ตอนที่ 201 เทพธิดาพยากรณ์

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 201 เทพธิดาพยากรณ์ โดย Ink Stone_Fantasy

“ทำไมล่ะ! สามคนนั้นพึ่งไม่ได้หรือ?” พอหลิ่วหมิงได้ยิน ตาก็เป็นประกาย

“ศิษย์ตรวจตราของสามนิกายนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถพึ่งได้ แต่ข้ายังสงสัยว่าอาจมีคนถูกอิทธิพลบางกลุ่ม ซื้อตัวไปตั้งนานแล้ว แต่จะเป็นใครนั้น ข้าไม่อาจยืนยันได้ แต่เพื่อป้องการอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ข้าจึงไม่เคยติดต่อกับพวกเขา ถ้าศิษย์น้องไม่เชื่อก็ลองไปติดต่อดูได้ แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ก็อย่าลากข้าเข้าไปพัวพันด้วยก็แล้วกัน” หูชุนเหนียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นก่อนกล่าวออกมา

“ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่บอกสถานะของพวกเขาในตอนนี้ให้ข้าเถอะ! ข้าจะระมัดระวัง” หลิ่วหมิงพยักหน้า และตอบกลับไปโดยไม่กระโตกกระตาก

“ในเมื่อศิษย์น้องรู้ตัวว่าจะทำอย่างไร ศิษย์พี่ก็จะบอกสถานะพวกเขาทั้งสามให้โดยไม่คิดค่าตอบแทน” หูชุนเหนียงได้ยินก็ยิ้มหวานออกมา

จากนั้นนางก็หยิบแผ่นกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง และเขียนอักขระเล็กๆ ลงไปสองสามแถวก่อนโยนให้หลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงคว้าเอาไว้ได้ หลังจากที่ก้มหน้าอ่านอย่างละเอียดไม่กี่รอบ และจดจำไว้ในสมองแล้ว ก็ใช้สองมือฟั่นกระดาษแผ่นนั้น

“ฟู่!” เปลวไฟลุกไหม้ขึ้นมาจากมือ

แผ่นกระดาษกลายเป็นขี้เถ้าไปในพริบตา

“ใช่สิ! งานประมูลในก่อนหน้านั้น ศิษย์พี่บอกว่าซื้อเกราะกลนักรบชิ้นนั้น เพื่อให้องค์ชายเจ็ดเอาใจใครบางคน เรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไร?” หลิ่วหมิงนึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวออกมา

“อ๋อ! ศิษย์น้องสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ แต่มันก็ไม่นับว่าเป็นความลับอะไร ศิษย์น้องเพิ่งมาเสวียนจิงได้ไม่นาน จึงไม่รู้เรื่องนี้ ไม่ทราบว่าศิษย์น้องรู้จักชื่อเสียงของ ‘เทพธิดาพยากรณ์’ หรือไม่?” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา

“เทพธิดาพยากรณ์? ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึง เหมือนเขาจะงุนงงเล็กน้อย

“หญิงนางนี้เป็นผู้ฝึกฝนอิสระ เคยปรากฏตัวที่แคว้นไห่เยวี่ยเมื่อหลายปีก่อน ว่ากันว่านางมีร่างลิขิตฟ้าตามคำร่ำลือ สามารถสื่อสารกับฟ้าดินได้ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถทำนายชะตาของคนได้ แม้กระทั่งอาจจะชี้แนะโอกาส ให้ร้ายกลายเป็นดีได้ ตอนแรกก็ยังไม่มีคนเชื่อ แต่พอผู้ฝึกฝนอิสระบางคนถูกนางทำนายดวงชะตา และประสบเหตุการณ์ตรงกับคำทำนายภายในหนึ่งปี นางก็ดังครึกโครมไปทั่วแคว้นไห่เยวี่ย เรื่องที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ผู้ฝึกฝนอิสระที่เป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายสมบูรณ์แบบ อายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่ง ได้ทำตามคำชี้แนะของนางจนได้พบกับโอกาสอันดี ด้วยเหตุนี้จึงควบแน่นลมปราณได้สำเร็จ และกลายเป็นอาจารย์จิตวิญญาณ” หญิงสาวค่อยๆ กล่าวออกมา

“เป็นไปไม่ได้ จะมีเรื่องแบบนี้บนโลกใบนี้ได้อย่างไร?” พอหลิ่วหมิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็มีสีหน้าตกใจขึ้นมา

