได้ ข้าต้องการให้เมืองถาถ่านกลับไปเป็นของอาณาจักรต้าเหลียง ข้าต้องการเผาถาถ่านให้ราบ”

“……” ใบหน้าของถังหลงดูมืดมน “ทำให้เมืองถาถ่านเป็นเช่นนี้ พระชายาไม่กลัวจะถูกประชาชนลงโทษหรือขอรับ?”

“ถังหลง บ้านของข้าก็มีที่ปรึกษา เขาชื่อว่าทังเหอ มีความคล้ายคลึงกับเจ้า ข้าดูออกว่าเจ้าไม่ใช่คนไม่ดี แต่เจ้าลองคิดดูให้ดีดี อาณาจักรอู๋โยวและอาณาจักรต้าเหลียงก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีกันมาตลอดและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ครั้งนี้อาณาจักรของเจ้าได้ฟังคำใส่ร้ายจากใครบางคน และต้องการบุกรุกอาณาจักรของข้า เรื่องเช่นนี้ต่างหากที่ไร้สาระที่สุด

อาณาจักรอู๋โยวก็ดี หรืออาณาจักรต้าเหลียงก็ดี ต่างก็ต้องการให้ประชาชนมีความสงบสุข แต่สงครามระหว่างสองอาณาจักรจะทำให้เกิดความหายนะและความอดอยากของประชาชน”

“พระชายาเย่พูดถูก ไม่ทราบว่าพระชายาเย่ยินยอมที่จะปล่อยคุณชายของข้าน้อยและประชาชนในเมืองนี้หรือไม่ขอรับ”

ถังหลงถามต่อ ฉีเฟยอวิ๋นจ้องมองถังหลง ดูไปแล้วก็เป็นคนเฉลียวฉลาด แต่กลับพูดวนเข้ามาเรื่องนี้

“ไม่ได้”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปบนถนน ผู้คนบนท้องถนนยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ขนาดหนูยังถูกพิษและนอนอยู่บนพื้น

ถังหลงเดินตามฉีเฟยอวิ๋นและถาม “พระชายาขอรับ ทำไมข้าไม่ถูกวางยาพิษหรือขอรับ?”

“เมื่อลงจากรถม้าและเห็นว่าเจ้าได้เดินออกไป ข้าได้ใส่ยาถอนพิษไว้บนตัวเจ้า” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ

ถังหลงตกใจ “ต่างข้าน้อยอยู่ไกลจากพระชายามาก”

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับและยื่นมือออกไปแต่ถังหลงก็ไม่หลบ เมื่อมองจากตรงนี้ฉีเฟยอวิ๋นก็สามารถมั่นใจได้ว่าตำแหน่งของถังหลงในเมืองถาถ่านนั้นไม่ธรรมดาเลย เขาไม่กลัวตาย!

ฉีเฟยอวิ๋นยกแขนเสื้อขึ้นและหยิบเข็มเงินขึ้นมาหนึ่งเล่ม ถังหลงตกตะลึง “ข้าน้อยกลับไม่รู้สึกว่าเข็มเงินได้ปักเข้ามาในตัวของข้าน้อยแล้ว”

“นั่นก็ไม่แปลก ที่นี่เป็นจุดที่ชาของเส้นประสาท ปักเข้าไปได้เร็วและเร็วมาก และการที่เจ้าจะชานั้นก็ไม่สามารถรู้สึกได้”

ถังหลงอยู่ในภวังค์และทันใดนั้นก็กล่าวว่า “ในเมื่อไม่ฆ่า เช่นนั้นก็ยังมีทางแก้ไข พระชายาได้โปรดชี้แจงขอรับ”