เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในกระโจมเทพสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนในขอบเขตภูติที่ไม่มีการจำกัดฐานพลัง เขาใช้พลังในขอบเขตภูติได้อย่างอิสระ!
แม้แต่ลู่จือยี่ที่เป็นจ้าวเทวะก็อาจจะรับมือกับเขาไม่ได้! การปรากฏตัวของชายคนนี้ทำให้ทุกคนหวาดระแวง!
“ไป่หยีเจี้ยน หัวหน้าผู้คุ้มกัน!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องด้วยความกลัว
“เขามีพลังขอบเขตภูติแล้ว!”
ความหวาดวิตกแพร่กระจายรวดเร็วราวกับโรคระบาด ตำนานหัวหน้าผู้คุมกันที่มีมาเนิ่นนานที่สุด ว่ากันว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้คุมกัน!
ตามตำนาน เขาเป็นผู้นำของผู้คุมกันร้อยคน เขาปกครองอาณาเขตของห้ายอดเขา พลังของเขามักจะเป็นที่พูดถึงเพราะไม่มีใครที่เคยเอาชนะเขาเพื่อไปหาสมบัติได้เลย!
แม้แต่ยอดฝีมือไร้พ่ายจากรุ่นก่อนอย่างชางก่วนชิงเอ๋อก็ต้องถอยหลังจากที่ไปถึงเส้นทางของป่ารูปปั้นศิลา ยังมีคนบอกว่านางแพ้ไป่หยีเจี้ยนในสามกระบวนท่า!
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าไป่หยีเจี้ยนได้ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตภูติ และตอนนี้เขาก็ปรากฏตัวออกมาโดยไม่ปิดบังพลังชีวิต พลังวิญญาณอันน่ากลัวของเขายืนยันว่าทุกอย่างเป็นความจริง!
เขาเป็นขอบเขตภูติแล้ว! เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกระโจมเทพสวรรค์!
“หึหึ ไม่เจอกันนานนะชางก่วนชิงเอ๋อ”
ชุดสีขาวของไป่หยีเจี้ยนพริ้วไหว เขายิ้มเบาๆและมองเพียงแต่นาง เขาไม่สนใจคนอื่นที่นี่
ในสายตาของคนในขอบเขตภูติอย่างเขา คนที่เป็นแค่กึ่งเทพไม่มีที่ยืนในแววตา มีเพียงชางก่วนชิงเอ๋อที่คู่ควรแค่การมองของเขา
“ผ่านมาแล้วสิบปี เจ้าพัฒนาขึ้นเยอะนับจากตอนนั้นมากทีเดียว”
ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม เขาพูดกับนางราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่
ห้วงเวลาในกระโจมเทพสวรรค์นั้นเร็วกว่าในจิวโจวสิบเท่า ดังนั้นไป่หยีเจี้ยนจึงใช้เวลาไปแล้วสิบปี ขณะที่จิวโจวเพิ่งจะผ่านไปปีเดียว
ชางก่วนชิงเอ๋อแววตาเยือกเย็น
“เจ้าก็เป็นภูติแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะเหมือนกันกับข้า”
“เจ้าก็เป็นภูติแล้วไม่ใช่รึไงกัน? ดูเหมือนจะมีคนที่แข็งแกร่งชี้แนะเจ้า เจ้าถึงไม่ได้รับผลจากตำหนักลับสวรรค์ อาจารย์ของเจ้าจะต้องเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งที่ไม่อ่อนแอไปกว่าเทียนจี่จื้อ…”
ไป่หยีเจี้ยนเผยฐานพลังของนางและเงาผู้สนับสนุนของนาง
ซือหยูตกใจ ชางก่วนชิงเอ๋อเป็นคนในขอบเขตภูติ ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกกดดันเมื่อพบนาง
แต่เขาตกใจยิ่งกว่าเพราะนางไม่ได้รับผลจากกระโจมเทพสวรรค์ ความสามารถในการกดพลังของนางนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป!
นี่เป็นปัญหากับเขา ซือหยูเอาชนะจางตี๋เก้อได้เพราะว่าฐานพลังของนางถูกกดเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีการจำกัดฐานพลัง เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะ ไม่ต้องพูดถึงการจับตัวนางเลย
ชางก่วนชิงเอ๋อไม่ได้สนใจคำพูดอีกฝ่ายมากนัก
“ข้ามีภารกิจต้องทำในครั้งนี้ ข้าจะไม่ไปยุ่งกับสมบัติที่เจ้าปกป้อง ถ้าเจ้าไม่คิดจะสู้กับข้าก็ถอยไปหมื่นลี้เดี๋ยวนี้ ข้าไม่ชอบถูกขัด”
นางตั้งใจจะพาซือหยูกลับจิวโจวและเต็มใจที่จะทิ้งสมบัติวัตถุดิบ ทั้งคู่อยู่ในขอบเขตภูติ ไป่หยีเจี้ยนไม่คิดจะสู้กับชางก่วนชิงเอ๋ออยู่แล้ว และยังมีผู้เฒ่าระดับผู้สร้างสรรพสิ่งหนุนหลังนางอีก นางอาจจะมีสมบัติที่ใช้ป้องกันดีๆอยู่ก็ได้
“ขออภัย ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก! ห้ามใครหนีไปไหนทั้งนั้น!”
ไป่หยีเจี้ยนปล่อยพลังออกมา สายตาของเขามุ่งมั่น
ชางก่วนชิงเอ๋อเยือกเย็นลง
“เจ้าคิดจะสังหารทุกคนที่นี่หลังจากที่เพิ่มพลังขึ้นมาน่ะรึ?”