“ไม่ผิด! พอคนจำนวนมากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต่างก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับศิษย์น้อง แต่ผู้ฝึกฝนอิสระที่สามารถควบแน่นไอปีศาจให้เป็นปราณแกร่งได้นั้น เป็นคนที่ผู้คนในแคว้นไห่เยวี่ยต่างก็รู้จักกันดี เดิมทีเขาก็หมดหวังในการเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ประการใด ทั้งยังว่ากันว่าเพื่อขอบคุณเทพธิดาพยากรณ์ผู้นี้ ผู้ฝึกฝนอิสระถึงกับยอมติดตามรับใช้นาง เรื่องนี้คนจำนวนมากเห็นมากับตา ได้ยินมาว่า หลังจากที่นางมีชื่อเสียงโด่งดัง นิกายหลายนิกายในแคว้นไห่เยวี่ย ดูเหมือนจะเคยขัดขวางการกระทำของนาง แต่ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมถึงละทิ้งความคิดนี้ไป และทำเหมือนกับมองไม่เห็นการมีตัวตนอยู่ของนาง ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียงของเทพธิดาพยากรณ์จึงโด่งดังมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมักจะมีผู้ฝึกฝนในแคว้นรอบๆ ไปให้นางทำนายดวงชะตาและชี้แนะโอกาสให้เสมอ ว่ากันว่านางทำนายแม่นมาโดยตลอด สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของนางโด่งดังมากขึ้น แม้แต่ผู้ฝึกฝนอิสระในแคว้นต้าเสวียนของเรา ก็เลื่อมใสศรัทธานางเป็นอย่างยิ่ง เฮ่อๆ! ไม่ว่าหญิงนางนี้จะทำหน้าลิงหลอกเจ้าอย่างไร แต่นางจะต้องเป็นพวกตุ้มตุ๋นลึกลับอย่างแน่นอน ช่วงเวลาหลายเดือนก่อน นางได้ส่งข่าวมาว่า จะมาเตรียมจัดงาน ‘ความลับสววรค์’ ในเสวียนจิง นางจะทำนายชะตาและชี้แนะโอกาสให้ผู้มีวาสนาจำนวนหนึ่ง และวิธีเดียวที่สามารถเข้าร่วมงานใหญ่นี้ได้ จะต้องพกอุปกรณ์กลไกที่นางพอใจเข้าไปด้วย มิเช่นนั้นก็ไม่อาจพบหน้านางได้” หูชุนเหนียงหัวเราะเฮ่อๆ! ก่อนกล่าวออกมา

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูท่าองค์ชายเจ็ดกับเฒ่าปีศาจสือต่างก็อยากเข้าร่วมงานใหญ่นี้ ถึงได้ร้อนใจอยากได้อุปกรณ์กลไกในงานประมูลเป็นอย่างมาก แต่จะว่าไปแล้ว พอถึงเวลาศิษย์พี่หูจะเข้าร่วมงานความลับสวรรค์นี้ไหม?” หลิ่วหมิงกล่าวราวกับคิดอะไรอยู่

“ถ้าองค์ชายเจ็ดเข้าร่วมล่ะก็ ข้าก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ อีกอย่างข้ายังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อยากจะรู้ว่าเทพธิดาพยากรณ์ผู้นี้เป็นอย่างไร และทำนายได้แม่นจริงหรือไม่” หญิงสาวกล่าว

“พอได้ยินศิษย์พี่หูพูดเช่นนี้ ข้าเองก็รู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว” หลิ่วหมิงกล่าว

“ถ้าศิษย์น้องอยากเข้าร่วมล่ะก็ เพียงแค่พกเรือกลเหาะชิ้นนั้นไป คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่พอถึงเวลานั้น ถ้าอยากให้ธิดาพยากรณ์ผู้นี้ทำนายดวงชะตาล่ะก็ ว่ากันว่าจะต้องเตรียมสิ่งของที่ล้ำค่ากว่าไปด้วย ไม่รู้ว่าพอถึงเวลานั้นศิษย์น้องเฉียนจะยอมเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากไหม?” หูชุนเหนียงหัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา

“ยังต้องเตรียมของขวัญล้ำค่า…… เห้อ! ถ้าอย่างนั้นคงต้องรอถึงเวลานั้น แล้วค่อยว่ากันอีกที!” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็แบะปากออกมา

