“คุณปู่ถังคะ หนูภูมิใจมากค่ะ นี่ถ้าซีซีไม่ได้สนับสนุนหนูในด้านการออกแบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา หนูก็คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างนี้ ความสำเร็จที่หนูได้รับในวันนี้เป็นเพราะซีซีค่ะ หนูควรขอบคุณเธอ” ขณะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้เธอฉีกยิ้มอย่างจริงใจมากยิ่งขึ้น จากนั้นเธอก็มองหน้าถังเจิ้นหวาแล้วกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นคุณปู่ถังอย่าชมหนูเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นหนูจะรู้สึกละอายใจ” 

 

 

ถังเจิ้นหวาหัวเราะ ขณะมองฉินซินหยิ่งด้วยความเมตตาและพยักหน้า “เธอนี่เป็นเด็กดีจริงๆ รู้ถึงความสำคัญของความกตัญญู ฉันอายุปูนนี้เคยเห็นคนอกตัญญูมามากมาย หายากที่จะเห็นผู้หญิงที่กตัญญูรู้คุณคนเหมือนเธอ ฉันรู้สึกประทับใจจริงๆ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคตบอกฉัน ฉันจะสนับสนุนเธออย่างแน่นอน” 

 

 

ฉินซินหยิ่งดูท่าทางซาบซึ้งในถ้อยคำของถังเจิ้นหวา เธอเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ถังเจิ้นหวาและกล่าวด้วยความรู้สึกขอบคุณ “คุณปู่ถังคะ คุณปู่และซีซีใจดีกับหนูมากเหลือเกิน หนูแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่” 

 

 

มือถังเจิ้นหวาแข็งทื่อขึ้นมาทันที แต่แล้วท่านก็หัวเราะเสียงดัง ตบหลังมือฉินซินหยิ่งเบาๆ “เด็กโง่ เพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของซีซี ฉันจึงเห็นเธอเป็นหลานสาวด้วยเหมือนกัน ฉันก็ควรใจดีกับเธอสิ” 

 

 

ฉินซินหยิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ได้โปรดให้หนูได้ดูแลคุณปู่ เหมือนที่ซีซีทำนะคะในอนาคต” 

 

 

ถังเจิ้นหวายิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปมองถังจงและกล่าวว่า “ไปหาผ้าพันคอไหมของซีซี แล้วนำมาที่นี่” 

 

 

รอยยิ้มของฉินซินหยิ่งแข็งทื่อไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวา เธอรีบบอกว่า “คุณปู่ถัง ให้หนูไปหาเองเถอะค่ะ คุณปู่ทราบไหมคะว่าซีซีไม่ชอบให้คนอื่นเข้าห้องของเธอ พ่อบ้านถังอาจไม่รู้ด้วยว่าผ้าพันคอไหมของซีซีอยู่ที่ไหน หนูขึ้นไปหาเองเดี๋ยวก็เจอค่ะ ไม่จำเป็นต้องรบกวนพ่อบ้านถังหรอก” 

 

 

ถังเจิ้นหวามองฉินซินหยิ่งและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอาสิ ไปเถอะ พวกเด็กผู้หญิงมักคลั่งความสะอาดเรียบร้อย ทำไมถึงเกลียดการให้คนอื่นเข้าห้องตัวเองนักก็ไม่รู้ เอาล่ะ เธอไปหยิบให้ยายหนู แล้วควรจะถามยายหนูด้วยว่าต้องการอะไรอีกไหม จะได้ส่งไปพร้อมกันทีเดียว ฉันจะไปเยี่ยมหลุมฝังศพคุณย่าวันพรุ่งนี้ จะไม่อยู่บ้านอีกสองสามวัน ถึงตอนนั้นเธออาจเข้ามาในบ้านหลังนี้ไม่ได้” 

 

 

เมื่อฉินซินหยิ่งได้ยินคำพูดนี้ดวงตาเธอก็เป็นประกาย แทบจะกระโดดตัวลอย พระเจ้าช่วยเธอแท้ๆ! คราวนี้เธอก็นำอัลบั้มภาพวาดของถังซีออกไปด้วยได้แล้วสิ เธอจะบอกว่าถังซีอยากวาดภาพ 

