ตอนที่ 749 ชนเผ่าโบราณ
ฉินหยุนนิ่งอึ้ง เขาเพิ่งอาบน้ำชำระกายเสร็จ แต่แล้วกะทันหัน กิ้งก่า
ยักษ์มีปีกได้ร่วงหล่นลงมา เดิมเขาคิดว่าจะได้มื้ออาหาร เป็นเขาไม่
คาดคิด ว่าจากอาหารจะกลับกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนตรงหน้า
“อย่าได้คิดแตะต้องเหยื่อของพวกเรา มันทำพวกเราเสียเวลานับเดือน
กว่าจะจับตัวได้!” ชายวัยกลางคนกล้ามใหญ่ร้องตะโกนบอกต่อฉิน
หยุน “เร่งรีบถอยห่างจากเหยื่อของเรา!”
ฉินหยุนมองกลุ่มคน พบว่าเรื่องราวชวนประหลาด
เพราะกลุ่มคนที่ปรากฏตัวนี้ ไม่มีผู้ฝึกตนวิถียุทธ์แห่งเต๋า กระนั้น
ร่างกายพวกเขาแข็งแกร่งยิ่ง พิจารณาจากความผันแปรทางพลัง
กล่าวได้ว่าทัดเทียมขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
“ข้านึกว่ามันหล่นลงมาเอง! ในเมื่อมีเจ้าของ ข้าย่อมไม่แตะต้อง!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว ก่อนจะถอยห่างออกจากมังกรกิ้งก่าตัวนั้น
“ต่อให้เจ้าคิดอยากแตะต้อง เจ้าก็ไม่มีกำลังพอให้ทำ! คนเถื่อนเช่น
เจ้าถือกำเนิดมาอ่อนแอ พวกเราไม่ว่าผู้ใดล้วนเอาชนะเจ้าได้!” ชาย
หนุ่มคนหนึ่งเผยสีหน้านึกรังเกียจแค่นเสียงกล่าวคำ
ฉินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาถึงขั้นถูกเรียกหาเป็นคนเถื่อน!
“พวกเจ้าไล่ล่าเจ้าตัวนี้นานนับเดือนอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนเบ้ปาก
กล่าวคำ “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าอ่อนแอกันหรือไร!”
“เจ้าจะทราบอันใด? ข้าและผู้อื่นที่นี้เพียงนักรบลึกล้ำระดับต้นและ
กลาง ทว่ามังกรกิ้งก่าตัวนี้ มีกำลังทัดเทียมนักรบลึกล้ำระดับสูง!”
ชายหนุ่มแค่นเสียงกล่าว “ยืนอยู่ที่ตรงนั้น หยุดกล่าววาจา! ที่เจ้าทำ
ได้คือเพียงรับชม!”
“อย่าได้กังวล พวกเราจะเหลือเศษเดนไว้ให้เจ้า!”
“พวกเราย่อมไม่โหดร้าย จะเหลือเลือดและเนื้อไว้สักหนึ่งร้อยจิน
ให้แก่เจ้า!”
“คนเถื่อน เจ้าคงหวาดกลัวต่อกำลังพวกเราแย่แล้วกระมัง!”
ฉินหยุนไม่ทราบควรกล่าวอันใดดี อันที่จริงเขารู้สึก ว่าคนกลุ่มนี้
เรียบง่ายและซื่อตรง ทว่าไม่น่ารักไปบ้าง เพราะพวกเขายังมีน้ำใจคิด
แบ่งเนื้อส่วนหนึ่งให้แก่เขา
“เสี่ยวหยุน คนกลุ่มนี้ต้องเป็นชนพื้นเมืองที่นี่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ลองดูว่าเจ้าสามารถสนิทสนมกับกลุ่มพวกเขาได้หรือไม่ บางทีเจ้า
อาจได้ทราบวิธีการออกไปจากเขตแดนอ้างว้างนี้จากพวกเขา!”
