ตอนที่ 1556

Monster Paradise

หลังพิจารณาว่าถูทงกับหลานหลิงอาจไม่สามารถทนบททดสอบของเมืองภูตผีได้ เวอชุโอโซจึงไม่ติดต่อทั้งคู่ และบอกพวกเขาให้ตามมา เขากลับนำหลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนผ่านประตูไปทันที

 

หลินฮวงคิดว่าพวกเขาจะไปถึงเมืองภูตผีทันทีที่ก้าวผ่านประตู แต่ทว่า สิ่งที่เข้าสายตาพวกเขากลับเป็นพื้นที่ขาวโพลน

 

ท่ามกลางวคามสงสัยของหลินฮวง เวอชุโอโซพูดขึ้น

 

“ทุกคนต้องออกแบบตัวละครตัวเองก่อนเข้าเมืองภูตผี เจ้าสามารถจินตนาการว่าตัวเองเป็นเผ่าใดก็ได้ เมื่อเจ้าเข้าเมือง รูปลักษณ์เจ้าจะเป็นอะไรก็ตามที่เจ้าจินตนาการ”

 

“นอกจากเผ่าและหน้าตา เจ้ายังต้องกำหนดบุคลิก งานอดิเรก…นอกจากนี้ ทักษะ ความสามารถเทวะ กฏ พลังลำดับและข้อมูลอื่นๆของเจ้าด้วย”
“เมื่อเสร็จ เราจะเข้าเมืองกัน เราต้องเล่นตัวละครตามบุคลิกที่เราสร้าง ถ้าเราเล่นออกนอกกรอบ เราจะโดนเตะออกเมืองทันที”

 

“เหมือนRPG?”หลินฮวงคิดกับตัวเอง มันฟังดูคล้ายกับเกมสวมบทบาทที่เขาเคยเล่นในอดีต

 

แต่ทว่า ในสถานที่นี้ บุคคลจะเล่นได้บทบาทเดียว ไม่ใช่ตัวละครเกมบนคอมพิวเตอร์หรือมือถือ

 

“ข้าสสามารถนำทักษะ ความสามารถเทวะ และอื่นๆทั้งหมดของข้าเข้าเมืองได้ไหม?”หลินฮวงหยิบยกประเด็นที่เขาสงสัยสุดออกมา

 

“ในทางทฤษฏี มันต้องเข้ากับตัวละครเจ้า”เวอชุโอโซยิ้มขณะส่ายหัว”เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าตัวละครเจ้าเป็นมอนสเตอร์งู มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่เจ้าจะกำหนดตัวเองเป็นผู้บ่มเพาะดาบหรือกระบี่”

 

“แต่ทว่า มีช่องโหว่อยู่”เวอชุโอโซพูดต่อ”ตัวอย่างเช่น ตัวละครข้าคือสัตว์ประหลาดสวมหน้ากาก สำหรับทักษะและความสามารถเทวะของข้า ข้าครอบครองเทคนิคพิศดารและน่าเหลือเชื่อ ภูมิหลังตัวละครข้ามีความลึกลับ แม้จะไม่มีการตั้งค่าเป็นรูปธรรมถึงทักษะกับความสามารถเทวะข้า แต่ทว่า ข้าได้รวมความสามารถตัวเองไว้ด้วย ด้วยแผ่นตัวละครแบบนี้ ความสามารถส่วนใหญ่ของข้าจะใช้ได้ตอนเราเข้าเมืองภูตผี”

 

“หรือเจ้าจะทำตามที่ข้าพูดก็ได้”นอกจากพวกเขา จิ่วเจี้ยนก็พูดขึ้น”ข้าได้กำหนดตัวเองเป็นจ้าวแห่งศาสตราวุธ โดยที่ข้าใช้อาวุธได้ทุกชนิด ตัวละครของข้าจึงรวมถึงทักษะทั้งหมดของข้าในฐานะผู้บ่มเพาะกระบี่ ข้ายังสามารถใช้เทคนิคผู้บ่มเพาะที่ไม่ใช่สายกระบี่ได้อีกด้วย”

