ตอนที่ 1907

 

ในตอนนี้ ข่าวการต่อสู้ของอู่ตีและวิหารแห่งความมืด เผ่าพันธุ์เทวดา ตระกูลปีศาจสายฟ้า พระพุทธศาสนาและกลุ่มอิทธิพลอื่นๆก็ได้กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่ของแผนผังโชคชะตาราศีทําให้ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนรับรู้ถึงเรื่องนี้

 

ทุกๆคนต่างก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์เกิดขึ้น ทว่าผลลัพธ์ที่ถูกเผยแพร่ออกมากลับทําให้แต่ละคนตกอยู่ในความโกลาหล มีสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้

 

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? เจ้าอู่ที่นั่นเหนือธรรมชาติถึงขั้นนี้เลยรี กลุ่มอิทธิพลจํานวนมากที่เข้าไปปิดล้อมเพื่อรุมอัดเขา แม้แต่ลูกศิษย์ของวิหารแห่งความมืดก็นําสิ่งประดิษฐ์เซนต์ขั้นกลางออกมา ทว่าทั้งหมดนี้กลับสังหารเขาไม่ได้รี?”

 

ผู้คนจํานวนมากตกตะลึง

 

ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเจ้าเด็กยโสโอหังนั่นจะต้องตาย มีเพียงตัวลําพังแต่ต้องการที่จะประกาศศักดาดั่งวีรบุรุษของสงคราม นี่เป็นพฤติกรรมที่รนหาที่ตายอย่างเห็นได้ชัด เพียงพอที่จะถูกสั่งหารภายในชั่วพริบตา

 

ทว่าตอนนี้เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่แค่ไม่ตายเท่านั้น ทว่ายังคงมีชีวิตชีวาดี ปลอดภัยและเป็นอิสระ หนําซ้ํายังเป็นบรรดากลุ่มอิทธิพลที่ต้องการจัดการกับเจ้าอู่ที่ที่เผชิญกับความโชคร้ายไปแปดชาติได้รับความสูญเสียที่ร้ายแรง

 

“นี่คือแผนการของเขา ทุกๆคนต่างก็หลงกลแผนการของเจ้าบัดซบอู่ที่นั่น มันเป็นกับดักตั้งแต่แรก ไม่รู้ว่าสังหารผู้คนไปมากแค่ไหน แม่เจ้า หลังจากนี้ถ้าหากข้ายังหลงเชื่อเขาอีกล่ะก็ ข้าจะกินอุจจาระทันที!”

 

บางคนที่สบถต่อว่าออกมา โมโหเจ้าอู่ที่อย่างมาก เขาคือหนึ่งในผู้ประสบภัย

 

ทว่ากลุ่มของผู้คนก็สงสัยและสอบถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ได้ล่วงรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบจากปากของผู้รอดชีวิตเหล่านี้

 

“ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ข้าก็รู้มานานแล้วว่าเจ้านั่นไม่ใช่คนดี ไม่คาดคิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นแผนการและกลอุบายที่ชั่วร้ายของเขา”

 

“ข้าก็กล่าวไว้แล้วว่าเจ้าเด็กนั่นไม่มีทางเปิดเผยตําแหน่งของตนเองโดยที่ไร้จุดประสงค์ จะต้องมีเงื่อนงําบางอย่างซ่อนอยู่”

 

“อันที่จริงข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีความเข้าใจในด้านค่ายกลจนถึงระดับนั้น ยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าจํานวนมากที่อยู่ที่นั่นก็ยังตรวจจับไม่ได้ ช่างเป็นบุคคลที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง”

 

“เผ่าพันธุ์เทวดา นิกายบัญชาสวรรค์ นิกายหมื่นพิษ วิหารแห่งความมืดและกลุ่มอิทธิพ ลอื่นๆต่างก็พลาดท่าให้กับเขา สูญเสียไปอย่างหนักหนาสาหัส ไม่รู้ว่ามีผู้บาดเจ็บล้มตายมากแค่ไหน”

 

