ตอนที่ 534

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ราชาสังหารจากสำนักยูเฟิง!”

 

หญิงสาวอายุสิบแปดที่อยู่ห่างจากซือหยูไม่มากเหลือบมองชายหนุ่มคนนั้นโดยไม่รู้ตัว ในเสียงของนางมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ด้วย

 

เมื่อนางอุทานออกมา ลานนกกระจอกเทวะที่เสียงดังก็เงียบลงทันที หลายคนก้าวถอยหลังไม่กล้าจะมองราชาสังหารตรงๆ

 

เขายังเป็นที่รู้จักในชื่อโจวจิ้ง เขาเป็นศิษย์นอกสำนักยูเฟิงที่มีชื่อเสียง ว่ากันว่าเขาคือหนึ่งในสามศิษย์นอกลำดับแรกที่จะกลายเป็นศิษย์ใน ผู้เฒ่าระดับจ้าวเทวะหนึ่งคนสนใจเขาและจะรับเขาไว้เป็นศิษย์ในฐานะศิษย์ใน

 

ดังนั้นเขาจึงมีอนาคตอันสดใสที่รอคอยอยู่ เขายังถูกนับว่าเทียบเท่ากับโจวฉีหมิงในการประลองลับสวรรค์ เขาเอาชนะทุกคนในจิวโจว พวกเขาสองคนถูกเรียกว่าสองเทพสังหาร

 

แต่ในด้านการสังหาร โจวฉีหมิงนั้นมีชื่อในด้านวิธีการฆ่า ส่วนโจวจิ้งนั้นมีชื่อในความกระหายที่จะสังหาร เขาฆ่าทุกคนที่ทำให้เขาไม่พอใจได้

 

ว่ากันว่าแม้แต่ศิษย์ในจากสำนักยูเฟิงก็ไม่ได้ฆ่าคนมามากมายเท่ากับเขา เขาคือราชาสังหารอย่างที่คนเรียกกันโดยแท้จริง!

 

หลายคนกลัวเขา ศิษย์ในบางคนอยากจะสั่งสอนความป่าเถื่อนไม่เชื่องของเขา แต่สุดท้ายศิษย์ในคนนั้นที่เข้าสู่ขอบเขตภูติไปแล้วก็บาดเจ็บสาหัสจากโจวจิ้งและทำได้แค่หนีไป!

 

ข่าวลือเรื่องพลังของเขานั้นลึกลับอย่างไม่น่ากลัว บางคนก็พูดว่าเขากลายเป็นภูติเสียนานแล้ว แต่เขากลับกดพลังตัวเองเอาไว้ในระดับกึ่งภูติเพื่อช่วยเหลือผู้อาวุโสที่จะเต็มใจรับเขาเป็นศิษย์และทำภารกิจลับที่กระโจมเทพสวรรค์

 

ฉั่วะ–

 

โจวจิ้งมองหญิงสาวที่อุทาน สายโลหิตไหลออกมาจากระหว่างคิ้วของนางจนถึงท้อง

 

ดวงตาของนางว่างเปล่า ร่างนางแยกเป็นสองส่วน โลหิตของนางกระจายไปทั่วจนย้อมพื้นเป็นสีแดงฉาน

 

หญิงสาวระดับกึ่งเทพตายอย่างโหดร้าย นั่นเพียงเพราะว่านางเหลือบมองโจวจิ้ง!

 

ภาพการนองเลือดทำให้หลายคนขนลุก แต่ละคนรีบละสายตาจากไป พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะมองนางหรือช่วยเหลือนาง มิเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะพบกับชะตาเช่นเดียวกับนางที่ถูกผ่าเป็นสองท่อน!

 

ซือหยูเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน นางไม่ได้ตายเพราะว่าโจวจิ้งจู่โจมนาง แต่นางตายเพราะกระบี่ทมิฬที่ซ่อนอยู่ในแผ่นหลังโจวจิ้ง!

 

ในสายตาคนธรรมดา โจวจิ้งเพียงแค่มองหญิงสาว แต่ในสายตาของซือหยู โจวจิ้งนั้นทำสามสิ่งในเสี้ยววินาที…เขาชักกระบี่ ฟัน และเก็บกระบี่เข้าฝัก การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลอย่างมาก

 

เขาเร็วปานสายฟ้า คนธรรมดามิอาจมองได้เลยว่าเขาทำอะไรไป และพวกเขาก็แค่คิดว่านางแค่ตายด้วยพลังของอะไรบางอย่างที่ลึกลับ

 

เซี่ยจิงหยูที่ยืนหลังซือหยูตัวสั่น

 

“วิชากระบี่ของเขาแข็งแกร่งมาก! พลังไม่ได้น้อยกว่าขอบเขตภูติเลย! ต่อให้มีเข็มขนนกแห่งความมืดข้าก็อาจจะสู้เขาไม่ได้!”

 

“เราอาจจะหาเรื่องคนที่ยุ่งยากเข้าแล้ว”

 

เซี่ยจิงหยูพูดต่อ นางมองหญิงสาวบริสุทธิ์ไร้วิญญาณด้วยใจสั่น

 

ชายคนนี้ป่าเถื่อนและเกินกว่าจะใช้ชื่อว่าราชาสังหารน ซือหยูสายตาเคร่งเครียด ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าโจวฉีหมิงเสียอีก!

