ตอนที่ 434 ค่ำคืนก่อนวันอภิเษกสมรส

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 434 ค่ำคืนก่อนวันอภิเษกสมรส

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่เก้า เดือนสิบเอ็ด วันที่สิบห้า

ฮ่องเต้ทรงประกาศให้องค์หญิงเก้าหยูเวิ่นหวินอภิเษกสมรสกับฟู่เสี่ยวกวน ในขณะเดียวกันก็ทรงประทานเกียรติยศที่ฟู่เสี่ยวกวนได้อุทิศตนเพื่อเขตผิงหลิง ดังนั้นจึงประทานให้ต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวแต่งงานกับฟู่เสี่ยวกวนในฐานะภรรยาเท่าเทียมกัน ! งานอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นในวันที่สิบแปดเดือนสิบสองนี้ ณ พระราชวังหลวงด้วยความเรียบง่าย งดจัดพิธีการทุกสิ่ง แต่สินสอดและสิ่งจำเป็นต่าง ๆ ยังคงจัดหาตามเดิม…”

ประกาศนี้ทำให้เมืองจินหลิงฮือฮาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผู้คนทั้งหลายต่างก็พากันดีอกดีใจ แต่เขาก็ได้ทำให้สตรีกลุ่มใหญ่เศร้าใจมากยิ่งนัก

“ฟู่เสี่ยวกวนจะแต่งงานแล้ว ! ”

“เขาสู่ขอภรรยาถึง 3 คน ! ”

“แต่ก็มิมากเท่าบิดาของเขา บิดาของเขานั้นในปีที่แล้วแต่งภรรยาทีเดียวถึง 5 คนเชียว ! ”

“การจะแต่งภรรยามิได้วัดกันที่จำนวน ภรรยาทั้งห้าของบิดาเขา จะสู้สามคนนี้ได้เยี่ยงไรกัน ? องค์หญิงเก้า คุณหนูตระกูลเยี่ยนของท่านอัครมหาเสนาบดีเยี่ยน และคุณหนูตระกูลต่งของท่านเสนาบดีต่งแห่งกรมคลัง เป็นสาวงามทั้งสามแห่งเมืองหลวงเชียว ! พวกนางถูกฟู่เสี่ยวกวนคว้าไปทั้งหมด…นี่มันช่างมิยุติธรรมเอาเสียเลย ! ”

“หากสวรรค์มิส่งฟู่เสี่ยวกวนลงมาเกิด ใต้หล้านับพันปีคงเป็นดั่งค่ำคืนที่ยาวนาน เขาเป็นถึงฟู่เสี่ยวกวน เจ้าเป็นผู้ใดกัน ! ”

“แต่ว่าพิธีอภิเษกสมรสนั้นมิเรียบง่ายไปหน่อยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ฟู่เสี่ยวกวนมีเรื่องให้ต้องจัดการเสียมากมาย”

“เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ ต่อให้วุ่นอีกสักเล็กน้อยก็ควรจะจัดให้ครึกครื้นสักหน่อยมิใช่หรือ”

“ช่างเถิด เอาเป็นว่าถึงเวลาแล้วส่งของขวัญไปที่จวนฟู่ก็พอ”

“มองดูแล้วคงต้องเป็นเช่นนั้น”

ราษฎรในเมืองหลวงและลูกศิษย์ในสำนักศึกษาพากันวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้ แต่ในท้ายที่สุดก็ยังมิเข้าใจว่าเหตุใดงานอภิเษกที่คิดว่าจะยิ่งใหญ่อลังการ จึงได้จัดเรียบง่ายถึงเพียงนี้

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้อยู่นิ่ง จากขอบเขตการจัดงานอภิเสกสมรสในครานี้ เขาเหมือนเอาเปรียบสตรีทั้งสาม ดังนั้นเขาจึงต้องทำบางอย่างเพื่อชดเชยให้งานอภิเษกสมรสในครานี้ให้มีความหมายขึ้นมา

ดังนั้นเขาจึงได้กำชับกับสำนักอาวุธปืนที่ซีซานว่าให้หยุดผลิตดินปืนเสียก่อน เนื่องจากเขาต้องการพลุ !

ฉินเฉิงเย่รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก เขากำลังจะทำการทดลองบรรจุกระสุนหลังยิง แต่เจ้าฟู่เสี่ยวกวนนั่นกลับสั่งให้สำนักปืนทั้งสำนักหยุดการผลิตแล้วมาทำพลุ !

อีกทั้งยังต้องการพลุต่าง ๆ มากมายมิซ้ำกันอีกด้วย !

นี่เขากำลังทำการสิ้นเปลืองเหมือนกับการเอาปืนใหญ่ยิงยุงอยู่หรือไม่ ?

