ตอนที่ 1909

 

ข้างในพื้นที่ของลูกปัดพิภพ

 

เซียปิงกําลังทําการบ่มเพาะเพื่อทําให้แกนพลังในระดับกฎเทวรูปขั้นกลางของเขาเส ถียรและมั่นคงทว่าในช่วงเวลานี้ บรรดาสายพันธุ์ที่หายสาบสูญไปซึ่งถูกเซี่ยปิงจับตัวมานั้นไม่ว่าจะเป็นเฝย นกอสูรทมิฬ พยัคฆ์หินเขี้ยว สิงโตเก้าเศียร ผีเสื้อห้วงมิติ มดทองคําและตัวอื่นๆต่างก็ถูกนํามาประมูลในพื้นที่ของลูกปัดพิภพ ซึ่งสายพันธุ์ที่หายสาบสูญเหล่านี้ก็มีอยู่36ตัวด้วยกัน

 

ส่วนเจ้าภาพของการประมูลครั้งนี้ก็คือกระทิงสีครามนั่นเอง

 

ผู้คนที่เข้าร่วมการประมูลก็เป็นทาสหญิงสาวของตระกูลหูกระต่าย เผ่าพันธุ์เทวดา เผ่าพันธุ์อรหันต์ ตระกูลปีกและอื่นๆ

 

เพราะว่าพื้นที่ของลูกปัดพิภพขาดแคลนกําลังคนจริงๆ ประกอบกับพื้นที่การปลูกสมุนไพรวิญA|ญาณที่ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในตอนนี้พื้นที่ของลูกปัดพิภพกําลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนักจําเป็นต้องหาแรงงานมาทํางานอีกเป็นจํานวนมาก

ถึงแม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้จะทํางานกันอย่างหนักเพื่อดูแลจัดการสวนสมุนไพรต่างๆ ทว่าสุดท้ายพวกเธอก็มีเพียงแค่สองมือ ไม่สามารถจัดการทุกอย่างในเวลาเดียวกันได้

 

บังเอิญพอดีที่สายพันธุ์ที่หายสาบสูญเหล่านี้ได้ถูกเชี่ยปิงจับตัวมา ดังนั้นจึงกลายเป็นแรงงานที่ดีที่สุดอย่างกะทันหัน จะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของหญิงสาวเหล่านี้

 

ในเวลานเดียวกันพวกมันก็ไม่สามารถขัดขืนได้ เพราะว่าทันทีที่เข้ามาในพื้นที่ของลูกปัดพิภพกระทิงสีครามก็ได้ผนึกแกนพลังฉีของพวกมันไว้ ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ของลูกปัดพิภพได้

 

กลุ่มของสายพันธุ์ที่หายสาบสูญเหล่านี้ก็รู้สึกหดหูอย่างถึงที่สุด ในโลกภายนอก พวกมันเป็นตัวตนที่โหดเหี้ยมและน่าสะพรึงกลัว มีชื่อเสียงที่สั่นคลอนทั่วทั้งจักรวาล ตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะถูกจับมาเป็นนักโทษและถูกนํามาประมูล ความหดหูของพวกมันในตอนนี้ไม่สามารถที่จะอธิบายเป็นคําพูดได้

 

โดยเฉพาะเฝยอี้และนกอสูรทมิฬนั้น พวกมันทั้งสองต่างก็ไม่เต็มใจยอมรับสภาพนี้ พยายามคิดหาทางหลบหนีอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องการที่จะตกเป็นทาสของผู้อื่น

 

“เริ่มต้นการประมูลได้”

 

กระทิงสีครามก็เป็นผู้จัดงานประมูลนี้ มันชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว “เฟยนกอสูรทมิฬและพยัคฆ์หินเขี้ยวพวกเจ้าทั้งสามเดินขึ้นมาบนเวที อย่าขัดขืนเด็ดขาดไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฝย นกอสูรทมิฬและพยัคฆ์หินเขี้ยวทั้งสามก็เดินขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้เอ่ยคําใดออกมา เพราะว่าระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานี้ พวกมันต่างก็เจ็บปวดระบมทุกข์ทร มานอย่างหนัก เพราะทุกครั้งที่พวกมันแสดงปฏิกิริยาต่อต้านขัดขืน พวกมันจะถูกอัดอย่างปาเถื่อน

 

ทว่าในตอนนี้เฝยอี้ก็ยังคงไม่เต็มใจยอมรับ มันแอบถ่ายทอดข้อความผ่านทางจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ “เหอะหากเจ้ากระทิงบัดซบที่เป็นวิญญาณสิ่งประดิษฐ์นี้ไม่ได้มีฝีมืออยู่บ้างล่ะก็เชื่อเถอะว่าข้าจะกลืนกินมันเข้าไปในคําเดียว ตัวตนที่ต่ําต้อยเช่นนี้ ไม่เพียงพอให้ข้าเคี้ยวด้วยซ้ํา”

 

