บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 288 ของขวัญแต่งงาน
ตอนที่ 288
ของขวัญแต่งงาน
“หา เจ้าจะบอกว่าเด็กนี่พูดอะไรก็จริงงั้นหรือ คนของข้าบอกว่า แค่เข้าไปคุยด้วยเท่านั้น ไม่ใช่เด็กของเจ้าเข้าใจผิดกันไปเองหรอกหรือ”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับว่าพลางหัวเราะออกมา อีกฝ่ายเป็นแค่คนระดับเทียนเซียนขั้นต้นมันทําอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“ข้าไม่ได้ถามไป๋จูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาเจ้าสํานักช้าๆ ตัวมันเห็นกับตาไม่จําเป็นต้องถามใครว่าเกิดอะไรขึ้นหรอก
“คิดจะทําอะไรของเจ้า มาปล่อยพลังวิญญาณในสํานักของคนอื่นหา”เจ้าสํานักขมวดคิ้วพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนเองบ้าง วันนี้ในสํานักมีทั้งรองเจ้าสํานักและอาวุโสร่วม 7 คน แต่ละคนระดับไม่ต่ํากว่าเทียนเซียนขั้นที่ 5 เจ้าหนุ่มนี่กล้าดีมาจากไหนคิดแข็งข้อกับมันในสํานักของมันเอง
“ข้ามาที่นี่เพื่อลงโทษคนที่คิดจะทําร้านเด็กๆของข้า”ไป๋จูเหวินว่าพลางเลื่อนฝามือขึ้นมา
เปรี้ยง! ยังไม่ทันได้โจมตี อยู่ๆคลื่นพลังจากฝ่ามือของเจ้าสํานักฝามือเร้นลับก็เข้ากระแทกร่างของไป๋จูเหวินเสียก่อน เพียงแต่มันไม่ได้รุนแรงอะไรนักทําให้ไป๋จูเหวินชะงักไปเล็กน้อยเท่านั้น
“เจ้าหาเรื่องผิดสํานักแล้ว รู้ไว้ซะด้วยฝ่ามือเร้นลับของเราเป็นรองแต่เพียงฝ่ามือประทับสวรรค์เท่านั้น” พูดจบเจ้าสํานักก็ส่งฝ่ามือของมันออกมาโจมตีไป๋จูเหวินทันที
เปรี้ยง! ฝามือของมันกระแทกเข้ากับแขนของไป๋จูเหวินที่ถูกยกขี้นมาป้องกัน ฝ่ามือของมันหากมองด้วยสายตาคนปกติก็คงเหมือนฝ่ามือล่องหนที่พุ่งเข้ามาโจมตีจากระยะไกล ดูแล้วคล้ายการใช้ปราณกระบี่มาก แต่หากให้พูดชัดๆก็คือมันเหมือนฝ่ามือบังคับหกปักษาของไป๋จูเหวินไม่มีผิด
เปรี้ยง!! ฝ่ามือของเจ้าสํานักกระแทกใส่แขนของไป๋จูเหวินอีกครั้ง ทําเอาเจ้าสํานักอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ ฝ่ามือของมันนั้นก็เหมือนชื่อสํานัก เป็นวิชาฝ่ามือเร้นลับที่ไม่เห็นแนวทางการโจมตี แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับรับฝ่ามือมันได้ถึง 3 ครั้งแล้ว
เปรี้ยง!! ฝ่ามือที่ 4 ถูกซัดออกมาด้วยความเร็วที่มากขึ้น แน่นอนว่าไป๋จูเหวินสามารถรับเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่พอมาถึงตอนนี้ไป๋จูเหวินก็ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ฝ่ามือนี้ไม่เหมือนวิชาบังคับหกปักษาเสียทีเดียว นอกจากจะบังคับทิศทางไม่ได้แล้วยังโจมตีใส่เป็นเส้นตรงอีกต่างหาก ต่อให้มองไม่เห็นคลื่นพลังก็ยังเดาทิศทางจากฝ่ามือผู้ใช้ได้ และที่สําคัญที่สุดมันปล่อยออกมาได้ที่ละคลื่นเท่านั้น