กลุ่มชนพื้นเมืองเหล่านี้เปลือยกายท่อนบน ท่อนล่างเพียงสวมใส่
หนังสัตว์รัดพันเอาไว้อย่างหยาบกร้าน ทั้งยังมีธนูและกระบี่แบก
หามไว้ด้านหลัง รวมถึงที่เอวมีมีดสั้น
ชั่วขณะนี้ พวกเขาต่างลงมือใช้กระบี่เริ่มหั่นเนื้อหนังมังกรกิ้งก่าร่าง
ยักษ์
กลุ่มชนพื้นเมืองนับสิบเหล่านี้ไม่มีอุปกรณ์วิเศษมิติเก็บของใด
ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยแผ่นไม้ขนาดใหญ่ วางเนื้อสัตว์เอาไว้ด้านบน
พร้อมผูกมัดและลากไป
ฉินหยุนรับชมพวกเขาตัดกันเชื่องช้าใจเย็นถึงกล่าวถาม “มิตรสหาย
พวกท่านเฉือนหั่นมันได้เชื่องช้านัก ให้ข้าช่วยหรือไม่?”
“ย่อมไม่ เจ้าเพียงรอที่ตรงนั้น พวกเราย่อมรักษาสัญญา จะมอบเนื้อ
ส่วนหนึ่งให้แก่เจ้า!” ชนพื้นเมืองวัยกลางคนกล่าวตอบ จากนั้นจึงส่ง
เลือดมาถ้วยหนึ่งและกล่าว “หากเจ้าหิว เช่นนั้นรับไปดื่ม!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “ข้าไม่ดื่มของเช่นนี้!”
ชนพื้นเมืองคนหนุ่มก้าวเดินเข้ามา สายตามองฉินหยุนอย่างนึกสงสัย
เขากล่าวถาม “คนเถื่อน เจ้าดูผอมแห้งนัก หรือเจ้ากลัวพวกเราจนไม่
กล้าเผ่นหนีกัน?”
“ไม่ใช่ ข้าเพียงคิดอยากทดลองเนื้อมังกรกิ้งก่านั่น!” ฉินหยุนยิ้มแย้ม
“เหตุใดจึงเรียกหาข้าเป็นคนเถื่อน? ข้าหาได้มีอันใดผิดแผกจากพวก
ท่านไม่!”
“เจ้าเป็นคนนอก! คนเถื่อนจากภายนอกเช่นเจ้าคือผู้ที่ทำให้โลกของ
เราต้องเสียหาย!” ยามเมื่อคนหนุ่มชนพื้นเมืองกล่าวถึงเรื่องนี้ เขา
กราดเกรี้ยวไม่ใช่น้อย “พวกเราอยู่กันดีแล้ว จากนั้นพวกเจ้าได้
ปรากฏตัวขึ้น ทำให้โลกของพวกเรามีแต่ความโกลาหล!”
ฉินหยุนนำกระบี่ออกมา ฝูงชนแตกตื่นพร้อมตั้งระวัง ชนพื้นเมืองวัย
กลางคนกว่าสิบที่รับหน้าที่คุ้มกัน พลันเร่งรีบนำเอาคันธนูออกมาชี้
ทางฉินหยุน
“มิตรสหาย ข้าหาได้ใช่คนเถื่อน ข้าเพียงเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อไม่นานมา
นี้!” ฉินหยุนโบกมือพร้อมกล่าว “ข้าเพียงรู้สึกว่าความเร็วที่พวกท่าน
เฉือนหั่นเนื้อเชื่องช้าเกินไป เพราะเหตุนั้นข้าจึงคิดให้หยิบยืมกระบี่
นี้ใช้งาน!”
เขาปักกระบี่ไว้กับพื้น
ดวงตาชาวพื้นเมืองวัยกลางคนสว่างวาบยามได้เห็น เขากล่าว “กระบี่
นี้คมยิ่ง!”
เขาเร่งรีบหยิบกระบี่ขึ้นมา พร้อมเข้าไปเฉือนหั่นเนื้อมังกร มันตัด
เนื้อหนังได้ง่ายดายราวเต้าหู้ เป็นผลให้กลุ่มชนพื้นเมืองเหล่านี้ร้อง
ออกอย่างตระหนกตกใจ
ชาวพื้นเมืองวัยกลางคนยินดียิ่ง เขาเร่งรีบตัดเนื้อมังกรกิ้งก่าและ
กล่าวขอบคุณต่อฉินหยุน ทั้งยังสัญญาว่าจะมอบเนื้อหนึ่งพันจินให้
ฉินหยุนทราบแต่แรก ว่ากระบี่ของชาวพื้นเมืองเหล่านี้แทบไร้ซึ่ง
ความคม พวกมันดูคม กระนั้นกลับไม่มีอักขระใดคงอยู่ นอกจากนี้
แล้ว วัสดุที่ใช้สร้างขึ้นก็ไม่ได้ดีเท่าใดนัก
“ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ ปกติคงอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
พวกเขาไม่อาจใช้พลังธาตุ ดังนั้นจึงไม่มีไฟเพื่อขัดเกลาวัสดุอุปกรณ์
กระทั่งว่ามีวัสดุที่ดี ก็ยังต้องใช้เวลายาวนานเพื่อหลอมพวกมัน!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“หากเป็นอย่างนั้น ข้ามอบกระบี่นั่นให้แก่หัวหน้าพวกเขา อย่างนี้จะ
ได้เป็นโอกาสให้ติดตามพวกเขากลับไปได้!”