“ผู้ที่น่าสิ้นหวังที่สุดก็คงจะเป็นเหลยเปาผู้นําตระกูลปีศาจสายฟ้า เสียท่าให้กับเจ้าอู่ที่ ถูกกลุ่มของเดม่อนสังหารไป แม้แต่ยอดฝีมือจํานวนมากของตระกูลปีศาจสายฟ้าก็ถูกฆ่าล้างไปจนหมด ถูกฉีกกลายเป็นชิ้นๆโดยเดม่อนเหล่านั้น”

 

“การที่สังหารปีศาจสายฟ้าไปมากมายเพียงนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ตระกูลปีศาจสายฟ้าจะระบุให้เจ้าอู่ที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของทางตระกูลอย่างแน่นอน มีความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด”

 

“ต่อให้มีความอาฆาตแค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุดแล้วอย่างไรกัน? เจ้าอู่ที่นั่นจะต้องสนใจด้วยรึ? ถึงอย่างไรเขาก็ท้าทายศัตรูเป็นจํานวนมากอยู่แล้ว การที่จะมีศัตรูกลุ่มเล็กๆเพิ่มขึ้นมาก็ไม่ใช่เรื่องที่จะ ต้องคํานึงถึง”

 

ผู้คนก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ตกอกตกใจกับเรื่องนี้อย่างแท้จริง ไม่คาดคิดว่าเจ้าอู่ที่จะเจ้าเล่ห์จนถึงขั้นนี้ หลอกลวงผู้อื่นตั้งแต่ต้นจนจบ หลอกใช้ผู้อื่นเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง

 

สิ่งที่น่าหดหูที่สุดก็คือพวกเขาก็รู้ถึงจุดๆนี้อยู่แล้ว ทว่าก็ยังโง่เขลาเดินเข้าไปตกหลุมพรางของฝ่ายตรงข้าม

 

ต่อให้พวกเขาจะย้อนเวลากลับไปได้ ต่อให้เจ้าอู่ที่จะบอกว่านี่เป็นกับดัก คาดการณ์ได้ว่าก็ยังคงมีผู้คนมากมายที่คิดจะไปอยู่ดี เพราะถึงอย่างไรความเกลียดชังที่พวกเขามีต่อเจ้าอู่ที่ก็ลึกไปจนถึงไขกระดูกดํา พวกเขาจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

 

นี่เป็นการล่อลวงอย่างเปิดเผย เป็นการเล่นสนุกกับจิตใจของพวกเขา

 

เพราะถึงอย่างไรใครกันที่จะคิดได้ว่าเจ้าอู่ที่จะทรงอํานาจถึงขั้นนั้นจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะติดตั้งค่ายกลรอกลุ่มของยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น ในตอนนี้พวกเขาก็คิดได้ว่าตนเองประเมินความสามารถของเจ้าอู่ที่ต่ําเกินไปจริงๆ

 

เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่แค่มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอํานาจ มีพลังเวทมนตร์ที่มหาศาล ทว่าก็ยังมีความเข้าใจในด้านค่ายกลที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่อาจหยั่งถึงได้ อยู่เหนือจินตนาการของทุกๆคน เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ครบเครื่อง

 

“ครั้งนี้เจ้าเด็กนั่นได้ครอบครองผลประโยชน์ไปทั้งหมด ไม่ใช่แค่ได้ครอบครองพื้น ดินอําพันในปริมาณมหาศาลไปเท่านั้นทว่าก็ยังได้ครอบครองต้นทารกน้อยไปถึงเก้าต้นเช่นกัน ไม่รู้ว่ามีผลทารกน้อยอยู่มากแค่ไหน หากนําทั้งหมดนี้ไปขายล่ะก็ มันจะเป็นมูลค่าที่น่าอัศจรรย์โดยแท้ เป็นตัวเลขที่ทั้งชีวิตนี้พวกเราก็ไม่มีวันหามาได้”

 

บางคนที่รู้สึกอิจฉาจนตาร้อน

ก็นันได้ล่ะก็ ความมั่งคั่งที่ได้ครอบครองมาจากเขาจะเป็นสิ่งที่ไม่สา

 