แต่ทว่าเขาเป็นคุณชายของที่นี่ คำเอ่ยของเขาถือเป็นที่สิ้นสุด ดังนั้นจึงทำได้เพียงหยุดผลิตดินปืนแล้วหันมาผลิตพลุกับดอกไม้ไฟแทน

พลุเหล่านั้นถูกนำส่งไปยังเมืองจินหลิงโดยขนส่งซีซานอย่างมิขาดสาย

ส่วนบอลลูนที่ผลิตออกมาตั้งแต่แรกนับร้อย ก็ได้ถูกฟู่เสี่ยวกวนเอาไปจนหมดสิ้น เอาเถอะ มิรู้ว่าเขาจะทำสิ่งใด ดังนั้นฉินเฉิงเย่ที่บัดนี้มิมีสิ่งใดให้ทำจึงเดินทางมากับขนส่งซีซานเพื่อกลับไปยังเมืองจินหลิง

บัดนี้เหลือเวลาอีกสามวันก่อนจะถึงวันอภิเษกสมรส จวนฟู่ ณ เมืองจินหลิงได้ถูกบ่าวรับใช้เก็บกวาดเสียจนสะอาดสะอ้าน ประดับตกแต่งอย่างสมเกียรติ เนื่องจากผู้ที่เป็นเจ้าของที่แห่งนี้กำลังจะอภิเษกสมรสแล้ว แม้ว่านายหญิงน้อยทั้งสามนั้นพวกเขาจะเคยพบมาก่อน แต่ทว่าในครานี้เป็นการแต่งงาน หาได้เหมือนการพบเจอทั่วไปไม่

พวกนางกำลังจะเป็นเจ้าของจวนนี้ และในภายภาคหน้า พวกนางจะพักอาศัยอยู่ที่นี่

ฟู่เสี่ยวกวนนอกเหนือจะทำพลุและบอลลูนแล้ว เขาก็คิดมิออกว่าควรจะทำสิ่งใดอีก เขาหมดหนทางแล้วอย่างแท้จริง เนื่องจากในชาติที่แล้วตนก็มิเคยแต่งงาน ในชาตินี้เลยมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไร

ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าให้จัดงานอย่างเรียบง่าย ในสายตาของฟู่เสี่ยวกวนนั่นก็คือ เมื่อถึงเวลาที่วางไว้ ตนก็เดินทางไปสู่ขอแม่นางทั้งสามคน จากนั้นก็กลับมายังจวนฟู่ แล้วจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ เพื่อเฉลิมฉลองกับสหาย เท่านี้ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น

ดังนั้นบัดนี้เขาจึงได้นั่งเหม่อลอยอยู่ที่ศาลาเถาหราน เขากำลังหารือกับฉินเฉิงเย่เรื่องปัญหาในการปรับปรุงปืนคาบศิลา

“เจ้าจงดูสิ่งนี้…”

ฟู่เสี่ยวกวนหยิบปืนพกออกมาวางไว้ในมือ ปืนกระบอกใหญ่นั้นอยู่ที่ซูเจวี๋ย ซึ่งปืนกระบอกใหญ่ยังมิได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในยุคนี้ สำหรับปืนกระบอกเล็กมีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากช่างเหล็กโจวได้ผลิตเหล็กขึ้นมาได้

ฉินเฉิงเย่รับไปดู ความรู้สึกแรกของเขาก็คือเจ้าสิ่งนี้มีขนาดเท่าฝ่ามือแต่กลับหนักอึ้ง ต่อจากนั้นเขาก็ได้ตกตะลึงเสียยกใหญ่ เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้ช่างละเอียดประณีตมากยิ่งนัก มิว่าจะเป็นการออกแบบหรือประดิษฐ์ ช่างงดงามมากยิ่งนัก !

เมื่อเปรียบเทียบกับปืนคาบศิลาของตนแล้ว… ฉินเฉิงเย่รู้สึกเริ่มท้อแท้ เขาเอ่ยถามขึ้นมาว่า “สิ่งนี้…ถูกทำขึ้นมาจากที่ใด ? ”

“ช่างตีเหล็กจากราชวงศ์ก่อน เขาจากไปนานแล้ว จึงได้ขาดผู้สานต่อ เจ้าลองดูว่าสามารถทำออกมาได้หรือไม่ เจ้าจงดูกลไกนี่ ข้างในเป็นโครงสร้างแบบเกลียว ทักษะเช่นนี้เจ้ามีวิธีจัดการหรือไม่ ? ยังมีกระสุนนี่อีก มันมิจำเป็นต้องใส่ดินระเบิด แต่บรรจุใส่รวมกันแทน”

ฉินเฉิงเย่จับปืนกระบอกนั้นพลิกไปพลิกมาสักพักก่อนจะกล่าวว่า “วัสดุนี้ ต่อให้เป็นเหล็กของภูเขาเฟิ่งหลิน เกรงว่าก็คงใช้มิได้”

“ดังนั้นหลังจากข้าอภิเสกสมรสเรียบร้อยแล้ว เจ้าจงเดินทางไปยังเขตผิงหลิง ไปหาโรงตีเหล็กโจวจี้ เขาได้ผลิตเหล็กที่มีคุณภาพดีกว่าออกมาแล้ว”

“จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฉินเฉิงเย่เอ่ยถามด้วยความดีใจ เนื่องจากเขาได้ทำการวิจัยที่ภูเขาซีซานมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว เขารู้ดีกว่าผู้ใดว่าการจะผลิตอาวุธที่ดีได้ วัสดุที่คุณภาพสูงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เดิมทีเหล็กที่ภูเขาเฟิ่งหลินนั้นก็ได้ทำให้เขาตื่นตาตื่นใจมากโขแล้ว แต่ทว่าบัดนี้ได้ยินฟู่เสี่ยวกวนกล่าวว่าที่โรงตีเหล็กเขตผิงหลิงมีเหล็กที่ดีกว่านี้

เขาจึงได้ลุกขึ้นแล้วส่งปืนคืนให้กับฟู่เสี่ยวกวน “งานอภิเษกสมรสของเจ้านั้นข้าจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นก็ไร้ซึ่งผลกระทบใด ๆ ข้าจะต้องไปแล้ว ข้าขอให้เจ้ามีความสุขกับชีวิตครอบครัวล่ะ”

ฉินเฉิงเย่กล่าวจบก็ได้เดินทางจากไปทันที ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงไปทันพลันแล้วส่ายหัว เขาหัวเราะแล้วเอ่ยกับตนเองว่าเจ้าหมอนี่จะต้องผลิตปืนออกมาได้เป็นแน่ !

เมื่อฟู่เสี่ยวกวนเก็บปืนพกนี้ลงไป ขันทีเจี่ยก็ได้เดินจ้ำอ้าวเข้ามาด้วยท่าทีขุ่นเคือง

เขาเงยหน้ามองดูและพบว่าฟู่เสี่ยวกวนกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่ศาลาเถาหราน… แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์แต่ก็อดมิได้ที่จะใจร้อน “ไอหยา ! ให้ตายสิคุณชายของข้า นี่เป็นเวลากี่ยามแล้ว ยังมีอารมณ์มานั่งเล่นอยู่ที่นี่อยู่อีกเยี่ยงนั้นหรือ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงทันพลัน “ขันทีเจี่ยมิใช่ว่ายังมีเวลาเหลืออีก 3 วันเยี่ยงนั้นหรือ ? อีกอย่างบัดนี้พวกนางก็อยู่ในจวนของตนเอง และมิให้ข้าเข้าพบพวกนาง ข้ายังจะต้องทำสิ่งใดอีกกันเล่า ? ”

“ไป ๆ ๆ ไปกับข้าน้อยเถิด”

“ไปที่ใดกัน ? ”

“วัดตัวท่านน่ะสิ ! ชุดของเจ้าบ่าวจะต้องตัด 2 ชุด องค์หญิงเก้า คุณหนูจวนเยี่ยน และจวนต่งจะแต่งเข้ามาที่นี่ เจ้าคงต้องเชิญแขกด้วยมิใช่หรือ”

ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดดู อืม จริงสิ ! จะต้องตัดชุดเจ้าบ่าว เพียงแต่… “ขันทีเจี่ย ข้านั้นมีแขกเพียงมิกี่คนที่ตั้งใจจะเชิญมา ข้ามิได้ส่งหนังสือเชิญไปด้วยซ้ำ ถ้ามีคนมา ข้าก็เพียงแค่จัดเลี้ยงสักสี่ห้าโต๊ะก็คงเพียงพอแล้วมิใช่หรือ ? ”

ขันทีเจี่ยโมโหเสียจนแทบคลั่ง เขาลอบคิดในใจว่า ให้ตายสิ ! แม้แต่ข้าที่เป็นขันทียังรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร แต่เจ้าหมอนี่กลับสะเพร่าถึงเพียงนี้

“เนื่องจากเจ้านั้นมิได้ส่งหนังสือเชิญไปที่ใดสักฉบับ ดังนั้นจึงจะมีคนจำนวนมากเดินทางมา… จัดซื้อตอนนี้ยังคงทันการ เพียงแต่ว่าพ่อครัวนั้นคงจะต้องให้คุณชายไปเชิญมาจากหอซื่อฟาง”

นี่มิใช่เรื่องยากอันใด ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะหึ ๆ แล้วเรียกเสี่ยวฉีเข้ามา กำชับให้นางไปแจ้งเรื่องนี้แก่หอซื่อฟาง เมื่อถึงวันงานให้หอซื่อฟางส่งพ่อครัวและเสี่ยวเอ้อมาช่วยงานที่จวนฟู่

“ขันทีเจี่ย ท่านอย่าได้โมโหไป ข้าเพิ่งแต่งงานคราแรก หาได้มีประสบการณ์ไม่ คราที่สองคงมิวุ่นวายเช่นนี้เป็นแน่ ! ”