 

สิ่งที่ทั้งคู่พูดได้มอบแรงบันดาลใจให้หลินฮวง ไม่ช้าเขาก็เริ่มออกแบบตัวละครเขา

 

“ตัวละคร : ลึกลับ”
“เผ่า : น่าจะเป็นโปรตอส โปรตอสแปดเปื้อน หรือมนุษย์

“บุคลิก : สวมชุดคลุมดำและหน้ากากดำ

ระดับพลัง : ไม่รู้

 

ทิศทางบ่มเพาะ : ไม่รู้

 

เขตแดนเทพ : ไม่รู้

 

ทักษะ : ไม่รู้

 

ความสามารถเทวะ : ไม่รู้

 

กฏ : ไม่รู้

 

พลังลำดับเทพ : ไม่รู้

 

….

เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนสังเกตว่าหลินฮวงมีชุดคลุมดำทับตัว ร่างกายของเขายังดูสง่างามกว่าเดิมและกลิ่นอายของเขาก็เต็มไปด้วยความลึกลับ เมื่อตระหนักว่าตอนนี้เขาเข้าใจการออกแบบตัวละครแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไรอีกและเริ่มตั้งค่าตัวละครตนเอง

 

อึดใจต่อมา จิ่วเจี้ยนก็เปลี่ยนเป็นพระพุทธเจ้าหลายแขน ผมยาวของเขาที่แต่เดิมมัดรวบไม่มีอีก เขาหัวล้าน หัวของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการโกนหัว ชุดคลุมเขียวของเขาเปลี่ยนเป็นจีวรสีเทาของพระ

 

รูปร่างหน้าตาเขายังเหมือนเดิม 60-70% แต่เสน่ห์ของเขานั้นคนละโลก ใบหน้าของเขามีความเศร้าจางๆราวกับเขาผ่านความผันผวนทั้งหมดของชีวิตมาแล้ว

 

ข้างๆพวกเขา เวอชุโอโซดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูหรูหราขึ้นและหน้ากากก็เป้นสีทอง เขาถือไม้เท้าสีดำ ให้ความรู้สึกของนายน้อยร่ำรวย แต่ทว่า กลิ่นอายของเขาไม่เย็นชาและห่างเหินเหมือนเดิม มันกลับดูน่าเข้าหาและอบอุ่น

 

“เจ้า..ไม่กลัวว่าจะโดนจำได้งั้นเหรอ?”หลินฮวงอดถามได้ ตอนนี้เสียงเขาทุ้มและแหบขึ้นมาก

 

เหตุผลที่เขาถามเพราะอัจฉริยะชื่อดังในแดนเทพจะอยู่ในรายกราล่าของแต่ละเผ่า เวอชุโอโซคือยอดฝีมือที่ติดอันดับในหมู่เทพแท้จริงชั้นนำ เป็นเป้าหมายของหลายเผ่านอกแดนเทพ แน่นอน เขาอยู่ในรายชื่อล่าของหุบเหวด้วย

 

“ไม่ต้องห่วง ในเมืองภูตผี มีตัวตนทุกรูปแบบ มีคนไม่มากที่จะสังเกตเรา ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้มี พวกเขาก็จะเชื่อมโยงกับข้าไม่ได้”เวอชุโอโซสงบ เขาไม่กังวลเลย

 

ทันทีที่พวกเขาพูดจบ เวอชุโอโซก็หันไปมองจิ่วเจี้ยนด้านข้างเขา”เกิดอะไรขึ้น?เจ้าคิดว่าเจ้ามีผมมากไปหรือมีแขนน้อยไป?”