“ข้าขอสาบาน ไม่ว่าใครที่ซื้อข้าไปได้ ข้าจะต้องทําลายสวนสมุนไพรของมันผู้นั้นให้ราบเป็นหน้ากลอง ตกอยู่ในสภาพที่เสียหายพังพินาศ ทําให้กลุ่มของพวกบัดซบเหล่านี้ได้ชดใช้อย่างใหญ่หลวง”

 

“ไม่คาดคิดว่าจะต้องการให้ข้าเฝยอี้ทํางานเป็นเกษตรกร ดูแลสวนสมุนไพร ช่างตลกสิ้นดีในฐานะที่ข้าเป็นเผยอี้ ก็มีเพียงแค่การทําลายล้างเท่านั้น พฤติกรรมเช่นนี้ช่างเป็นการดูถูกเหยียดหยามข้าเฝยอย่างแท้จริง”

 

“นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน กลุ่มของคนโง่เขลาเหล่านี้คิดว่าจะควบคุมพวกเราได้ตลอดและทําให้พวกเราเชื่อฟังคําสั่งอย่างนั้นรึ? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันจริงๆ อันดับแรกพวกเราจะเสแสร้งแกล้งโง่ไปก่อน รอโอกาสที่จะได้สังหารกลุ่มของพวกบัดซบนี้ในระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัว”

 

นกอสูรทมิฬก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ

 

ในตอนนี้กระทิงสีครามก็เริ่มพูดขึ้นมา “เอาล่ะ มีรายการประมูลสามรายการอยู่ตรงหน้านี้ ข้าจะเปิดให้เสนอราคาอย่างอิสระ ใครให้ราคาสูงที่สุดก็จะได้สินค้าไป”

 

“ข้าต้องการพยัคฆ์หินเขี้ยวนั่น ข้ามีข้าวคริสตัลหนึ่งตัน”

 

“ข้าก็ต้องการเช่นกัน ข้าวคริสตัลสองตัน”

 

“สามตัน!”

 

หญิงสาวแต่ละคนต่างก็เสนอราคาออกไป เพิ่มราคาสูงขึ้นจนกลายเป็นข้าวคริสตัลสามตันโดยตรง

 

“เอาล่ะ สามตันครั้งที่หนึ่ง สามตันครั้งที่สอง สามตันครั้งที่สาม ปิดการประมูล พยัคฆ์หินเขี้ยวนี่เป็นของเจ้า” กระทิงสีครามก็ชี้ไปที่หญิงสาวของตระกูลปีก

 

“เย้” จากนั้นหญิงสาวของตระกูลปีกก็เดินไปลากพยัคฆ์หินเขี้ยวมา

 

นกอสูรทมิฬ “……………..”

 

เผยอี้ “………..”

 

“อันที่จริงนี่ก็ดีเหมือนกันที่พวกเราไม่ได้ถูกเลือก อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ได้ถูกขายออกไป”หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง นกอสูรทมิฬก็เริ่มเอ่ยขึ้นมา

 

เฝยอีก็พยักหน้า “พูดถูก ข้าก็มีความคิดเหมือนกัน ข้าไม่ต้องการที่จะถูกขายออกไป เพราะข้าไม่ต้องการกลายเป็นทาสรับใช้ของหญิงสาวบัดซบเหล่านี้ การที่ถูกพวกเธอชักใยบงการตามอําเภอใจนี่คือความอัปยศอดสูครั้งยิ่งใหญ่ เป็นการเหยียบย่ําศักดิ์ศรีของตระกูลเฝยอื่”

 

“บอกตามตรง ไม่ว่าไอ้บัดซบไหนที่ซื้อข้าไป มันจะเป็นการดีที่สุดหากจะสังหารข้าตั้งแต่วันแรก ไม่อย่างนั้นข้าจะทําให้อาณาเขตของเจ้านั่นถล่มทลาย ราบเป็นหน้ากลองเผชิญกับความสูญ เสียที่ร้ายแรงจนไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้อีก”

 

นกอสูรทมิฬก็เผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา มีสีหน้าที่ดุร้าย

 

“เอาล่ะ การประมูลต่อไป สิ่งโตเก้าเศียรมานี้ เริ่มการเสนอราคาได้”

 

กระทิงสีครามก็โบกมือออกไปและบอกให้สิงโตเก้าเศียรก้าวขึ้นมาแสดงตัวบนเวที

 

“นี่คือสิงโตเก้าเศียรรี? อืม มีพลังอํานาจที่ยอดเยี่ยมทีเดียว เพียงมองแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแรงงานชั้นยอด ข้าขอเสนอราคาเป็นข้าวคริสตัลห้าตัน”

 

“ข้าวคริสตัลเจ็ดตัน”

 

“แปดตัน”

 

“เก้าตัน!”

 

หญิงสาวแต่ละคนต่างก็มองไปที่สิงโตเก้าเศียรและเสนอราคาของตนเองออกไปทันที

 

“เอาล่ะ ข้าวคริสตัลเก้าตันครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ในเมื่อไม่มีใครเสนอราคาที่สูงกว่านี้แล้วก็ขอปิดราคาการประมูลที่เก้าตัน เจ้าสิงโตเก้าเศียรนี้เป็นของเจ้า”

 

กระทิงสีครามก็ประกาศผู้ชนะทันที

 

หญิงสาวของตระกูลหูแมวก็ตื่นเต้นอย่างมากและรีบเข้าไปดึงสิงโตเก้าเศียรมา

นกอสูรทมิฬ “………….”

