กู้ชูหน่วนเอนร่างกายและนั่งลง

นางขมวดคิ้วแน่น กุมบาดแผลของตัวเองที่เริ่มเน่าเปื่อยเพราะถูกพายุฝนไว้แน่น

เลือดเนื้อนั้นยังคงปริแตก กระทั่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

กู้ชูหน่วนกวาดตามองผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยที่กำลังต่อสู้กับเถาวัลย์สีเลือดอย่างดุเดือดแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาจากวงแหวนอวกาศ กัดฟันกรอดพร้อมกับเทยาในขวดนั้นมาโปะลงเนื้อที่เริ่มเน่าเปื่อยของตัวเอง

“โอ๊ย…”

ต่อให้นางต้องทนอีกเพียงใด นางก็ยังทนต่อเจ็บปวดที่ร้าวร้านเข่นนี้ไม่ได้

เจ็บ……

เจ็บมาก

นางรู้สึกว่าเนื้อของตัวเองล้วนเน่าเปื่อยหมดแล้ว

“ตูม…”

ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน

กลิ่นอายแห่งจิตสังหารอย่างรุนแรงได้แผ่ขยายออกไปทั่วหุบเหวไร้ที่สิ้นสุด

ไม่รู้ว่าศีรษะของนางถูกเถาวัลย์สีเลือดล้อมรอบไว้ตั้งแต่เมื่อใด พายุฝนอันมืดสนิทและมีฤทธิ์กัดกร่อนได้ถูกเถาวัลย์สีเลือดขวางกั้นไว้ด้านนอก

เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยต่อสู้กับเถาวัลย์สีเลือดอย่างสูสี

กู้ชูหน่วนฝืนพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

นางหรี่ตาลงอย่างเย็นชา ดาบอ่อนได้ถูกดึงออกมาจากดอกดาบทั้งแปดอีกครั้ง จากนั้นก็โจมตีจุดฝังเข็มทั้งแปดแห่งของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย

ดั่งที่นางคาดไว้ อั้นเฮยหลบเลี่ยงดอกดาบทั้งแปดเหล่านั้นได้ ทำให้ใช้กระบวนสูญเปล่า อีกฝ่ายจึงพยายามจะฆ่านางก่อน

มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุกยิ้มอย่างโหดร้าย

นางได้วาดดาบออกไปนับหมื่นเล่ม จากนั้นก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกับดาบ ไม่ถอยแต่กลับเดินหน้า หอบเอาความคิดที่จะพินาศไปพร้อมกับผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย จากนั้นก็พุ่งชนเขาจนกระแทกกับหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดชั้นที่สิบแปด

นางไม่ได้ใช้กระบวนท่าอย่างสูญเปล่าเป็นครั้งที่สอง กระบวนท่าสุดท้ายคือการหอบเอาตั้งใจที่จะตายไปด้วย

สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ เถาวัลย์สีเลือดเหมือนจะตระหนักได้ว่าต้องร่วมมือกับกู้ชูหน่วน ในขณะเดียวกันพวกมันได้เปลี่ยนร่างออกมาเป็นเถาวัลย์จำนวนมาก ความมุ่งมั่นของเถาวัลย์ทุกเส้นไม่ใช่เพื่อสังหารผู้อาวุโสสู.สุดอั้นเฮย แต่เพื่อผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดชั้นที่สิบแปด

ภายใต้การโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยที่เหยียบย้ำอยู่บนอากาศ ในที่สุดก็ร่วงลงไป

แต่เขากลับคว้าเถาวัลย์สีเลือดอย่างรวดเร็ว และคิดจะไต่เถาวัลย์สีเลือดขึ้นมา

เถาวัลย์สีเลือดตัดตัวมันเอง ปฏิเสธไม่หผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยปีนป่ายขึ้นมาได้

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยฉวยโอกาสดุงเท้าของกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนพยายามเตะอย่างโหดเหี้ยมหลายครา แต่กลับไม่สามารถเตะผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยกลับลงไปได้

เครือเถาวัลย์ของเถาวัลย์สีเลือดจึงกลายเป็นใบมีด จากนั้นก็แทงซ้ำแล้วซ้ำเล่าลงบนร่างกายของผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮย แต่ก็ถูกเขาจัดการจนร่วงไปเรื่อย ๆ

กู้ชูหน่วนกัดฟันกรอด นางช่างโหดร้าย ยกดาบอ่อนของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็ฟันขาของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เพื่อฆ่าข้า แม้แต่ขาของตัวเองก็ไม่ต้องการแล้วเช่นนั้นสิ”