กระบี่เล่มนั้นเพียงแค่อุปกรณ์ลึกล้ำ มันเป็นสิ่งที่ฉินหยุนหยิบฉวย
จากผู้อื่นที่สังหารมา
ไม่ช้า กลุ่มชนพื้นเมืองเหล่านี้จึงเฉือนเนื้อกันเรียบร้อย พร้อมคิดลาก
พวกมันกลับไป
ผู้นำกลุ่มส่งกระบี่คืนกลับให้แก่ฉินหยุนด้วยสองมือ แม้เป็นเช่นนี้
ทว่าเขาไม่คิดครอบครองสิ่งของของผู้อื่น แม้ว่าจะอยากได้มันเป็น
ล้นพ้นก็ตามที
ตอนนี้ ชนพื้นเมืองเหล่านี้หาได้ปรามาสต่อฉินหยุนดังเช่นก่อนหน้า
เมื่อพวกเขามองฉินหยุน สายตานั้นมีแต่ความนับถือ
อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็กล้าที่จะให้พวกเขาหยิบยืมกระบี่อันล้ำค่า นี่
ถือเป็นการกระทำที่ผ่าเผย ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกเขาคงต้องใช้เวลา
ยาวนานเพื่อเฉือนเนื้อ
ฉินหยุนย่อมได้เห็น ว่าบนพื้นมีกระบี่มากมายได้รับความเสียหาย
จากการพยายามหั่นเนื้อมังกรกิ้งก่า หากพวกเขายังทำแบบนั้นต่อ คง
ต้องสิ้นเปลืองกระบี่เพิ่มมากขึ้น
“พี่ชาย เพื่อขอบคุณที่มอบเนื้อให้แก่ข้า กระบี่นั้นข้ามอบให้แก่ท่าน
แล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
กลุ่มชนพื้นเมืองถึงกับนิ่งอึ้ง!
“นี่… นี่ล้ำค่าจนเกินไป ข้าเพียงตอบแทนด้วยเนื้อสัตว์หนึ่งพันจิน
เท่านั้น!” ผู้นำกลุ่มวัยกลางคนพบว่าเรื่องราวยากเกินจะเชื่อ
“จริงด้วย พวกท่านไม่ต้องการกระดูกใช่หรือไม่? พวกมันมีประโยชน์
แก่ข้านัก! ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนไปก็แล้วกัน!”
ฉินหยุนเผยยิ้มกล่าวคำ เขาก้าวเดินไปเก็บโครงกระดูกเหล่านั้นมา
สำหรับเขา พวกมันคือวัสดุสำหรับใช้ขัดเกลาอุปกรณ์
ยามเมื่อพวกเขาได้เห็นฉินหยุนเก็บโครงกระดูกใหญ่ยักษ์ในพริบตา
ชนพื้นเมืองเหล่านี้ถึงขั้นพูดกล่าวไม่ออก
“โปรดรับกระบี่นั่นไว้แล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะกล่าว
“อย่างนั้น ข้าก็ต้องขอขอบคุณต่อมิตรสหายแล้ว!” ผู้นำกลุ่มวัย
กลางคนเผยรอยยิ้มออกมา
“พี่ชาย ข้าไม่มีที่ไปอยู่พอดี ข้าพอจะไปเป็นแขกของพวกท่านได้
หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ยินดีต้อนรับแล้ว ผู้นำเผ่าของพวกเราต้องยินดีต้อนรับเช่นเดียวกัน!”