เปรี้ยง! คราวนี้ไม่ใช่ฝ่ามือของเจ้าสํานักแต่กลับเป็นฝ่ามือของไป๋จูเหวินแทนที่พุ่งเข้าโจมตีเจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับ ทําเอาตัวมันตาเหลือกด้วยความตกใจทันที
“อะไรกัน นี่มันวิชาของสํานักเรา”เจ้าสํานักว่าพลางมองฝ่ามือบังคับหกปักษาของไป๋จูเหวินด้วยท่าที่ตกใจ เพราะมันมองไม่เห็นคลื่นพลังทําให้เข้าใจว่าไป๋จูเหวินโจมตีมันด้วยวิชาเดียวกันเสียอย่างนั้น
“ไอ้หนู เจ้าชักจะเหิมเกริมไปแล้ว”รองเจ้าสํานักที่เห็นเจ้าสํานักของตนเองโดนโจมตีก็พาเหล่าอาวุโสออกมาทันที ต่อให้เป็นเด็ก แต่ก็ไม่ควรมาทําตัวก้าวร้าวในสํานักคนอื่นแบบนี้ อย่าหาว่าพวกมันรังแกคนรุ่นใหม่เลย
“เจ้ากล้ามาโจมตีพวกเราในสํานักพวกเราเชียว” อาวุโสคนหนึ่งว่าพลางปล่อยฝ่ามือเร้นลับออกมาใส่ไป๋จูเหวิน แต่คราวนี้ไป๋จูเหวินไม่จําเป็นต้องรับเสียด้วยซ้ําเพราะระดับพลังของอีกฝ่ายไม่มากพอที่จะทําร้ายร่างของไป๋จูเหวินได้เสียด้วยซ้ํา
เปรี้ยงๆๆๆๆ!! ไป๋จูเหวินปล่อยฝ่ามือบังคับหกปักษาออกไปกระแทกร่างของอาวุโส 6 คนจนลอยไปข้างหลัง ทําเอาทั้งเจ้าสํานักทั้งรองเจ้าสํานักงุนงงกันถ้วนหน้า วิชาของพวกมันปล่อยฝ่ามือได้ สายหนึ่งก็เต็มกลืนแล้ว มันเป็นใครกันถึงปล่อยออกมาได้ที่เดียว 6 สาย แถมยังปล่อยออกมาในทิศทางต่างกันอีกต่างหาก
“เจ้าเป็นใครกันแน่”เจ้าสํานักถามพลางมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสงสัย แม้พวกอาวุโสทั้ง 6 จะไม่ได้บาดเจ็บมาก แต่ก็เสียหน้าไม่น้อยที่โดนฝ่ามือของคนอื่นโจมตีจากระยะไกลแบบนี้
“ข้าคือหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร ส่วนเด็กที่พวกเจ้าจะลักพาตัวคือบุตรสาวของข้า”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูรออกไป
“โกหก หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเป็นชนชั้นยอดฝีมือ จะอยู่ระดับ 3 อย่างเจ้าได้ยังไง”เจ้าสํานักว่าพลางชี้มาทางไป๋จูเหวิน
“แล้วใครบอกกันว่ายอดฝีมือต้องอยู่ระดับ 10 ล่ะ”ไป๋จูเหวินพูดจบก็กดฝ่ามือตนเองลงพื้น พริบตานั้นทั่วทั้งบริเวณก็รู้สึกถึงแร งกดดันมหาศาลทันที ทําเอาคนในสํานักฝ่ามือเร้นลับที่ยืนอยู่ลานหน้าสํานักทั้งหมดยืนไม่อยู่ต้องลงไปนั่งกับพื้นทันที
“นี่มันอะไร” เจ้าสํานักพูดพลางใช้ฝ่ามือตนเองยันพื้นเอาไว้จนเหมือนท่าก้มคารวะไม่มีผิด ด้วยผลของวิชาผงาดกลางหิมะของน้าจิ้งจอกทําให้คนรอบๆโดนพลังของไป๋จูเหวินกดเอาไว้จนยืนไม่ขึ้น ท่าทางคงแปลกใจกันน่าดู
“ว๊ากกก” อยู่ๆแรงกดมหาศาลก็คลายลง เพียงแต่พวกมันไม่ได้โชคดีเสียเท่าไหร่เพราะทันทีที่แรงกดหายไปพวกมันก็สัมผัสได้ ถึงพลังสายหนึ่งที่ผลักพวกไปทางซ้าย ก่อนจะผลักพวกมันมากองรวมกันทางขวาอย่างกับกําลังเล่นสนุก
“แก”เจ้าสํานักที่ยังยืนได้ไม่ดีพอพูดได้เท่านั้นก็โดนฝ่ามือหมอกควันกบดานของไป๋จูเหวินผลักไปทางซ้ายอีกรอบ บ้างก็ดึงเข้า บ้างก็ผลักออก ทําเอาพวกมันหัวโคลงเคลงไปหมดอย่างกับคนเมาเรือ
