ตอนที่ 536

The Divine Nine Dragon Cauldron

เขาคือชายที่แข็งแกร่งที่สุดในกระโจมเทพสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะอย่างไรเขาก็เป็นคนในขอบเขตภูติที่ไม่มีการจำกัดฐานพลัง เขาใช้พลังในขอบเขตภูติได้อย่างอิสระ!

 

แม้แต่ลู่จือยี่ที่เป็นจ้าวเทวะก็อาจจะรับมือกับเขาไม่ได้! การปรากฏตัวของชายคนนี้ทำให้ทุกคนหวาดระแวง!

 

“ไป่หยีเจี้ยน หัวหน้าผู้คุ้มกัน!”

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องด้วยความกลัว

 

“เขามีพลังขอบเขตภูติแล้ว!”

 

ความหวาดวิตกแพร่กระจายรวดเร็วราวกับโรคระบาด ตำนานหัวหน้าผู้คุมกันที่มีมาเนิ่นนานที่สุด ว่ากันว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้คุมกัน!

 

ตามตำนาน เขาเป็นผู้นำของผู้คุมกันร้อยคน เขาปกครองอาณาเขตของห้ายอดเขา พลังของเขามักจะเป็นที่พูดถึงเพราะไม่มีใครที่เคยเอาชนะเขาเพื่อไปหาสมบัติได้เลย!

 

แม้แต่ยอดฝีมือไร้พ่ายจากรุ่นก่อนอย่างชางก่วนชิงเอ๋อก็ต้องถอยหลังจากที่ไปถึงเส้นทางของป่ารูปปั้นศิลา ยังมีคนบอกว่านางแพ้ไป่หยีเจี้ยนในสามกระบวนท่า!

 

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าไป่หยีเจี้ยนได้ทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตภูติ และตอนนี้เขาก็ปรากฏตัวออกมาโดยไม่ปิดบังพลังชีวิต พลังวิญญาณอันน่ากลัวของเขายืนยันว่าทุกอย่างเป็นความจริง!

 

เขาเป็นขอบเขตภูติแล้ว! เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกระโจมเทพสวรรค์!

 

“หึหึ ไม่เจอกันนานนะชางก่วนชิงเอ๋อ”

 

ชุดสีขาวของไป่หยีเจี้ยนพริ้วไหว เขายิ้มเบาๆและมองเพียงแต่นาง เขาไม่สนใจคนอื่นที่นี่

 

ในสายตาของคนในขอบเขตภูติอย่างเขา คนที่เป็นแค่กึ่งเทพไม่มีที่ยืนในแววตา มีเพียงชางก่วนชิงเอ๋อที่คู่ควรแค่การมองของเขา

 

“ผ่านมาแล้วสิบปี เจ้าพัฒนาขึ้นเยอะนับจากตอนนั้นมากทีเดียว”

 

ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม เขาพูดกับนางราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่

 

ห้วงเวลาในกระโจมเทพสวรรค์นั้นเร็วกว่าในจิวโจวสิบเท่า ดังนั้นไป่หยีเจี้ยนจึงใช้เวลาไปแล้วสิบปี ขณะที่จิวโจวเพิ่งจะผ่านไปปีเดียว

 

ชางก่วนชิงเอ๋อแววตาเยือกเย็น

 

“เจ้าก็เป็นภูติแล้ว เจ้าแข็งแกร่งกว่าเดิมเยอะเหมือนกันกับข้า”

 

“เจ้าก็เป็นภูติแล้วไม่ใช่รึไงกัน? ดูเหมือนจะมีคนที่แข็งแกร่งชี้แนะเจ้า เจ้าถึงไม่ได้รับผลจากตำหนักลับสวรรค์ อาจารย์ของเจ้าจะต้องเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งที่ไม่อ่อนแอไปกว่าเทียนจี่จื้อ…”

 

ไป่หยีเจี้ยนเผยฐานพลังของนางและเงาผู้สนับสนุนของนาง

 

ซือหยูตกใจ ชางก่วนชิงเอ๋อเป็นคนในขอบเขตภูติ ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกกดดันเมื่อพบนาง

 

แต่เขาตกใจยิ่งกว่าเพราะนางไม่ได้รับผลจากกระโจมเทพสวรรค์ ความสามารถในการกดพลังของนางนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป!