“ตัดขาตัวเองหนึ่งข้าง แต่สังหารยอดฝีมือชั้นสูงสุดระดับหกได้ การแลกเปลี่ยนนี้ ถือว่าคุ้มค่า”

กล่าวจบ นางก็ฟันขาอย่างไม่ลังเล

แทบจะในเวลาเดียวกัน เถาวัลย์สีเลือดนั้นโกรธเกรี้ยว เครือเถาวัลย์ได้เกิดการระเบิดจนเกิดเสียง ‘ปัง ปัง’ เลือดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้ทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก

เมื่อโดนเลือดนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยก็เจ็บปวดรวดร้าว จนมือที่จับเท้าของกู้ชูหน่วนไว้ก็ได้คลายออกอย่างอดไม่ได้

ฝนของเขาก็มีฤทธิ์กัดกร่อนเช่นกัน

แต่ฝนของเขาต้านทานเลือดทั้งหมดไม่ได้ เลือดที่หยดลงบนตัวของเขาทำให้เลือดเนื้อของเขาเน่าเปื่อยทันที

“อ๊าห์……”

ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยตกลงไปในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดชั้นที่สิบแปด

เขาเพิ่งตกลงไปได้ไม่นาน มีเสียงระเบิด เสียงคำรามรวมทั้งเสียงต่อสู้ของอสูรกายนับหมื่นก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง

เหวไร้ที่สิ้นสุดขนาดมหึมาได้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับดูเหมือกำลังขุดเจาะถนนอย่างไรอย่างนั้น

กู้ชูหน่วนเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก

แต่ที่แย่หน่อย ขาของนางพิการแล้ว

เมื่อได้ยินเสียงคำรามอย่างต่อเนื่องจากเบื้องล่าง นางก็พลันตื่นตกใจ จะพยายามจะระงับความกลัว ตะเกียกตะกายปีนเถ้าวัลย์สีเลือดขึ้นมาอย่างทุลักทุเล

“พลั่ก……”

นางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความเหนื่อยหอบ

เสียงคำรามของสัตว์ร้ายยังคงดังอยู่ข้างหู

นางได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็กลับมาสู่ความว่างเปล่าวอีกครั้ง

หลังจากรอเนิ่นนาน กู้ชูหน่วนไม่ได้รอให้ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยหนีออกมา เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างเมื่ออยู่ด้านล่าง ถูกสัตว์ร้ายกลืนเข้าไปหรือไม่

กู้ชูหน่วนก้มหน้าลง มองบาดแผลของตัวเอง ทั่วทั้งร่างกายของนางแทบจะเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ ร่างกายเหมือนจะระเบิด

ด้วยบาดแผลที่มากมายเพียงนี้ ทำให้นางพันแผลไม่ได้ ซึ่งนางก็ไม่มีแรงจะพันผ้าพันแผลด้วย

นางได้แต่ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนั้น

ตอนนี้ด้านล่างกลับมาสงบแล้ว ไร้ซึ่งเสียงใด หากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน มีความเป็นไปได้ผู้อาวุโสสูงสุดอั้นเฮยอาจตายอยู่ในเหวไร้ที่สิ้นสุดชั้นที่สิบแปด

กู้ชูหน่วนถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย แต่ร่างกายคงฝืนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว

เนื่องจากเสียเลือดมาก นางจึงได้สลบไป

ในตอนที่นางตื่นขึ้นมา ก็อยู่ในเส้นทางลับแล้ว

ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและคนอื่น ๆ ล้อมนางไว้ เมื่อเห็นนางฟื้น ก็พาส่งเสียงโห่ร้อง

“อาหน่วน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที แต่เจ้าทำข้ากลัวแทบแย่ รู้ไหมว่าในตอนที่ข้าเห็นเจ้า ข้าเกือบเป็นลมเลยนะ”

“อาหน่วน ร่างกายยังเจ็บอยู่หรือไม่? อยากกินอะไร ผู้อาวุโสหกจะไปทำให้เจ้ากิน”

“ผู้อาวุโส ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? รู้สึกแน่น ๆ บ้างหรือไม่”

สมองของกู้ชูหน่วนเกิดเสียงวิ้ง ๆ

นางขยับเล็กน้อย ร่างกายกลับรู้สึกเจ็บปวดราวกับกำลังจะแตกกระจาย

ภาพก่อนที่จะสลบไปนั้นได้ประทับอยู่สมองของนาง

นางจำได้ว่านางสลบอยู่ในเหวไร้ที่สิ้นสุดชั้นที่สิบเจ็ด เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่?

“ที่นี่ที่ไหน ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

เหตุใดนางรู้สึกเหมือนอยู่ในหลุมของตัวเอง?