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้ฉินซินหยิ่งก็แอบสบถเบาๆ ด้วยความดีใจ ขณะเดินยิ้มขึ้นไปข้างบน 

 

 

ถังเจิ้นหวาหันข้างมองตามหลังฉินซินหยิ่ง ท่านส่ายศีรษะด้วยสีหน้าเยือกเย็น ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องถังซีท่านก็ถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนี้ช่างโลภเหลือเกิน โลภจนเก็บอาการไม่อยู่ เธอคงคิดว่าฉันแก่เกินกว่าจะมองเธอได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างนั้นใช่ไหม” 

 

 

“แล้วนายท่านปล่อยให้เธอเข้าไปในห้องคุณหนูทำไมล่ะครับ” ถังจงมองถังเจิ้นหวาด้วยท่าทางสับสน “เราควรเอาไม้กวาดกวาดคนแบบนี้ออกไปด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอทำไว้กับคุณหนูผมรู้สึกโกรธมาก!” 

 

 

“อาจง เธอน่ะแก่แล้วนะ ควรเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์” ถังเจิ้นหวาลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ฉันเข้าไปในห้องซีซีเมื่อเช้า ฉันพบว่าข้าวของเธอหายไปจำนวนมาก รวมทั้งอัลบั้มภาพวาดกับชุดสีแดงด้วย ซึ่งฉันคิดว่าเฉียวเหลียงคงจะเอาไปตั้งแต่เมื่อวานซืน” 

 

 

ถังจงตกใจมาก “แต่ตอนที่คุณเฉียวกับคนของเขาออกไปในวันนั้น ผมไม่เห็นว่าเขาถืออะไรออกไปด้วยเลยนะครับ!” 

 

 

ถังเจิ้นหวาหัวเราะ ส่ายศีรษะแล้วมองหน้าถังจง “จะเป็นอย่างไร ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องการลงทุนของเราในฉินกรุป” 

 

 

ถังจงมองถังเจิ้นหวาด้วยความประหลาดใจ “นายท่าน ยังอยากลงทุนในฉินกรุปอีกหรือครับ” 

 

 

“ไม่อย่างแน่นอน” ถังเจิ้นหวาถอนหายใจและลุกขึ้น “บอกให้คนของเราระงับการลงทุนทั้งหมดในฉินกรุป แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว คนพวกนั้นก็ยังต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำ นี่ยังไม่นับสิ่งที่หลานสาวพวกเขาฆ่าหลานสาวคนเดียวของฉันนะ ฉันสาบานว่าฉันจะให้พวกเขาชดใช้” ท่านถือไม้เท้าเดินไปที่ห้องทำงานพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอีก บอกสาวใช้ทุกคนให้จำไว้ว่าใครบ้างที่เข้ามาในอุทยานเอ็มไพร์ได้ และใครบ้างที่ห้ามเข้า ถ้าใครจำไม่ได้จะถูกไล่ออก ถึงอย่างไรอุทยานเอ็มไพร์ก็ไม่มีวันขาดสาวใช้หรอก” 

 

 

ถังจงหยุดนิ่ง พยักหน้าแล้วตอบว่า “ครับ ผมเข้าใจแล้ว” 

 

 

ถังเจิ้นหวาถอนหายใจอย่างแรง แล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน 

 

 

… 

 

 

ฉินซินหยิ่งรื้อค้นไปทั่วห้องถังซี ไม่ว่าจะเป็นด้านในสุดของตู้หนังสือ ตู้เสื้อผ้าชั้นบนสุด แม้กระทั่งหลังตู้เสื้อผ้า ตู้ข้างเตียง หรือแม้แต่ตู้เซฟในห้องถังซี แต่เธอไม่พบแฟลชไดรฟ์และอัลบั้มภาพวาดที่มีภาพสเก็ตช์งานออกแบบของถังซีเลย 

 

 

