“ราชาสังหารจากสำนักยูเฟิง!”
หญิงสาวอายุสิบแปดที่อยู่ห่างจากซือหยูไม่มากเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่รู้ตัว ในเสียงของนางมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ด้วย
เมื่อนางอุทานออกมา ลานนกกระจอกเทวะที่เสียงดังก็เงียบลงทันที หลายคนก้าวถอยหลังไม่กล้าจะมองราชาสังหารตรงๆ
เขายังเป็นที่รู้จักในชื่อโจวจิ้ง เขาเป็นศิษย์นอกสำนักยูเฟิงที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่าเขาคือหนึ่งในสามศิษย์นอกลำดับแรกที่จะกลายเป็นศิษย์ใน ผู้เฒ่าระดับจ้าวเทวะหนึ่งคนสนใจเขาและจะรับเขาไว้เป็นศิษย์ในฐานะศิษย์ใน
ดังนั้นเขาจึงมีอนาคตอันสดใสที่รอคอยอยู่ เขายังถูกนับว่าเทียบเท่ากับโจวฉีหมิงในการประลองลับสวรรค์ เขาเอาชนะทุกคนในจิวโจว พวกเขาสองคนถูกเรียกว่าสองเทพสังหาร
แต่ในด้านการสังหาร โจวฉีหมิงนั้นมีชื่อในด้านวิธีการฆ่า ส่วนโจวจิ้งนั้นมีชื่อในความกระหายที่จะสังหาร เขาฆ่าทุกคนที่ทำให้เขาไม่พอใจได้
ว่ากันว่าแม้แต่ศิษย์ในจากสำนักยูเฟิงก็ไม่ได้ฆ่าคนมามากมายเท่ากับเขา เขาคือราชาสังหารอย่างที่คนเรียกกันโดยแท้จริง!
หลายคนกลัวเขา ศิษย์ในบางคนอยากจะสั่งสอนความป่าเถื่อนไม่เชื่องของเขา แต่สุดท้ายศิษย์ในคนนั้นที่เข้าสู่ขอบเขตภูติไปแล้วก็บาดเจ็บสาหัสจากโจวจิ้งและทำได้แค่หนีไป!
ข่าวลือเรื่องพลังของเขานั้นลึกลับอย่างไม่น่ากลัว บางคนก็พูดว่าเขากลายเป็นภูติเสียนานแล้ว แต่เขากลับกดพลังตัวเองเอาไว้ในระดับกึ่งภูติเพื่อช่วยเหลือผู้อาวุโสที่จะเต็มใจรับเขาเป็นศิษย์และทำภารกิจลับที่กระโจมเทพสวรรค์
ฉั่วะ–
โจวจิ้งมองหญิงสาวที่อุทาน สายโลหิตไหลออกมาจากระหว่างคิ้วของนางจนถึงท้อง
ดวงตาของนางว่างเปล่า ร่างนางแยกเป็นสองส่วน โลหิตของนางกระจายไปทั่วจนย้อมพื้นเป็นสีแดงฉาน
หญิงสาวระดับกึ่งเทพตายอย่างโหดร้าย นั่นเพียงเพราะว่านางเหลือบมองโจวจิ้ง!
ภาพการนองเลือดทำให้หลายคนขนลุก แต่ละคนรีบละสายตาจากไป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองนางหรือช่วยเหลือนาง มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะพบกับชะตาเช่นเดียวกับนางที่ถูกผ่าเป็นสองท่อน!
ซือหยูเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน นางไม่ได้ตายเพราะว่าโจวจิ้งจู่โจมนาง แต่นางตายเพราะกระบี่ทมิฬที่ซ่อนอยู่ในแผ่นหลังโจวจิ้ง!
ในสายตาคนธรรมดา โจวจิ้งเพียงแค่มองหญิงสาว แต่ในสายตาของซือหยู โจวจิ้งนั้นทำสามสิ่งในเสี้ยววินาที…เขาชักกระบี่ ฟัน และเก็บกระบี่เข้าฝัก การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลอย่างมาก
เขาเร็วปานสายฟ้า คนธรรมดามิอาจมองได้เลยว่าเขาทำอะไรไป และพวกเขาก็แค่คิดว่านางแค่ตายด้วยพลังของอะไรบางอย่างที่ลึกลับ
เซี่ยจิงหยูที่ยืนหลังซือหยูตัวสั่น
“วิชากระบี่ของเขาแข็งแกร่งมาก! พลังไม่ได้น้อยกว่าขอบเขตภูติเลย! ต่อให้มีเข็มขนนกแห่งความมืดข้าก็อาจจะสู้เขาไม่ได้!”
“เราอาจจะหาเรื่องคนที่ยุ่งยากเข้าแล้ว”
เซี่ยจิงหยูพูดต่อ นางมองหญิงสาวบริสุทธิ์ไร้วิญญาณด้วยใจสั่น
ชายคนนี้ป่าเถื่อนและเกินกว่าจะใช้ชื่อว่าราชาสังหารน ซือหยูสายตาเคร่งเครียด ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าโจวฉีหมิงเสียอีก!