“นี่คือเส้นทางลับ จากที่นี่แล้วเดินตรงไปตลอด เราจะออกจากเผ่าหยกได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์และเถาวัลย์สีเลือดพาเจ้ามาส่ง”

เสียงเคลื่อนไหวของหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดนั้นใหญ่มาก พวกเขาทั้งหมดรู้สึกได้

ก่อนหน้านั้นเคยคิดที่จะไปสนับสนุน เห็นได้ชัดว่าใจมีเหลือแต่แรงไม่พอ พวกเขาต่างถูกขัง ย่อมออกไปไม่ได้

ในตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาส่งนาง พวกเขาคิดว่าเผ่าของเราไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเติบโตต่อแล้ว

“ไปจากเผ่าหยกสิ?”

กู้ชูหน่วนตกตะลึงครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น เผ่าหยกล่มสลายแล้วหรือ?”

ผู้อาวุโสทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง

ไม่นาน ผู้อาวุโสคนหกได้กล่าวอย่างสบาย ๆ ว่า “อาหน่วน เจ้าเก่งกาจ แม้แต่ผู้อาวุโสอั้นเฮยผู้ไม่มีวันตาย ยังต้องมาตายด้วยเงื้อมมือของเจ้าเลย”

“เข้าเรื่องเถอะ”

“ประเด็นก็คือ ยอดฝีมือสูงสุดจำนวนห้าคนที่เผ่าเพลิงฟ้าส่งมาครั้งนี้ หนึ่งในนั้นอาจเป็นเงาอดีตก็ได้”

“มารดาของเยี่ยจิ่งหาน?”

“ใช่… นางคุ้นเคยกับเผ่าหยกอย่างดี นางทำลายค่ายกลพิฆาตของเราครั้งแล้วครั้งเล่า ปล่อยผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเผ่าเพลิงฟ้าออกมา นำกำลังหลักออกจากหุบเขาผีเสื้อสังหาร”

ผู้อาวุโสหกและคนอื่นๆ ทุบกำแพงด้วยความเกลียดชัง

พวกเขาควรจะฆ่านางให้รู้แล้วรู้รอด

ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ครั้งนี้เผ่าเพลิงฟ้าจะหลบหนีออกมาอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

“พวกเจ้าแน่ใจนะว่านางคือเงาอดีต?”

“นอกจากนางแล้วมีใครอีกหล่ะ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่มันก็น่าจะจริงสักแปดถึงเก้าส่วนแหละ”

“นั่นนะสิ ไม่ว่าจะความสูง กิริยา หรือระดับความสนิทกับเผ่าหยก มีเพียงนางเท่านั้นที่ทำได้”

กู้ชูหน่วนนั่งไม่ติดอีกต่อไป

“แล้วผู้อาวุโสเทียนไท่ซั่งติดตามท่านผู้อาวุโสสูงสุด เหตุใดถึงไม่เจอพวกเขา?”

สองคนนี้มักจะสนใจนางมากที่สุด

ไม่มีทางหายตัวไปง่าย ๆ

เว้นแต่จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

“ผู้อาวุโสเทียนไท่ซั่งเกือบจะสังหารอมตะแห่งเผ่าเพลิงฟ้าไปเสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าเงาผู้นั้นได้ปล่อยตาเฒ่าเสวี่ยเย่ออกมา ยอดฝีมือระดับหกทั้งสามคนรุมผู้อาวุโสไท่ซ่างเพียงคนเดียว จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่น ๆ พร้อมใจกันช่วยเหลือ เกรงว่าผู้อาวุโสสูงสุด…”

“แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสไท่ซั่งก็สู้ตาย จัดการสังหารตาเฒ่าอมตะแห่งเผ่าเพลิงฟ้า”

“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ผู้อาวุโสไทซั่งกำลังรักษาอาการให้แก่ผู้อาวุโสสูงสุด ไป๋เฉ่าเคยกล่าวไว้ ตราบใดที่พวกเขายังดูแลได้ดี ชีวิตนี้ของพวกเจ้าก็ย่อมรักษาไว้ได้”

กู้ชูหน่วนลูบมันเล็กน้อย

“ยอดฝีมือสูงสุดระดับหกที่เผ่าเพลิงฟ้าส่งมาเป็นจำนวนห้าคน สองในห้าถูกผู้อาวุโสสูงสุดฆ่าตาย หนึ่งคนถูกขังอยู่ในหุบไร้ที่สิ้นสุด ตอนนี้ยังเหลือยอดฝีมือสูงสุดระดับหกอีกสองคน?”

“ก็ไม่เชิง”