ตอนที่ 1476 พบกันอย่างไม่คาดคิด!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1476 พบกันอย่างไม่คาดคิด! โดย Ink Stone_Fantasy

“หลบไป!”

สีหน้าของเย่หยวนทมิฬมืดลงทันทีขณะตะโกนไล่เหล่าอิสตรีเผ่าปีศาจเหล่านั้นอย่างเย็นชา

จิตสังหารสีเย็นแผ่ซ่านออกมาจนล้นปรี่ เหล่าสตรีเผ่าปีศาจพวกนั้นล้วนหน้าถอดสีซีดขาวอย่างหนักราวกับแผ่นกระดาษบาง และร่นถอยออกมาทันทีอย่างไม่สมัครใจนัก

หากเป็นก่อนหน้า พวกนางคงไม่ถือสาเย่หยวนแน่นอน ในทางตรงข้ามเห็นอารมณ์ดุดันเช่นนี้ คงตรงปรี่เข้าไปจีบแทน

ทว่าตอนนี้ เย่หยวนที่สังหารหลางเก๋อได้ภายในสองกระบวนกาย ใครยังกล้าขัดขืนเขาอีก?

เหล่าอิสตรีเร่งปิดทางให้เย่หยวนเดินผ่ากลางออกไปทันทีมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง

บนดินแดนของเผ่าปีศาจการฆ่าฟันกันบนท้องถนนนับเป็นเรื่องปกติมาก เหล่าผู้คุมเมืองต่างไม่มีเวลามาเหลียวมองหรือใส่ใจ

ดินแดนของเผ่าปีศาจย่อมเป็นสถานที่เช่นนี้ ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง นี่คือกฎการมีชีวิตรอด

ตราบใดที่แข็งแกร่งพอก็จะได้รับความเคารพยอมรับจากคนอื่นๆ

แต่หากอ่อนแอผลลัพธ์สุดท้ายไม่ยอมแพ้ก็ยอมตาย ง่ายดายเรียบง่ายเท่านี้

ดังนั้นเย่หยวนจึงไม่เก็บเรื่องนี้มาคิดมากแต่อย่างใดสำหรับที่ฆ่าหลางเก๋อไป

เย่หยวนที่กำลังเดินทางเข้าเมืองอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีชายชราคนหนึ่งตรงออกมาขวางทางเดินของเขาไว้

“สหายน้อย ประมุขตระกูลของเราเล็งเห็นว่า เจ้ามีทักษะฝีมือค่อนข้างดี และอยากจะเชิญให้เจ้าเข้าร่วมตระกูลฟาง ข้าสงสัยว่าเจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

ชายชราเอ่ยถามเข้าประเด็นในทันที

เย่หยวนกวาดสายตาจับจ้องอีกฝ่ายและกล่าวเสียงเรียบขึ้นมา

“โอ้? มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง?”

ภายในเมืองของเผ่าปีศาจ  พวกเขาต้องการปีศาจที่มีความแข็งแกร่งและความสามารถเข้าร่วมฝักฝ่ายตนเอง มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกกลุ่มอำนาจอื่นกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

พอเดินเข้าเมืองมาในวันนี้ คนที่เห็นพบหน้าคุ้นตาอาจกลายเป็นศพได้ในวันต่อมา

สองหมัดมิอาจต่อกรสี่มือ ไม่ว่าความแกร่งกล้าจะไร้เทียมทานเพียงใด แต่ก็มิอาจสู้กับจำนวนที่มากกว่าได้เช่นกัน

ในเมืองหลวงแห่งนี้มิได้ขาดแคลนเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า ยามใดที่เย่หยวนบังเอิญวิ่งชนกับพวกเขา นั้นอาจชะตาขาดได้แน่นอน

ชายชรายิ้มและกล่าวว่า

“ความแข็งแกร่งของสหายน้อยโดดเด่นเป็นอย่างมาก สามารถสังหารแม่ทัพปีศาจสองดาวขั้นสุดได้ ในขณะที่เจ้าอยู่แค่สองดาวชั้นกลาง นับได้ว่าโดดเด่นกว่าอาคันตุกะคนอื่นๆ ตราบใดที่เจ้ายอมเข้าร่วมกับตระกูลฟาง ทางเราขอสัญญาจะตอบแทนรางวัลมากกว่าเป็นสองเท่าของอาคันตุกะสองดาวขั้นสุดทั่วไป!”