 

แต่ซือหยูก็ไม่ได้รู้สึกทึ่งไปกับโจวจิ้ง แม้เขาจะได้รับฉายาราชาสังหาร เหยื่อของเขาก็อ่อนแอกว่าเขามาก ดูจากหญิงสาวที่เขาเพิ่งฆ่าไป

 

การกระทำอะไรที่ดูหมิ่นเขาจะทำให้เขาโกรธ นั่นทำให้เขาดูน่ากลัว แต่ในความจริงมันก็แค่การกระทำของคนขี้ขลาด!

 

คนที่แข็งแกร่งจริงๆจะไม่สังหารคนอ่อนแอเพียงเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเอง ชายคนนี้ถูกศิษย์ในที่เก่งกว่าเอาชนะ และต้องไปลงกับคนที่อ่อนแอกว่า! ซือหยูตัดสินใจว่าจะไม่สนใจคนเช่นนี้

 

“เจ้าเป็นคนที่ทำร้ายคนสำนักยูเฟิงรึ? ใช่หรือไม่? ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”

 

เสียงของโจวจิ้งดังและดูหยาบ มันปะปนกับจิตสังหาร

 

ซือหยูไม่ตอบ เขาเพียงสร้างเพลิงออกมาจากดัชนีและเผาร่างไร้วิญญาณของหญิงสาว เขาหวังว่านางจะได้ไปสู่สุคติ

 

แกร๊ง—

 

แววตาโจวจิ้งดุร้าย แทบจะมองไม่เห็นว่าเขาขยับตัวแต่กระบี่ก็มาถึงแล้ว! แต่เมื่อถึงตัว ชุดเกราะก็ปรากฏบนร่างซือหยู

 

เสียงดังจากแรงปะทะ หมอกภูติล้อมรอบชุดเกราะสั่นไหวก่อนจะสงบนิ่ง พลังกระบี่ที่เหลืออยู่กระจัดกระจายไปยังสิ่งรอบข้างทำให้เหล่าผู้คนตัวสั่น

 

โจวจิ้งแปลกใจ เขาตกใจที่อีกฝ่ายป้องกันกระบี่ของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

“สมบัติเกราะกึ่งวิญญาณเป็นของดีจริงๆ ข้าอยากได้”

 

โจวจิ้งหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาดังก้องไปทั่วลานนกกระจอกเทวะที่เงียบกริบ ผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

 

แต่พวกเขาก็เงียบไม่มีใครกล้าจะเอ่ยปาก แม้ว่าพวกเขาจะอยากได้เกราะเช่นเดียวกับโจวจิ้ง พวกเขาก็ไม่กล้าพูดออกมา!

 

“ข้าจะให้โอกาสเจ้ามีชีวิตรอด เอาผู้หญิงนั่นมาให้ข้า ชุดเกราะนั่น เข็ม แล้วก็ตัดมือข้างหนึ่งของเจ้าไปซะ ข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อได้ ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขข้อใดสักข้อ เจ้าก็ตายไปซะ!”

 

โจวจิ้งมอบข้อเสนอที่ไร้เหตุผลให้กับซือหยู

 

เจิ่งซื่อชิงที่อยู่หลังเขามองอย่างเสียดาย ถ้าหากโจวจิ้งได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงใต้ม่านวารี เขาอาจจะทนไม่ได้อีกต่อไป เพราะอย่างไรผู้หญิงที่มากับซือหยูก็เหมือนกับนางไม้จากสวรรค์!

 

ซือหยูมองอย่างเยือกเย็น

 

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้า? เจ้าก็ทำได้แค่รังแกคนที่อ่อนแอกว่าก็เพื่อแสดงว่าเจ้ามันตาขาวเพียงใด!”

 

คำพูดนั้นเป็นดั่งสายฟ้าฟาดใส่หูของผู้คน! หลายคนเบิกตากว้างมองดูซือหยู

 

เขาคิดว่าเขาจะสู้กับราชาสังหารได้เพียงเพราะชุดเกราะงั้นรึ?

 

ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! และความคิดนั้นก็โง่เขลา! แต่เมื่อกลุ่มคนเห็นชุดที่ซือหยูสวมก็เริ่มที่จะเข้าใจ บางคนเริ่มพูด

 

“อ๊ะ รู้แล้ว เขาพูดเพราะสถานะของสำนัก ใช้ตำหนักศีลหวนคืนเป็นไพ่ตาย! เขาจะต้องคิดว่าโจวจิ้งไม่กล้าจะทำอะไรเขาแน่”

 

“แต่การใช้ชื่อเสียงสำนักก็ทำให้เขาเป็นคนขี้ขลาดด้วยไม่ใช่รึไง?”

 

โจวจิ้งหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ดี เจ้าเป็นคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่เสนออะไรเจ้าทั้งนั้น เจ้าต้องตาย!”

 

“ชายคนนั้นพูดถูก เจ้ามันตาขาวเสียจริง”

 

เมื่อทั้งสองกำลังจะปะทะ เสียงอันไพเราะก็ดังมาจากกลุ่มคน

 

เหล่าผู้คนตัวแข็งทื่อ พวกเขาหลีกทางให้กับผู้พูด จากนั้นก็ได้เจอกับเด็กสาวที่สวมชุดสีชมพูและหมวกไผ่ นางท่าทางหยิ่งยโส

 

นี่เป็นเด็กสาวคนเดียวกับที่ซือหยูระวังตัว! ขณะที่ผู้คนเป็นกังวล เด็กสาวมิได้หวาดกลัว นางยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาสดใสใต้หมวกไผ่มองโจวจิ้งด้วยรอยยิ้มขยะแขยง

 

โจวจิ้งนิ่งงันไป เขาเหลือบมองนาง

 

“เจ้าเป็นใคร? ไสหัวไปซะ!”