 

เฝยอี่“

 

“อืม สิงโตเก้าเศียรนั่นคงจะไม่มีทางเลือกจริงๆ ถึงอย่างไรเจ้านั่นก็มีพละกําลังที่ แข็งแกร่งเกินไปทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังมีถึงเก้าศีรษะ ข้าก็เคยสงสัยว่าในศีรษะทั้งเก้าของมันจะมีกล้ามเนื้ออยู่หรือไม่ ไม่ว่าใครที่เห็นก็ย่อมรู้ได้ว่ามันเป็นแรงงานชั้นยอด มีพลังอํานาจที่มหาศาล”

 

นกอสูรทมิฬเอ่ยขึ้นมา

 

“ใช่ หากเป็นเรื่องกล้ามเนื้อละก็ คงจะไม่มีใครที่เทียบกับมันได้ การที่ซื้อมันไปตัวเดีย วก็เปรียบได้กับการซื้อตัวอื่นๆไปถึงสองตัว ไม่แตกต่างไปจากการซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง มีเพียงบุคคลโง่เขลาเท่านั้นที่จะไม่ซื้อมัน” เผยอี้พยักหน้า

 

นกอสูรทมิฬก็เอ่ยต่อ “บางที่ต่อให้จะต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดไปก็จะต้องซื้อมันให้ได้นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทําอะไรได้จริงๆ”

 

“ตอนนี้ข้าก็สงสัยอยู่เล็กน้อย เจ้ามนุษย์อู่ที่นั่นจะกักขังมันไว้อย่างไร หากเจ้านั่นต้อง การหลบหนีออกไปล่ะก็ต่อให้เป็นป้อมปราการก็ไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ ต่อให้เป็นดาวเคราะห์ก็จะต้องถูกมันเหวี่ยงออกไปอย่างง่ายดาย

 

เฝยอีกกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม

 

“เอาล่ะ ต่อไปเป็นมดทองคํา เริ่มการเสนอราคาได้”

 

กระทิงสีครามก็ประกาศอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเห็นมดทองคําเดินมา นกอสูรทมิฬและเฝยอี้ทั้งสองตัวก็เผยสีหน้าเย้ยหยัน พวกมันรีบยีนตัวตรงและผายอกออกมา เหมือนว่าจะรู้ความคิดของกันและกัน

 

“มดทองคํารี? ข้าต้องการ ข้าวคริสตัลสองตัน!”

 

หญิงสาวของตระกูลหูกระต่ายก็เริ่มเสนอราคาออกมา

 

“ราคาอยู่ที่ข้าวคริสตัลสองตัน ยังมีใครที่ต้องการเสนอราคาอีกรีไม่? สองตันครั้งที่หนึ่งครั้งที่สอง ครั้งที่สาม เอาล่ะ หากไม่มีใครเสนอราคาแล้ว ปิดการประมูลที่ราคาสองตันมดทองคํา นี่เป็นของเจ้าแล้ว”

 

กระทิงสีครามก็ประกาศผู้ชนะ

 

นกอสูรทมิฬ “

 

เผยอี้ “………..”

 

“ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติไป”

 

นกอสูรทมิฬก็จ้องมองไปที่เฝยอี้ มีสีหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างมาก

 

“ใช่ แปลกจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะเลือกทาสกันเช่นนี้บอกตามตรงกลุ่มคนเหล่านี้รู้จริงๆหรือไม่ว่าตนเองต้องการทาสแบบไหน?” เผยอี้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก

 

นกอสูรทมิฬก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่คาดคิดว่าจะเลือกมดทองคําแทนที่จะเลือกพวกเรา มาตรฐานการเลือกของพวกเธอช่างแปลกประหลาดเกินไปจริงๆ พวกเธอรู้หรือไม่ว่ามดทองคําสามารถทําอะไรได้บ้าง? พวกมันเป็นเพียงแค่มด จะสามารถทําอะไรได้ มีรูปร่างที่เล็กกระจิดเอาแต่กินทั้งวัน ไม่สร้างประโยชน์อะไร การซื้อพวกมันไปก็มีแต่จะขาดทุนเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอกําลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”

 

“ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้ ผมยาวแต่ประสบการณ์สั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก ต้องการเลือกตัวที่หน้าตาน่ารักไว้ก่อน ต้องการที่จะได้มาเป็นสัตว์เลี้ยง” เผยอี้ก็พูดอย่างเหยียดหยาม

 

“ทาสไม่ใช่สิ่งของประดับ การมีหน้าตาดีจะไปมีประโยชน์อะไรกัน สิ่งที่จําเป็นคือขนาดพลังอํานาจที่แข็งแกร่งและรู้จักอดทนต่อความยากลําบาก กลุ่มพวกผู้หญิงเหล่านี้ช่างอ่อนหัดไประสบการณ์เสียจริง”

 

นกอสูรทมิฬก็พูดอย่างไม่พึงพอใจ