“หากข้าสัง มารถจินตนาการได้”

 

บางคนที่เผยสายตาที่ละโมบออกมา ออร่าจิตสังหารกําลังเดือดดาล มองอู่ที่เป็นแกะตัวอ้วน

 

“หากเจ้าอู่ที่เป็นบุคคลที่ฆ่าได้ง่ายเช่นนั้น เขาก็คงจะตายไปแล้ว ยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็คงจะเสียท่าเขาไปหรอก” บางคนที่อยู่ใกล้ๆก็แสยะออกมา คิดว่าฝ่ายตรงข้ามกําลังฝันกลางวันการสังหารเจ้าอู่ที่จะเป็นเรื่องที่เรียบง่ายได้อย่างไร?

 

“เหอะ เจ้าเด็กนั้นร้ายกาจจริงๆ มีความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอํานาจและแปลกประหลาดทว่าการที่คิดจะสังหารใครบางคนก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเผชิญหน้าตรงๆเสมอไปบางครั้งก็สามารถ วางยาพิษ บางครั้งก็สามารถใช้คําสาปและวิธีการอื่นๆอีกมาก”

 

บางคนที่แสยะออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย นี่สิ่งที่เรียกว่าคนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร การที่เจ้าอู่ที่นั่นได้ครอบครองผลประโยชน์ไปมากมายมันก็กระตุ้นความละโมบของพวกเขาเช่นกัน

 

ในความเป็นจริง หลังจากที่ได้รับข่าวนี้ ผู้ที่ต้องการจะสังหารเจ้าอู่ที่ก็มีจํานวนที่เพิ่มมากขึ้นใครจะไปรู้กันว่าเจ้าอู่ที่จะเก็บสมบัติไว้มากมายเพียงใด เมื่อใดที่สังหารฝ่ายตรงข้ามได้ทันใดนั้นจะสามารถร่ํารวยขึ้นมาภายในคืนเดียว

 

ทว่าความคิดและการกระทําย่อมเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่าพูดถึง เรื่องอื่นก่อนเลยเพียงแค่การตามหาตําแหน่งของเจ้าอู่ที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นเพียงใด

 

ในอีกฝั่งหนึ่ง ลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็กําลังรวมตัวกัน พวกเขาก็ได้รับข่าวนี้มาเช่นกัน

 

“เจ้าอู่ที่มีภูมิหลังเป็นอย่างไรกัน ไม่คิดเลยว่าจะทําให้กลุ่มคนเสียสติของวิหารแห่งความมีดเผชิญกับความสูญเสียได้ ปลดปล่อยพวกเดม่อนออกมา ทําให้ลูกศิษย์ของวิหารแห่งความมีดตายไปเป็นจํานวนหนึ่ง เผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรง อีกทั้งก็ยังไม่ได้ครอบครองผลประโยชน์ใดๆ”

 

ลูกศิษย์คนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเอ่ยออกมา

 

“เวรเอ๊ย ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่านอกจากศูนย์กลางของจักรวาล สถานที่อื่นๆเป็นเพียงแค่สถานที่ชนบทห่างไกลเท่านั้น มียอดฝีมือเพียงน้อยนิดที่จะต่อกรกับพวกเราได้ ไม่คาดคิดว่าเมื่อเข้ามาในสถานที่แห่งนี้จริงๆ จะได้พบเจอปีศาจมากมาย”

 

ชายที่สวมชุดขาวมีสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออก

 

“ใช่ ก่อนหน้านี้เฟิงซิงอรี่ จ่างหาวและเมิงเจิ้นขุนศิษย์นอกทั้งสามของพวกเราก็ ถูกลูกศิษย์ของนิกายฟ้าดินอัดไปอย่างปาเถื่อน ตอนนี้อาการบาดเจ็บก็ยังไม่หายดี ใบหน้าบวมพองราวกับหมู ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะดูถูกยอดฝีมือในสถานที่ห่างไกลและทุรกันดารเกินไป”

 

ชายชุดสีน้ําเงินอีกคนหนึ่งที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