“แปลกมาก ทุกอย่างยังอยู่ที่นี่ตอนที่ฉันเห็นครั้งสุดท้าย! ทำไมอยู่ๆ ถึงได้หายไปหมด” ฉินซินหยิ่งพูดกับตัวเองและเริ่มค้นหาอีกครั้ง 

 

 

ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าไม้แขวนเสื้ออันหนึ่งว่างเปล่า เธอขมวดคิ้ว ถ้าเธอจำไม่ผิดควรมีชุดแขวนอยู่ตรงนี้ แล้วตอนนี้ชุดนั้นไปอยู่ที่ไหน 

 

 

ขณะเธอกำลังเดินเข้าไปดู ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉินซินหยิ่งหยุดเดิน รีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า เขย่งเท้าขึ้น แสร้งทำเป็นค้นหาผ้าพันคอพร้อมกับตะโกนออกไป “เข้ามาได้ค่ะ” 

 

 

ถังจงเข้ามา เห็นฉินซินหยิ่งยืนเขย่งบนปลายเท้ามองหาผ้าพันคอไหมในตู้เสื้อผ้า เขารีบเดินเข้าไปบอกว่า “คุณฉิน ยังหาไม่เจออีกหรือครับ คุณหยิบไม่ถึงหรือเปล่า ให้ผมช่วยดีกว่า” 

 

 

ฉินซินหยิ่งก้าวถอยหลังก้าวหนึ่งและยิ้มให้ถังจง “ขอบคุณนะคะ พ่อบ้านถัง” 

 

 

ถังจงกล่าวว่า “ยินดีครับ” เขาเจอผ้าพันคอไหมแล้ว และรีบส่งให้ฉินซินหยิ่ง ใบหน้าฉินซินหยิ่งซีดเผือด แต่เธอยังคงยิ้มกว้างกล่าวอย่างอ่อนโยน “มีคนย้ายข้าวของในห้องซีซี ฉันก็เลยหาไม่เจอ ฉันจำได้ว่าผ้าพันคอไหมทั้งหมดของเธออยู่ในห้องแต่งตัว” 

 

 

ถังจงยิ้ม “เราคัดเลือกสาวใช้เข้ามาใหม่ เธอไม่รู้อะไรเลย และย้ายข้าวของจำนวนมากของคุณหนูเข้าไปเก็บในห้องเก็บของครับ เมื่อนายท่านทราบท่านโมโหจนลืมตัว ไล่สาวใช้คนนั้นออกไปแล้ว” 

 

 

“ห้องเก็บของเหรอคะ” ฉินซินหยิ่งมองหน้าถังจงด้วยท่าทางสงสัย “แล้วทำไมคุณถึงไม่ย้ายข้าวของของซีซีกลับมา” 

 

 

“มีของต่างๆ มากมายในห้องเก็บของ เราไม่กล้าย้ายสุ่มสี่สุ่มห้าครับ เราเลยโทรถามคุณหนูว่าจะจัดการอย่างไรดี คุณหนูบอกว่าเธอจะจัดการกับของพวกนั้นเองหลังจากที่เธอกลับมา และไม่อนุญาตให้เราแตะต้องของเหล่านั้น เธอกำชับเราว่าอย่าแตะต้องอัลบั้มภาพวาดของเธอ ซึ่งถ้าเสียหายเราไม่มีทางชดใช้ได้ ดังนั้นพวกเราจึงไม่กล้าแตะต้อง…” 

 

 

ฉินซินหยิ่งกะพริบตาปริบๆ และฝืนยิ้ม “อัลบั้มภาพวาดเหรอคะ” 

 

 

ถังจงยิ้ม พาฉินซินหยิ่งออกมาจากห้อง “คุณหนูชอบวาดภาพเวลาว่างๆ ก็อย่างที่คุณรู้นั่นแหละครับ คุณฉิน เราไม่เข้าใจภาพวาดของเธอหรอก และเธอไม่อนุญาตให้เราแตะต้องภาพเหล่านั้น ผมก็เลยทำได้แค่เก็บไว้ที่นั่นตามเดิม”