แต่ซือหยูก็ไม่ได้รู้สึกทึ่งไปกับโจวจิ้ง แม้เขาจะได้รับฉายาราชาสังหาร เหยื่อของเขาก็อ่อนแอกว่าเขามาก ดูจากหญิงสาวที่เขาเพิ่งฆ่าไป
การกระทำอะไรที่ดูหมิ่นเขาจะทำให้เขาโกรธ นั่นทำให้เขาดูน่ากลัว แต่ในความจริงมันก็แค่การกระทำของคนขี้ขลาด!
คนที่แข็งแกร่งจริงๆจะไม่สังหารคนอ่อนแอเพียงเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง ชายคนนี้ถูกศิษย์ในที่เก่งกว่าเอาชนะ และต้องไปลงกับคนที่อ่อนแอกว่า! ซือหยูตัดสินใจว่าจะไม่สนใจคนเช่นนี้
“เจ้าเป็นคนที่ทำร้ายคนสำนักยูเฟิงรึ? ใช่หรือไม่? ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”
เสียงของโจวจิ้งดังและดูหยาบ มันปะปนกับจิตสังหาร
ซือหยูไม่ตอบ เขาเพียงสร้างเพลิงออกมาจากดัชนีและเผาร่างไร้วิญญาณของหญิงสาว เขาหวังว่านางจะได้ไปสู่สุคติ
แกร๊ง—
แววตาโจวจิ้งดุร้าย แทบจะมองไม่เห็นว่าเขาขยับตัวแต่กระบี่ก็มาถึงแล้ว! แต่เมื่อถึงตัว ชุดเกราะก็ปรากฏบนร่างซือหยู
เสียงดังจากแรงปะทะ หมอกภูติล้อมรอบชุดเกราะสั่นไหวก่อนจะสงบนิ่ง พลังกระบี่ที่เหลืออยู่กระจัดกระจายไปยังสิ่งรอบข้างทำให้เหล่าผู้คนตัวสั่น
โจวจิ้งแปลกใจ เขาตกใจที่อีกฝ่ายป้องกันกระบี่ของเขาได้อย่างง่ายดาย
“สมบัติเกราะกึ่งวิญญาณเป็นของดีจริงๆ ข้าอยากได้”
โจวจิ้งหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปทั่วลานนกกระจอกเทวะที่เงียบกริบ ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
แต่พวกเขาก็เงียบไม่มีใครกล้าจะเอ่ยปาก แม้ว่าพวกเขาจะอยากได้เกราะเช่นเดียวกับโจวจิ้ง พวกเขาก็ไม่กล้าพูดออกมา!
“ข้าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตรอด เอาผู้หญิงนั่นมาให้ข้า ชุดเกราะนั่น เข็ม แล้วก็ตัดมือข้างหนึ่งของเจ้าไปซะ ข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อได้ ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขข้อใดสักข้อ เจ้าก็ตายไปซะ!”
โจวจิ้งมอบข้อเสนอที่ไร้เหตุผลให้กับซือหยู
เจิ่งซื่อชิงที่อยู่หลังเขามองอย่างเสียดาย ถ้าหากโจวจิ้งได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงใต้ม่านวารี เขาอาจจะทนไม่ได้อีกต่อไป เพราะอย่างไรผู้หญิงที่มากับซือหยูก็เหมือนกับนางไม้จากสวรรค์!
ซือหยูมองอย่างเยือกเย็น
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า? เจ้าก็ทำได้แค่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็เพื่อแสดงว่าเจ้ามันตาขาวเพียงใด!”
คำพูดนั้นเป็นดั่งสายฟ้าฟาดใส่หูของผู้คน! หลายคนเบิกตากว้างมองดูซือหยู
เขาคิดว่าเขาจะสู้กับราชาสังหารได้เพียงเพราะชุดเกราะงั้นรึ?
ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! และความคิดนั้นก็โง่เขลา! แต่เมื่อกลุ่มคนเห็นชุดที่ซือหยูสวมก็เริ่มที่จะเข้าใจ บางคนเริ่มพูด
“อ๊ะ รู้แล้ว เขาพูดเพราะสถานะของสำนัก ใช้ตำหนักศีลหวนคืนเป็นไพ่ตาย! เขาจะต้องคิดว่าโจวจิ้งไม่กล้าจะทำอะไรเขาแน่”
“แต่การใช้ชื่อเสียงสำนักก็ทำให้เขาเป็นคนขี้ขลาดด้วยไม่ใช่รึไง?”
โจวจิ้งหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“ดี เจ้าเป็นคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่เสนออะไรเจ้าทั้งนั้น เจ้าต้องตาย!”
“ชายคนนั้นพูดถูก เจ้ามันตาขาวเสียจริง”
เมื่อทั้งสองกำลังจะปะทะ เสียงอันไพเราะก็ดังมาจากกลุ่มคน
เหล่าผู้คนตัวแข็งทื่อ พวกเขาหลีกทางให้กับผู้พูด จากนั้นก็ได้เจอกับเด็กสาวที่สวมชุดสีชมพูและหมวกไผ่ นางท่าทางหยิ่งยโส
นี่เป็นเด็กสาวคนเดียวกับที่ซือหยูระวังตัว! ขณะที่ผู้คนเป็นกังวล เด็กสาวมิได้หวาดกลัว นางยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาสดใสใต้หมวกไผ่มองโจวจิ้งด้วยรอยยิ้มขยะแขยง
โจวจิ้งนิ่งงันไป เขาเหลือบมองนาง
“เจ้าเป็นใคร? ไสหัวไปซะ!”