 

“หุบปาก พวกเจ้าอย่าบันทอนขวัญและกําลังใจของพวกเราเช่นนี้ พวกเราคือลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น มีที่ไหนที่จะด้อยกว่าผู้อื่นได้”

 

ศิษย์พี่ผู้อาวุโสที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นก็ได้ตะโกนขึ้นมา

 

“นี่ นี่มัน”

 

กลุ่มของผู้คนก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ทว่าเมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้ปรากฏขึ้นมา มันก็ทําให้ความหยิ่งผยองของพวกเขาลดลงไปมาก ไม่ได้หยิ่งผยองและไม่ได้ดูถูกดูแคลนผู้อื่นเหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป

 

“เอาล่ะ อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระ ข้างหน้ามีราชวังอยู่ ตามรายงานที่ได้รับมา นั่นคือราชวังกลั่นกรองเม็ดยาที่เซนต์เทวลิขิตได้ทิ้งเอาไว้ บางทีข้างในอาจจะมีเม็ดยาแห่งโชคชะตาอยู่ก็เป็นได้หากได้ครอบครองมา พวกเราจะมีโอกาสพัฒนาเป็นเซนต์มากยิ่งขึ้น”

 

ศิษย์พี่ผู้อาวุโสที่สุดคนนั้นก็เอ่ยขึ้นมา

 

“รับทราบ ศิษย์พี่”

 

ผู้คนก็พยักหน้า เมื่อคิดได้ถึงเม็ดยาแห่งโชคชะตา พวกเขาแต่ละคนก็ตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดต่อให้เป็นลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น นี่ก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ําค่าประเมินค่า ไม่ได้

 

ณ ผืนอวกาศที่มืดมิด ผู้อาวุโสจํานวนมากของนิกายฟ้าดินรวมถึงผู้นํานิกายจูเซียนก็กําลังรวมตัวกันอยู่ พวกเขาก็ติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็มารวมตัวกันได้

 

“โชคชะตาชอบเล่นตลกอยู่ตลอดเวลา ไม่คาดคิดว่าเจ้าอู่ที่อาชญากรระดับจักรวาลนั่นจะปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่ โชคดีที่พวกเราไม่ได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นั้น ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากแค่ไหน”

 

ผู้อาวุโสบางคนที่รู้สึกว่าตนเองโชคดี

 

“ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของเจ้าอู่ที่ บุคคลที่ฉาวโฉ่เช่นนั้นไม่ใช่บุคคลที่พวกเราควรจะท้าทายมันจะไม่สร้างผลดีใดๆต่อพวกเรา จริงสิ ตอนนี้ศิษย์น้องเซี่ยอยู่ที่ใด? หรือว่าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นกับศิษย์น้องเซี่ย?”

 

ผู้นํานิกายจูเซียนกวักมือ

 

“ไม่ ก่อนหน้านี้ข้าได้ติดต่อไป เหมือนว่าศิษย์น้องเซี่ยจะค้นพบซากปรักหักพังบางแห่งดังนั้นจึงได้เก็บตัวบ่มเพาะอยู่ พยายามย่อยสลายโชคลาภที่ได้รับมา”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

 

“ดูเหมือนว่าศิษย์น้องเซี่ยจะค้นพบโชคลาภที่ยิ่งใหญ่ของตนเองแล้ว ในเมื่อเขาไม่มารวมตัวกับพวกเรา ก็ลืมมันไปเถอะ ทุกคนมีโชคชะตาเป็นของตนเอง พวกเราก็จะอยู่เฉยต่อไปไม่ได้เคลื่อนไหวกันเถอะ ก่อนหน้านี้ข้าค้นพบดินแดนแห่งหนึ่งที่เหมือนจะมีสมบัติซ่อนอยู่บางที่อาจจะมีโอกาสรอพวกเราอยู่”

 

ผู้นํานิกายจูเซียนก็กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม

 

“รับทราบท่านผู้นํานิกาย”

 

กลุ่มของผู้อาวุโสก็ตอบรับไปทันที