 

นี่เป็นปัญหากับเขา ซือหยูเอาชนะจางตี๋เก้อได้เพราะว่าฐานพลังของนางถูกกดเอาไว้ แต่ถ้าไม่มีการจำกัดฐานพลัง เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะ ไม่ต้องพูดถึงการจับตัวนางเลย

 

ชางก่วนชิงเอ๋อไม่ได้สนใจคำพูดอีกฝ่ายมากนัก

 

“ข้ามีภารกิจต้องทำในครั้งนี้ ข้าจะไม่ไปยุ่งกับสมบัติที่เจ้าปกป้อง ถ้าเจ้าไม่คิดจะสู้กับข้าก็ถอยไปหมื่นลี้เดี๋ยวนี้ ข้าไม่ชอบถูกขัด”

 

นางตั้งใจจะพาซือหยูกลับจิวโจวและเต็มใจที่จะทิ้งสมบัติวัตถุดิบ ทั้งคู่อยู่ในขอบเขตภูติ ไป่หยีเจี้ยนไม่คิดจะสู้กับชางก่วนชิงเอ๋ออยู่แล้ว และยังมีผู้เฒ่าระดับผู้สร้างสรรพสิ่งหนุนหลังนางอีก นางอาจจะมีสมบัติที่ใช้ป้องกันดีๆอยู่ก็ได้

 

“ขออภัย ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก! ห้ามใครหนีไปไหนทั้งนั้น!”

 

ไป่หยีเจี้ยนปล่อยพลังออกมา สายตาของเขามุ่งมั่น

 

ชางก่วนชิงเอ๋อเยือกเย็นลง

 

“เจ้าคิดจะสังหารทุกคนที่นี่หลังจากที่เพิ่มพลังขึ้นมาน่ะรึ?”

 

ผู้คุ้มกันมักจะป่าเถื่อนกับคนที่เข้ามาที่ยอดเขาทั้งห้าเสมอ และตอนนี้ไป่หยีเจี้ยนก็เพิ่มพลังขึ้นมามาก มิอาจยืนยันได้ว่าเขาจะไม่ล้างสังหารผู้คนที่นี่

 

“ถ้าข้าอยากจะฆ่าคนที่นี่ ข้าก็คงทำไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว! ข้าจะรอจนถึงตอนนี้ทำไมเล่า?”

 

ไป่หยีเจี้ยนถอนหายใจแรง

 

เขาพูดไม่ผิด ในรุ่นก่อน ชางก่วนชิงเอ๋อได้พ่ายแพ้เขา มิใช่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ว่าเขาจะสังหารทุกคน

 

“แล้วเจ้าต้องการอะไรเล่า”

 

ชางก่วนชิงเอ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

ไป่หยีเจี้ยนยิ้ม เขามองรอบๆและหัวเราะอย่างเยือกเย็น

 

“ข้าจะมาเชิญให้พวกเจ้าไปเปิดสมบัติวัตถุดิบร่วมกันกับข้า!”

 

ชางก่วนชิงเอ๋อเลิกคิ้วด้วยความสับสน ผู้คนเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะส่งเสียงเอะอะ

 

“อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? สมบัติวัตถุดิบเป็นที่ที่พวกผู้คุ้มกันปกป้องเอาไว้ แม้พวกผู้คุมกันจะปกป้องสามับติ แต่ความจริงสมบัติทั้งหมดก็เป็นของพวกเขา พวกเขาคิดจะแบ่งให้กับเรารึ?”

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย คนหนึ่งถามออกไป

 

“เจ้าพูดจริงงั้นรึ?”

 

ไป่หยีเจี้ยนตอบ

 

“พวกเจ้าคิดว่าข้ามีเหตุผลอะไรให้ต้องโกหกเล่า?”