“ไอ้เจ้าบ้า หยุดเล่น วากกก”อาวุโสคนหนึ่งพูดยังไม่ทันจบก็โดนผลักไปกองรวมกันที่ประตูสํานัก ก่อนจะโดนผลักไปกองที่กําแพงอีกด้านต่อ
“คิกๆ” พอเห็นพวกมันโดนเหวี่ยงไปมาพวกไปหลินก็หัวเราะออกมาทันที วิชานี้พวกนางเคยให้ไป๋จูเหวินใช้ใส่พวกนางบ่อย เพราะหากควบคุมพลังดีๆพวกนางก็จะโดนพัดไปมาโดยไม่บาดเจ็บอะไรเลย มันให้ความรู้สึกเหมือนเล่นอยู่ในเปลขนาดใหญ่เลย
“ท่านพ่อ เอาสูงๆเหมือนที่เล่นกับข้าส”ไปหลินว่าพลางยิ้มออกมา
“ได้สิ”ไป๋จูเหวินยิ้มรับพลางผลักพวกมันขึ้นไปบนอากาศ แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะไป๋จูเหวินไม่ได้จงใจผลักให้พวกมันกระแทกกับอะไร แต่โดนจับเหวี่ยงไปมาเช่นนี้ก็ทําเอาพวกมันหัวหมุนในทันที
ตุบๆๆๆๆ ร่างของคนในสํานักฝามือเร้นลับร่วงลงมากองบนพื้นกันถ้วนหน้า ไม่มีใครเลยที่สามารถยืนขึ้นมาได้แบบไม่เซ
“แก” อาวุโสทั้ง 6 รวมทั้งรองเจ้าสํานักและเจ้าสํานักกระโจนเข้ามาหาไป๋จูเหวินพลางซักฝามือใส่ร่างของไป๋จูเหวินในทันที
เปรี้ยงๆๆๆๆๆ ฝ่ามือทั้ง 8 แทบจะกระแทกไป๋จูเหวินพร้อมกัน แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือคนธรรมดาของไป๋จูเหวิน ฝ่ามือของพวกมันก็ไม่ต่างจากเอาไม้นวมมาทุบเสียเท่าไหร่
“อะไร”เจ้าสํานักเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันโดนฝ่ามือไปทีเดียว 8 ฝ่ามือแต่ยังไม่มีท่าที่บาดเจ็บเลย แถมยังยืนนิ่งอย่างกับพระอิฐพระปูนอีกต่างหาก
“โชคดีของพวกเจ้าที่พิธีแต่งงานกําลังจะถูกจัดขึ้น ข้าเลยไม่ อยากให้มีใครตายในช่วงนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยฝ่ามือเพลิง ผลาญคล้อยสํานักออกไป
“อากกกก” พริบตานั้นทั้งคนทั้งอาคารของสํานักฝ่ามือเร้นลับ กลับโดนพัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี พลังของไป๋จูเหวินยามนี้ทําให้ ฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึกรุนแรงจนน่าหวาดผวา ต่อให้ไป๋จูเหวินยังไม่ได้ใช้ลมปราณมังกรร่วมกับวิชาอสูรวัฒนะก็ตาม
“ปลิวไปเลย ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านจะสอนฝ่ามือนี้ให้ข้าล่ะ”ไปห ดินถามพลางมองพวกสํานักฝ่ามือเร้นลับที่ลอยขึ้นไปบนอากาศพ ร้อมเศษซากสํานักด้วยท่าที่ตื่นเต้น
“เอาไว้เจ้าโตกว่านี้ก่อนนะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มบางๆ มันยังไม่ ได้สอนชุดฝ่ามือของน้าราชสีห์ให้ไปหลินเพราะกลัวนางจะ เผลอใช้ออกมาโดยไม่คิด แม้พลังวิญญาณของนางจะยังไม่สูงมาก แต่วิชาของน้าราชสีห์ก็อันตรายเกินไปหากอยู่ในมือเด็กจริงๆ
“อัก…”ร่างของคนในสํานักฝามือเร้นลับร่วงลงมากองอยู่บนพื้นกันถ้วนหน้า ถือว่าไป๋จูเหวินออมมือไว้ให้มากแล้วพวกมันถึงยังไม่ตายเลยสักคน
ตุบ! นอกจากคนของสํานักฝ่ามือเร้นลับแล้ว คนที่ร่อนลงมาบนพื้นยังมีเหม่ยหลินกับเทียนเหวินที่พึ่งทราบข่าวอีกต่างหาก