ผู้นำกลุ่มวัยกลางคนกล่าวคำตอบรับ
ชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ไม่ได้ไร้อารยะ เมื่อพวกเขาได้เห็นฉินหยุนส่ง
มอบของขวัญ พวกเขาจึงดูแลเขาประหนึ่งเป็นพวกเดียวกัน
ฉินหยุนลอบถอนหายใจโล่งอก หากชนพื้นเมืองกลุ่มนี้ได้พบผู้อื่น
เช่นนั้นอาจถูกล้างสังหาร ยกตัวอย่างก็เช่นกลุ่มคนของเฉียหยิ่ง
ฉินหยุนติดตามชนพื้นเมืองเหล่านี้กลับไป ทั้งยังช่วยพวกเขาเก็บ
เนื้อสัตว์ไว้ในกระเป๋ ามิติเก็บของขนาดใหญ่
ระหว่างทาง ฉินหยุนได้ทราบจากผู้นำกลุ่ม ว่าเผ่านี้คงอยู่มายาวนาน
หลายปีนัก
พวกเขาไม่ทราบว่ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร เพียงทราบว่าคงอยู่ที่นี่เพื่อ
ปกปักษ์บางสิ่ง!
สิ่งนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาปกป้องพวกมันเอาไว้เพื่อคนผู้
หนึ่ง
ฉินหยุนเกิดสงสัยว่าสิ่งนั้นคืออะไร เพราะจากช่วงเวลา สิ่งนั้นน่าจะ
เก็บไว้ตั้งแต่ที่จันทราทมิฬปรากฏขึ้น
และชนเผ่านักรบนี้ ก็ครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่แต่กำเนิด
ผู้นำกลุ่มขนาดเล็กนี้นามว่าจ้านหยง
จ้านหยงคือนักรบลึกล้ำระดับกลาง ตัวเขามีกำลังทัดเทียมขอบเขต
วรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลาง
หากฉินหยุนไม่ใช้งานอาวุธหรืออุปกรณ์ใด มันก็จะไม่ใช่เรื่องง่าย
หากคิดเอาชนะจ้านหยง เพราะอีกฝ่ายครอบครองกำลังกายอัน
แข็งแกร่ง
“คนกลุ่มนี้มีร่างกายแข็งแกร่งแต่กำเนิด สงสัยนักว่ามันเกิดขึ้นได้
อย่างไร!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “จงไปและสอบถามต่อผู้อาวุโสชนเผ่า
พวกเขาน่าจะทราบอะไรบ้าง!”
ฉินหยุนติดตามจ้านหยงอยู่หลายวัน ผ่านเทือกเขาแล้วเทือกเขาเล่า
ท้ายที่สุด เขาค่อยมาถึงที่ตั้งชนเผ่านักรบ มันตั้งอยู่บริเวณข้างแม่น้ำ
ใหญ่
ชนเผ่านักรบถูกล้อมไว้ด้วยกำแพงสูง ตัวกำแพงสร้างขึ้นจากหินที่
มั่นคง กระนั้น ฉินหยุนก็คิด ว่าหากต้องการทำลายมันก็ไม่ใช่เรื่อง
ยาก
เมื่อเข้ามาที่ด้านในชนเผ่า ฉินหยุนจึงนำเอาเนื้อสัตว์ออกมา
เช่นนี้ จ้านหยงและผู้อื่นจึงช่วยกันลากเนื้อสัตว์เข้าไปมอบให้แก่ชน
เผ่า ทำให้พวกเขาได้หน้ากันครั้งใหญ่
เมื่อเข้ามาในชนเผ่าแล้วจึงได้ทราบเพิ่มเติม คนของชนเผ่านักรบ
ประกอบด้วยหลากหลาย ทั้งบุรุษ สตรี คนเฒ่าชรา และเด็ก พวกเขา
เหล่านี้ล้วนยืนอยู่ข้างถนนเส้นหลักพร้อมส่งเสียงโห่ร้อง
ชนเผ่านักรบมีคนอยู่เพียงไม่กี่พัน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จำนวน
ประชากรมีแต่ลดลงไปเรื่อย เพราะพวกเขาหลายคนถูกสังหาร