ผู้คุ้มกันมักจะป่าเถื่อนกับคนที่เข้ามาที่ยอดเขาทั้งห้าเสมอ และตอนนี้ไป่หยีเจี้ยนก็เพิ่มพลังขึ้นมามาก มิอาจยืนยันได้ว่าเขาจะไม่ล้างสังหารผู้คนที่นี่
“ถ้าข้าอยากจะฆ่าคนที่นี่ ข้าก็คงทำไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว! ข้าจะรอจนถึงตอนนี้ทำไมเล่า?”
ไป่หยีเจี้ยนถอนหายใจแรง
เขาพูดไม่ผิด ในรุ่นก่อน ชางก่วนชิงเอ๋อได้พ่ายแพ้เขา มิใช่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะสังหารทุกคน
“แล้วเจ้าต้องการอะไรเล่า”
ชางก่วนชิงเอ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม เขามองรอบๆและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ข้าจะมาเชิญให้พวกเจ้าไปเปิดสมบัติวัตถุดิบร่วมกันกับข้า!”
ชางก่วนชิงเอ๋อเลิกคิ้วด้วยความสับสน ผู้คนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่งเสียงเอะอะ
“อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? สมบัติวัตถุดิบเป็นที่ที่พวกผู้คุ้มกันปกป้องเอาไว้ แม้พวกผู้คุมกันจะปกป้องสามับติ แต่ความจริงสมบัติทั้งหมดก็เป็นของพวกเขา พวกเขาคิดจะแบ่งให้กับเรารึ?”
ท่ามกลางความวุ่นวาย คนหนึ่งถามออกไป
“เจ้าพูดจริงงั้นรึ?”
ไป่หยีเจี้ยนตอบ
“พวกเจ้าคิดว่าข้ามีเหตุผลอะไรให้ต้องโกหกเล่า?”
ยอดฝีมือในขอบเขตภูติย่อมไม่มีเหตุจะโกหกพวกเขาอยู่แล้ว เหล่าผู้คนดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แต่พวกเขาก็เป็นคนระดับสูงในสำนัก พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าจะต้องมีเหตุผลที่ผู้คุ้มกันเดินหมากเช่นนี้
ไป่หยีเจี้ยนพูดต่อ
“แต่ก็มีเงื่อนไขสำหรับคนที่จะเข้าไปในดินแดนสมบัติ…”
ผู้คนค่อยๆเงียบ ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด
“นั่นคือคนที่จะไปต้องผ่านป่ารูปปั้นศิลาให้ได้! ข้าต้องการคนที่มีพลังมิใช่พวกไร้ประโยชน์ ด้วยเงื่อนไขนี้เท่านั้นจึงจะเปิดสมบัติส่วนสุดท้ายได้ ไม่ว่าเจ้าจะผ่านป่ารูปปั้นศิลาได้หรือไม่ก็เป็นการทดสอบของเจ้า…”
ไป่หยีเจี้ยนพูดอย่างสงบนิ่ง
หลายคนใจหาย พวกเขาคิดถึงวิธีการผ่านป่ารูปปั้นศิลา แต่ถ้าพวกเขามีวิธี พวกเขาก็ทำมันไปแล้ว
เงื่อนไขนั้นกำจัดคนส่วนมากไป คนเหล่านี้ไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจที่จะลอง
เจิ่งซื่อชิงมองดูป่ารูปปั้นศิลา
“เจ้าเล่นตลกกับพวกข้าเรอะ? ใครกันที่จะผ่านป่ารูปปั้นศิลาไปได้?”
เขาคิดว่าไป่หยีเจี้ยนกำลังเล่นตลกกับพวกเขา คนที่เหลือสีหน้าไม่พอใจ
“ถ้านั่นเป็นคำขอของศิษย์พี่ไป่ก็โปรดอภัยให้พวกข้า พวกข้าไม่มีเหตุผลให้ต้องไปเสี่ยงหรอก!”
หลายคนที่รวมตัวกันที่นี่ก็ไม่ได้เล็งสมบัติวัตถุดิบอยู่แล้ว มีเพียงศิษย์นอกระดับสูงอย่างชางก่วนชิงเอ๋อที่เหมาะสมจะเผชิญอันตรายในป่ารูปปั้นศิลา ดังนั้นแล้วคนอื่นๆจึงไม่คิดที่จะเสี่ยงชีวิต
พวกเขารวมตัวกันโดยคาดหวังกับงานแลกเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าวัน พวกเขาเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของกระโจมเทพสวรรค์แล้ว ใครกันจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปในป่ารูปปั้นศิลา?!
ไป่หยีเจี้ยนเลิกคิ้วเมื่อมองดูสีหน้าของคนส่วนใหญ่ เขาคิดก่อนจะพูดขึ้นมา
“เช่นนั้นข้าก็ต้องเสียสละสักหน่อย ถ้าคนที่ผ่านป่าได้เร็วที่สุดจะมีสิทธิ์ใช้สระวิญญาณลับสวรรค์ที่ข้าปกป้อง มันจะชำระล้างพลังวิญญาณในตัวเจ้าและทำให้ฐานพลังของเจ้าเพิ่มขึ้นมาก! แน่นอนว่าคนที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงก็อาจจะผ่านจุดสุดท้ายขึ้นเป็นขอบเขตภูติได้!”
คำพูดของเขาจุดประกายความโกลาหลของผู้คน!
“สระวิญญาณลับสวรรค์รึ? เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”
ผู้คนส่งเสียงดัง พวกเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินว่าจะได้รับการแบ่งสมบัติ
สีหน้าตื่นเต้นของผู้คนเกิดขึ้น ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูมองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าสระวิญญาณลับสวรรค์เป็นเช่นใด…