เย่หยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่สายตาของเขากลับมองไปทางหลี่จีที่อยู่บนหลังม้า

หลี่จีนางนี้ดูเหมือนจะให้ความสนใจกับเหตุวุ่นวายก่อนหน้ามาโดยตลอด เมื่อเห็นเย่หยวนเงยหน้าขึ้นมอง พลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นประดับบนใบหน้าของนาง

ความงดงามของนางนี้ดูจัดจ้านและดุกัน ทว่าใครเห็นต่างปฏิเสธไม่ลง!

“หุหุ สตรีเผ่าปีศาจนางนี้ช่างมีเสน่ห์เสียจริงในตอนที่นางยิ้ม!”

เย่หยวนถอนหายใจเล็กน้อยพร้อมความหวั่นไหวภายในใจ

เย่หยวนต้องยอมรับตามตรงเลยว่า หลี่จีนางนี้มีความงามที่มิได้ด้อยไปกว่าสตรีงามของเผ่ามนุษย์เลย

เย่หยวนครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า

“ตกลง! แต่ข้ามีข้อแม้!”

ชายชรายิ้มตอบว่า

“ข้อแม้อย่างไร อย่าได้ลังเลที่จะกล่าว?”

เย่หยวนเอ่ยปากขึ้นว่า

“ข้าต้องการทาสห้าคน!”

ขณะที่ชายชราได้ยินแบบนั้น เขาก็หัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ทีแรกข้าก็สงสัยว่าเป็นข้อแม้แบบใด ในเรื่องนี้ต่อให้เจ้าไม่กล่าว ทางเราก็มีจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้วสำหรับอาคันตุกะตระกูลฟาง โดยปกติจะมอบทาสให้คนละสาม แต่ของเจ้าขอเป็นห้าย่อมไม่มีปัญหา!”

เย่หยวนพยักหน้าและชี้นิ้วไปที่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในกลุ่มคนของหลี่จี

“เข้าใจแล้ว แต่…ข้าต้องการชายคนนี้!”

ชายชราเหลียวหลังกลับไปมอง ก่อนจะเผยสีหน้าลำบากใจขึ้นทันใด

“เอ่อ…แม้เขาจะเป็นทาส แต่เขาก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ของคุณหนูหลี่จี และเขาคนนี้เองก็ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูมาก นี่…นี่คงไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”

เย่หยวนแสยะยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“เฮ้ออ…นี่หรือความจริงใจที่ท่านมีให้? ข้าทราบดีว่าตระกูลฟางมีขุมกำลังแข็งแกร่งดีอยู้แล้ว แต่ข้าคนเดียวคงไม่สำคัญขนาดนั้น! มิอาจยอมรับเงื่อนไขเล็กน้อยได้ เช่นนั้นขอลา!”

เมื่อกล่าวจบเย่หยวนพลันโบกมือลาจากออกไปทันที

ทันใดนั้นพลันปรากฏโฉมสะคราญร่างบางตรงเข้ามาขวางทางเย่หยวนเอาไว้ และแน่นอนนางก็คือ หลี่จี

ดวงเนตรคู่สวยของนางจับจ้องมาที่เย่หยวน และกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า

“เพียงทาสเผ่าอสูรตัวเดียว ไหนเลยจะมอบให้ไม่ได้? นี่ถือเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้แก่เจ้า รับไปเถิด”

สำหรับเผ่าปีศาจแล้ว เผ่ามนุษย์และเผ่าอสูรไม่ว่าก่อนหน้าจะมีฝีมือเลิศล้ำเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังเป็นชนชั้นต่ำสุดอยู่ดีในดินแดนเผ่าปีศาจหรือก็คือเป็นทาสนั้นเอง

เย่หยวนรวนหัวเราะดังขึ้นและกล่าวว่า

“ยังคงเป็นคุณหนูหลี่จีที่จริงใจตรงไปตรงมา ข้า บรรพกาลราตรี จะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง! เพียงว่าตอนนี้ข้ามีธุระจำต้องไปทำ ชายคนนี้อยู่ภายใต้การปกครองของข้า และข้าเองก็ต้องการสหายที่มีประสบการณ์เช่นกัน ในการจัดการเรื่องต่างๆ”

บรรพกาลราตรีเป็นชื่อที่เย่หยวนตั้งขึ้นเองเมื่อมาถึงเผ่าปีศาจ

ชื่อเย่หยวนกลับดูผิดแปลกไปจากเผ่าปีศาจเกินไป

หลี่จียิ้มกล่าวว่า

“หลี่จีเข้าใจแล้ว! ความแข็งแกร่งของท่านช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ในอนาคตต่อไป ข้าจำต้องเพิ่งพาท่านแล้ว”

เย่หยวนกวาดสายตามองไปโดยรอบ เอ่ยกล่าวรวนหัวเราะขึ้นว่า

“คุณหนูหลี่จี เห็นสีหน้าการแสดงออกของคนพวกนี้หรือไม่? การที่ข้าได้รับใช้คอยอยู่เคียงข้างคุณหนูหลี่จี ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกอิจฉาไม่รู้จบ! เราบรรพกาลราตรีเองก็เป็นบุรุษเพศเช่นกัน ดังนั้นการได้เข้ามารับใช้คุณหนูหลี่จี นับเป็นเกียรติของข้าแล้ว!”