บ้างก็ถูกสังหารโดยชนเผ่าอื่น บ้างก็ถูกสังหารโดยกลุ่มของเฉียหยิ่ง
ฉินหยุนยังได้ถามเรื่องเย่ว์โยว ทราบว่านางเป็นราชินีที่ชื่อเสียงโด่ง
ดัง ทั้งนี้ นางยังไม่เคยกระทำอันใดเป็นปฏิปักษ์ต่อชนเผ่าพื้นเมือง
ชนเผ่านักรบเมื่อได้เห็นคนเถื่อนเช่นฉินหยุน พวกเขามีแต่ความไม่
เชื่อใจปรากฏเด่นชัด
จ้านหยงเร่งรีบอธิบาย ว่าฉินหยุนได้มอบกระบี่ให้แก่เขา ทั้งยังได้
เป็นสหาย เพราะเหตุนั้นเขาจึงเชื้อเชิญฉินหยุนมาเป็นแขก
คนของชนเผ่านักรบย่อมรักชื่นชอบกระบี่ ยามได้เห็นกระบี่ของ
จ้านหยง พวกเขาริษยากันแทบแย่
อาคารด้านในชนเผ่าทั้งหมดสร้างขึ้นจากก้อนหิน พวกมันไม่งดงาม
กระนั้นกลับเรียบง่ายและดูมั่นคง
ฉินหยุนติดตามจ้านหยงสู่พื้นที่ใจกลาง มันถูกล้อมเอาไว้ด้วยกำแพง
อีกชั้นหนึ่ง ทั้งยังมีเสาขนาดใหญ่จำนวนมากในกำแพงนั้น
ฉินหยุนอุทานภายในใจหลังได้พบเห็นเสาเหล่านี้ นั่นก็เพราะพวก
มันคือเสาค่ายอาคม นอกจากนี้แล้ว ยังมีการแกะสลักเอาไว้ด้วย
อักขระที่ซับซ้อน มันดูคล้ายจะเป็นการแกะสลักที่มีต่ออุปกรณ์เซียน
“นี่คือสถานที่พำนักของท่านผู้นำเผ่า!” จ้านหยงกล่าว “น้องชายฉิน
หยุน รอที่นี่สักประเดี๋ยว พวกเราขอพูดคุยกับท่านผู้นำเผ่าก่อน!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ
ผู้นำเผ่าทราบว่าจ้านหยงกลับมา ทั้งยังได้รับกระบี่ ดังนั้นเขาจึงเร่ง
รีบออกมารับชม
ผู้นำชนเผ่าผู้นี้มีผิวสีดำ เป็นชายชราร่างเตี้ย กระนั้น ตัวเขาได้ส่งถ่าย
ความรู้สึกอันแข็งแกร่งออกมาอย่างเด่นชัด เขาคือราชันยุทธ์
“ผู้นำชนเผ่าช่างแข็งแกร่งนัก!” ฉินหยุนอุทานตระหนกตกใจ
“หากเขาไม่แข็งแกร่ง ชนเผ่านักรบนี้คงเลือนหายไปนานแล้ว!” หลิง
หยุนเอ๋อกล่าว “เหมือนว่าทั้งชนเผ่านี้ จะมีเพียงแต่เขาที่แข็งแกร่ง!”
ผู้นำชนเผ่านามจ้านเฉียง เมื่อได้พบฉินหยุน ดวงตาเฒ่าชราของเขา
หรี่เล็กก่อนจะเบิกกว้างอย่างกะทันหัน ในดวงตานั้น มันเผยประกาย
สว่างวาบออกมา
“อาหยง เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะต้อนรับแขกผู้นี้เอง!” จ้านเฉียงยิ้ม
กล่าวพร้อมโบกมือ
จ้านหยงพยักหน้ารับพร้อมเร่งรีบจากไป
ฉินหยุนเมื่อเข้ามาในส่วนพักอาศัย จ้านเฉียงจึงเร่งรีบปิดประตูลง
“ท่านมาที่นี่เพื่อรับสิ่งนั้นไปหรือ?” จ้านเฉียงกล่าวพร้อมนำหนัง
สัตว์ผืนหนึ่งออกมาจากกระเป๋ ามิติเก็บของเรียบง่าย
หลังคลี่กลางหนังสัตว์ออก เขาจึงได้เห็นว่ามันมีรูปคนวาดเอาไว้!
ฉินหยุนที่ได้เห็นภาพเหมือน เขาอดไม่ได้ที่จะต้องเผยอาการตื่น
ตะลึง
บุคคลในภาพวาดบนผืนหนังสัตว์นั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นตัวเขาเอง!