“อิๆ! พวกเราทั้งสองออกมานานแล้ว ถ้าไม่กลับไปล่ะก็ อาจจะทำให้ใครบางคนผิดสังเกตได้ ต่อไปเจ้ากับข้าอย่าเพิ่งติดต่อกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ มีเรื่องอะไรก็รอหลังเสร็จพิธีบูชาของราชวงศ์ก่อน แล้วค่อยว่ากัน” หูชุนเหนียงหัวเราะออกมาก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“วางใจเถอะ! ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร” หลิ่วหมิงย่อมเข้าใจคำพูดของหญิงสาว เขาจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

“ดีมาก! งั้นข้าจะออกไปก่อน”

หญิงสาวพยักหน้าอย่างพอใจ พอนางทำท่ามือด้วยมือเดียว เมฆเทาก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้า และพานางเหาะทะยานขึ้นฟ้าไป

หลิ่วหมิงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความลังเล ประจักษ์ชัดว่าเขากำลังแยกย่อยข้อมูลจำนวนมากที่เพิ่งได้รับมา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด สีหน้าเขาก็ผ่อนคลายขึ้นหลังจากคิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากกระทืบเท้าแล้วก็พุ่งขึ้นฟ้าไป

สามวันต่อมา

หลิ่วหมิงพาเฉียนหรูผิงมาปรากฏกายบนถนนสายเล็กๆ ตรงทางขึ้นเขาเซียนทอแสง เพื่อมุ่งตรงไปยังถ้ำที่เขาเช่าไว้

ผ่านไปไม่นาน เขาก็พาเด็กหญิงมาถึงริมแม่น้ำเล็กๆ ที่กำลังไหลเอื่อยอยู่

จะบอกว่าเป็น ‘แม่น้ำ’ แต่ความจริงแล้วพูดว่าเป็น ‘ลำธาร’ ที่ใหญ่กว่าหน่อยถึงจะถูก

บริเวณแม่น้ำ มีป่าไผ่ที่ดูเขียวขจีอยู่ผืนหนึ่ง

หลิ่วหมิงค่อยๆ ยิ้มออกมา หลังจากพาเด็กหญิงก้าวไปตรงชายป่าไผ่แล้ว ก็หยิบป้ายสีเขียวอออกมาอันหนึ่ง และปล่อยพลังเวทย์เข้าไปในนั้นก่อนที่จะโบกไปทางป่าไผ่

“ฟู่!”

อักขระสีขาวจางๆ พุ่งออกจากแผ่นป้ายเป็นเส้นเดียวกัน และจมหายเข้าไปในป่าไผ่

ครู่ต่อมา ก็มีเสียงดังหวึ่งๆ ออกมาจากไผ่

อากาศตรงหน้าสั่นสะเทือนขึ้นมา จากนั้นสภาพทั้งหมดก็กลายเป็นจุดแสงสีขาวก่อนที่จะสลายไป

หลังจากที่ป่าไผ่หายไป มันก็ถูกแทนที่ด้วยกำแพงหินสีดำ

ด้านล่างของกำแพง มีประตูหินที่สลักอักขระสีเงินอยู่บานหนึ่ง

“หรูผิง นี่คือที่พักใหม่ของเรา พวกเราอาจจะอยู่ที่นี่สักสองสามปี” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หันมายิ้มให้กับเด็กหญิงก่อนกล่าวออกมา

“ดีจังเลย จากนี้ไปข้าก็สามารถฝึกฝนพร้อมกับพี่หมิงได้อย่างเต็มที่แล้ว” เฉียนหรูผิงมองภาพตรงหน้าแล้วกล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ

หลิ่วหมิงหัวเราะออกมา แล้วโบกป้ายไปยังประตูหิน

อักขระบนประตูหินเปล่งประกายขึ้นมาในทันที จากนั้นบานประตูก็ค่อยๆ เปิดออก

หลิ่วหมิงพาเด็กหญิงเดินเข้าไปข้างใน

หนึ่งเค่อต่อมา หลังจากที่เขาเตรียมที่พักให้เด็กหญิง และเก็บของที่พกติดตัวมาเรียบร้อยแล้ว ก็มาปรากฏตัวในห้องลับของถ้ำเพียงลำพัง

เขานั่งขัดสมาธิบนเบาะกลมผืนหนึ่ง จากนั้นก็คิดแผนหลังจากนี้ด้วยตาที่เป็นประกาย

ก่อนหน้านั้นไม่นาน เขาเพิ่งจะกล่าวลากับเฉียนเชา ผู้อาวุโสเหมี่ยน และคนอื่นๆ เพื่อย้ายออกจวนเฉียนอย่างเป็นทางการ