“ไปหลิน เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” เหม่ยหลินว่าพลางเข้ามาหาไปหลินเป็นคนแรก นางเห็นฝ่ามือเพลิงผลาญคล้อยสํานึกก็มุ่งหน้ามาทางนี้ทันที
“ไม่เป็นไรค่ะท่านแม่ ท่านพ่อจัดการพวกที่จะลักพาตัวพวกหนูไปแล้ว”ไปหลินว่าพลางชี้มาทางเจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับ
“ลักพาตัว…”เหม่ยหลินได้ยินเท่านั้นก็เรียกกระบี่ของนางออกมา แต่นางก็โดนไป๋จูเหวินห้ามเอาไว้เพราะมันสั่งสอนไปเรียบร้อยแล้ว
“หนอย พวกเจ้า คิดว่ามีพลังแล้วจะมาทําอะไรสานักอื่นได้หรือไง”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับว่าพลางพยายามลุกขึ้นยืน
“ข้าจะแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าเมืองทราบ ว่าแขกที่สํานักเทพจุติ พามาเข้ามาหาเรื่องพวกเรา”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับว่าพลางยิ้มออกมา แม้จะสู้ไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ทําให้สํานักเทพจุติเสื่อมเสียก็ยังดี แถมมันยังเป็นสหายเก่าของเจ้าเมืองอีกต่างหาก
“เช่นนั้นทําไมไม่รายงานข้าโดยตรงเลยเล่า”อู๋เทียนเหวินว่าพลางกอดอกนิ่ง
“แล้วเจ้าเป็นใคร มีอํานาจอะไรมาให้ข้ารายงาน” เจ้าสํานักว่าพลางชี้มาทางอู๋เทียนเหวิน
“เจ้านี้ไม่รู้จักเจ้าแน่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองไปทางอู๋เทียนเหวิน
“โถ่ ก็อาณาจักรมันกว้างขึ้นตั้งเยอะ” เทียนเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา
ฉึบ อู๋เทียนเหวินเรียกเอาป้ายอายาสิทธิ์ขึ้นมา เพิ่งเท่านั้นก็น่าจะทําให้เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับเข้าใจได้เสียที
“คารวะท่านอดีตเจ้าสํานัก”ในวันพิธี อยู่ๆคนของสํานักฝ่ามือเร้นลับก็เดินทางขึ้นเขามาที่สํานักเทพจุติด้วยสภาพเหมือนคนพึ่งออกจากโรงหมอ แต่ถึงจะเจ็บเจียนตายพวกมันก็ต้องมาให้ได้
“นะ นี่เป็นของขวัญแสดงความยินดีขอรับ”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับว่าพลางให้ศิษย์ตนเองเอาของมีค่าต่างๆในสํานักมาส่งให้เป็นจํานวนมาก
“แล้วก็วันนี้ข้าพาบุตรชายของข้ามาแสดงความยินดีกับบุตรสาวท่านด้วยขอรับ”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับว่าพลางพาบุตรชายที่มีสภาพไม่ต่างกันกับคนอื่นๆออกมา
“ไม่เลวนี้เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับ”เทียนเหวินว่าพลางเดินเข้ามาดูสมบัติที่เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับนํามา
“ขอรับท่านผู้สําเร็จราชการแทน ข้าน้อยเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงานในวันนี้”เจ้าสํานักฝ่ามือเร้นลับยิ้มเจื่อนๆพลางก้มหัวปลกๆด้วยท่าที่หวาดๆ
“เอาเถอะ ถือว่าเป็นงานมงคล ท่านเองก็อยู่ร่วมงานด้วยก็แล้วกัน” เทียนเหวินยิ้มพลางเดินกลับเข้างานไปด้วยท่าที่สบายใจ