 

ยอดฝีมือในขอบเขตภูติย่อมไม่มีเหตุจะโกหกพวกเขาอยู่แล้ว เหล่าผู้คนดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

แต่พวกเขาก็เป็นคนระดับสูงในสำนัก พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าจะต้องมีเหตุผลที่ผู้คุ้มกันเดินหมากเช่นนี้

 

ไป่หยีเจี้ยนพูดต่อ

 

“แต่ก็มีเงื่อนไขสำหรับคนที่จะเข้าไปในดินแดนสมบัติ…”

 

ผู้คนค่อยๆเงียบ ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่พวกเขาคิด

 

“นั่นคือคนที่จะไปต้องผ่านป่ารูปปั้นศิลาให้ได้! ข้าต้องการคนที่มีพลังมิใช่พวกไร้ประโยชน์ ด้วยเงื่อนไขนี้เท่านั้นจึงจะเปิดสมบัติส่วนสุดท้ายได้ ไม่ว่าเจ้าจะผ่านป่ารูปปั้นศิลาได้หรือไม่ก็เป็นการทดสอบของเจ้า…”

 

ไป่หยีเจี้ยนพูดอย่างสงบนิ่ง

 

หลายคนใจหาย พวกเขาคิดถึงวิธีการผ่านป่ารูปปั้นศิลา แต่ถ้าพวกเขามีวิธี พวกเขาก็ทำมันไปแล้ว

 

เงื่อนไขนั้นกำจัดคนส่วนมากไป คนเหล่านี้ไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจที่จะลอง

 

เจิ่งซื่อชิงมองดูป่ารูปปั้นศิลา

 

“เจ้าเล่นตลกกับพวกข้าเรอะ? ใครกันที่จะผ่านป่ารูปปั้นศิลาไปได้?”

 

เขาคิดว่าไป่หยีเจี้ยนกำลังเล่นตลกกับพวกเขา คนที่เหลือสีหน้าไม่พอใจ

 

“ถ้านั่นเป็นคำขอของศิษย์พี่ไป่ก็โปรดอภัยให้พวกข้า พวกข้าไม่มีเหตุผลให้ต้องไปเสี่ยงหรอก!”

 

หลายคนที่รวมตัวกันที่นี่ก็ไม่ได้เล็งสมบัติวัตถุดิบอยู่แล้ว มีเพียงศิษย์นอกระดับสูงอย่างชางก่วนชิงเอ๋อที่เหมาะสมจะเผชิญอันตรายในป่ารูปปั้นศิลา ดังนั้นแล้วคนอื่นๆจึงไม่คิดที่จะเสี่ยงชีวิต

 

พวกเขารวมตัวกันโดยคาดหวังกับงานแลกเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าวัน พวกเขาเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของกระโจมเทพสวรรค์แล้ว ใครกันจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปในป่ารูปปั้นศิลา?!

 

ไป่หยีเจี้ยนเลิกคิ้วเมื่อมองดูสีหน้าของคนส่วนใหญ่ เขาคิดก่อนจะพูดขึ้นมา

 

“เช่นนั้นข้าก็ต้องเสียสละสักหน่อย ถ้าคนที่ผ่านป่าได้เร็วที่สุดจะมีสิทธิ์ใช้สระวิญญาณลับสวรรค์ที่ข้าปกป้อง มันจะชำระล้างพลังวิญญาณในตัวเจ้าและทำให้ฐานพลังของเจ้าเพิ่มขึ้นมาก! แน่นอนว่าคนที่มีแก้วพลังชีวิตสามดวงก็อาจจะผ่านจุดสุดท้ายขึ้นเป็นขอบเขตภูติได้!”

 

คำพูดของเขาจุดประกายความโกลาหลของผู้คน!

 

“สระวิญญาณลับสวรรค์รึ? เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”

 

ผู้คนส่งเสียงดัง พวกเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่ได้ยินว่าจะได้รับการแบ่งสมบัติ

 

สีหน้าตื่นเต้นของผู้คนเกิดขึ้น ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูมองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าสระวิญญาณลับสวรรค์เป็นเช่นใด…