“ข้าอยากดูว่ามันรู้สึกยังไงตอนกวัดแกว่งกระบี่หลายเล่มในมือ แต่ข้าคิดว่าการเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์หุบเหวหลายแขนจะน่าเกลียดไป”จิ่วเจี้ยนอธิบาย”ข้าจึงคิดถึนพระพุทธเจ้าพันมือ”

 

“หัวล้านนี้ไม่น่าเกลียดเหรอ?!”เวอชุโอโซหยอกล้อ

 

“เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะใช้กระบี่ข้าชำแหละเจ้า?”จิ่วเจี้ยนจ้องเวอชุโอโซ

 

เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะสู้กันเพราะความไม่เห็นพ้อง หลินฮวงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้าวไปคั่นระหว่างทั้งคู่

 

“เรามีเรื่องเร่งด่วนในมือ มาออกแบบตัวละครให้เสร็จและเข้าเมืองกันเถอะ!’

 

ตอนนี้เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนถึงสังเกตว่าไม่เพียงหลินฮวงจะปกคลุมด้วยชุดคลุมดำ แต่กลิ่นอายของเขายังลึกลับจนยากหยั่งถึง

 

เวอชุโอโซมองความมืดภายใต้ฮู้ดและตรวจสอบมันโดยใช้จิตเทวะ แต่พบว่ามันโดนป้องกัน”เจ้ากำลังสวมหน้ากากเหมือนกัน?”

แม้เขาจะไม่เห็นหน้ากาก เวอชุโอโซก็เดาได้

 

“ใช่”หลินฮวงตอบกลับ

 

เขาได้ผสานพันหน้าเข้ากับตัวละครนี้ เสริมความลึกลับของตัวละครเขา

 

“เจ้าออกแบบตัวละครและทักษะเจ้าเสร็จแล้ว?”เวอชุโอโซไม่ยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงของหลินฮวงและถามเรื่องอื่นแทน

 

หลินฮวงพยักหน้า”จากนี้ไป ข้าชื่อเฮอร์มิท”

 

“งั้นข้าจะเป็นพันมือ”จิ่วเจี้ยนประกาศชื่อใหม่

 

“ขอข้าคิดก่อน”เวอชุโอโซกลับยังไม่ให้ชื่อทันที เขากลับคิดสักพักพลางลูบคาง”งั้นเรียกข้าว่าหน้ากาก”

 

“หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าเสี่ยวเมี่ยนเมี่ยนก็ได้”เวอชุโอโซพูดกับจิ่วเจี้ยนและหลินฮวงด้วยรอยยิ้มหลังคิดชื่อได้(เมี่ยนจูแปลว่า’หน้ากาก)

 

หลินฮวงกับจิ่วเจี้ยนหมุนตัวและเดินไป ไม่คิดสนใจเวอชุโอโซ

 

“เจ้าไม่ชอบงั้นเหรอ?ถ้าไม่ชอบ งั้นก็เรียกข้าเสี่ยวจูจูแทน”

 

“ไปกันเถอะ หมึกน้อย”หลินฮวงเมินชื่อน่าสะอิดสะเอียนทั้งสองและมอบชื่อเล่นให้แทน

 

“ข้าชอบนะ”จิ่วเจี้ยนยกนิ้วโป้งให้หลินฮวง

 

“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะทรยศข้า เจ้าปีศาจหัวล้าน เรารู้จักกันมานานมาก แต่ตอนนี้เจ้ากลับไปสุมหัวกับเด็กนี่จนตั้งชื่อเล่นให้ข้างั้นเรอะ?!”

 

“มีสามสิ่งที่ข้าอยากแก้ไข”จิ่วเจี้ยนพูด”อย่างแรก ข้าโกนหัว ไม่ได้หัวล้าน การโกนหัวกับหัวล้านนั้นคนละเรื่อง สอง ร่างหลักข้ารู้จักร่างหลักเจ้ามาหลายปี แต่นี่เป็นแค่ครั้งสองที่เราทั้งคู่พบกัน เราไม่ได้สนิทกันมาก สาม มันไม่ใช่ว่าข้าเป็นคนตั้งชื่อ ข้าแค่เห็นด้วย”