ตอนนี้งานประมูลก็เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แบบ และหลังจากผ่านศึกในครั้งนั้น หอรวมสมบัติก็สูญเสียพลังไปมาก ช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ ไม่สามารถคิดทำอะไรเรือนร้อยวิญญาณได้ ด้วยเหตุนี้ถึงแม้เฉียนเชาจะรู้สึกเสียดายที่เขาย้ายออกมา แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

แน่นอนว่าในตอนนี้พิษในร่างของลูกชายเฉียนเชา ถูกขับออกไปจนหมดสิ้นแล้ว

และหลังจากที่เขาย้ายออกมา นอกจากจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นกับเรือนร้อยวิญญาณแล้ว ในสถานการณ์ปกติเถ้าแก่เฉียนก็จะทำตามสัญญา คือไม่ส่งคนมารบกวนการฝึกฝนของเขา

แน่นอนว่าที่หลิ่วหมิงรีบร้อนย้ายมาเขาเซียนทอแสง ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าหลังจากนี้ไป มีเรื่องบางอย่างที่ต้องหลบเลี่ยงสายตาของเรือนร้อยวิญญาณ อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าสะดวกในการเรียนวิชาปรุงโอสถกับผู้เชี่ยวชาญฝานไป๋จื่อ

เริ่มตั้งแต่เมื่อวาน เขาได้ไปเรียนวิชาเกี่ยวกับการปรุงโอสถกับฝานไป๋จื่อแล้ว

แต่ตอนนั้นฝานไป่จื่อไม่ให้เขาลงมือปรุงโอสถเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่อธิบายความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปรุงโอสถกับประสบการณ์การปรุงโอสถของตนเองเท่านั้น

เรื่องราวเหล่านี้ หลิ่วหมิงเคยทำความเข้าใจจากคัมภีร์โบราณมาแล้วส่วนหนึ่ง แต่ส่วนมากก็เป็นเรื่องที่เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ทำให้เขาได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก

แต่ครั้งต่อไป ผู้เชี่ยวชาญฝานผู้นี้จะชี้แนะเทคนิคการปฏิบัติจริงของเขาให้

แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายของวัตถุดิบในการปรุงโอสถ เขาจะต้องเตรียมพร้อมไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พอนึกถึงปัญหาเรื่องหินจิตวิญญาณ หลิ่งหมิงก็แอบแบะปากอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่ซื้ออุปกรณ์กลไกจากงานประมูลมาสามชิ้น หินจิตวิญญาณที่มีอยู่ก็ลดลงไปกว่าครึ่ง บวกกับยังต้องจ่ายค่าเช่าถ้ำ และการที่ต้องฝึกฝนปรุงโอสถอย่างหนักในภายหลัง ดูท่าคงต้องนำพืชจิตวิญญาณฟ้าดินที่เขาไม่ได้ใช้ ออกมาขายแลกหินจิตวิญญาณซะแล้ว

ตอนที่เขาออกมาจากแดนลึกลับ นอกจากจะเก็บหนังมังกรแดงไว้แล้ว ยังซ่อนพืชจิตวิญญาณล้ำค่าจำนวนหนึ่งไว้ในหอยสังข์ย่อส่วนอีกด้วย

แน่นอนว่าหินจิตวิญญาณในตัวเขาตอนนี้ ยังพอใช้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นเรื่องการขายพืชจิตวิญญาณ จึงสามารถชะลอไปก่อนได้

ถ้าเขาคิดจะฝึกฝน และเรียนวิชาปรุงโอสถอยู่ในเสวียนจิงอย่างสงบล่ะก็ จำเป็นต้องจัดการปัญหาความวุ่นวายของเสวียนจิงในตอนนี้ให้ได้ก่อน

มิเช่นนั้น หากเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นในเสวียนจิง โทษของศิษย์ตรวจตรา คงทำให้เขายากที่จะทนรับได้ไหว

เขาได้แต่หวังว่าการเข้าวังของหูชุนเหนียงในอีกไม่นาน จะราบรื่นไปด้วยดี

เพียงหาหลักฐานที่เพียงพอได้ แล้วให้ทางนิกายใช้อำนาจกวาดล้างเสวียนจิงใหม่อีกครั้ง ปัญหาทุกอย่างก็จะคลี่คลายลงทั้งหมด

……………………………………….