แต่หลี่จีที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มกว้างและกล่าวว่า

“ท่านบรรพกาลราตรีรู้จักวิธีสนทนาเอ่ยวาจาเสียจริง เอาล่ะกลับไปยังตระกูลฟางกันเถอะ”

เผ่าปีศาจย่อมชื่นชมและยกย่องผู้ที่แข็งแกร่ง และความแข็งแกร่งของเย่หยวนเองก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งดีแล้วในสายตาของหลี่จี นอกจากนี้รูปลักษณ์ใบหน้าของเย่หยวนยังช่างหล่อเหลานัก อิสตรีเผ่าปีศาจอย่างนางเองพลันรู้สึกลุ่มหลงไปตามๆกัน

 น้ำแข็งอันงดงามเปรียบเสมือนบุปผาแรกแย้มบานออกเช่นกันในเวลานี้

สายตาของผู้คนโดยรอบต่างมองเย่หยวนด้วยความอิจฉา

ภายในเมืองหลวงคาโปนแห่งนี้ ผู้ที่สามารถทำให้แม่นางหลี่จียิ้มหัวเราะได้อย่างมีความสุขกลับมีไม่มากนัก!

เห็นได้ชัดว่าเย่หยวนสามารถทำให้นางยิ้มได้

เพื่อสักคนที่จะมีโอกาสได้พูดคุยกับแม่นางหลี่จีอย่างสนุกสนานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแลกชีวิตตัวเองกับความตาย!

หลี่จีนนำทาสคนนั้นออกมาและกล่าวอย่างเย็นชาว่า

“ในอนาคตต่อไป เจ้าต้องติดตามท่านบรรพกาลราตรี!”

ทาสคนนั้นโค้งคำนับและกล่าวว่า

“รับทราบคุณหนูหลี่จี หลงซานคาราวะนายท่าน!”

คู่ดวงตาของเย่หยวนหรี่แคบลงเล็กน้อย รอยยิ้มบางที่ยากจะสังเกตเห็นพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อยบนมุมปาก

หลี่จีคว้าเอาตราสัญลักษณ์ออกจากหว่างคิ้วของนาง และมอบให้แก่เย่หยวนและกล่าวว่า

“นี่คือตราประทับทาสของหลงซาน ในอนาคตต่อจากนี้ เขาเป็นของท่านแล้ว”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ขอบพระคุณอย่างมากสำหรับความเมตตาของคุณหนูหลี่จี เขาคนนี้ดูค่อนข้างฉลาด ข้าจึงตัดสินใจเลือกเขาทันทีที่แรกเห็น”

หลีจี่ยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านบรรพกาลราตรีมีสายตาที่เฉียบคมนัก ในบรรดาองครักษ์ทั้งหมดของข้า เขาฉลาดที่สุดแล้ว”

เย่หยวนดูพึงพอใจมากเช่นกันที่ได้ยินเช่นนั้นก่อนรับคำอย่างสุขใจ

ในเผ่าปีศาจการเจียมเนื้อเจียมตัวกลับไม่เคยถูกมองว่าเป็นมารยาท ในทางตรงข้ามมันกลับเป็นการดูถูกเสียมากกว่า

ด้วยความแข็งแกร่งที่ถือครอง คนเราจะสามารถหยิ่งผยองได้ตามต้องการ!

เพราะแข็งแกร่งจึงสามารถยืดอกรับคำชมของอีกฝ่ายได้อย่างภาคภูมิ

ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง!

หลักจรรยาบรรณและศีลธรรมทั้งหลายล้วนเป็นขยะในดินแดนเผ่าปีศาจ

“ท่านบรรพชนราตรี กลับไปหาตระกูลฟางกันเถอะ!”

หลี่จีควบทะยานม้านำกลุ่มคนกลับไปยังตระกูลฟางทันที

ตระกูลฟางเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองคาโปน ขุมกำลังความแกร่งกล้านับว่ายิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก

หลี่จีเป็นบุตรสาวสุดที่รักของตระกูลฟาง ความงดงามของนางนับเป็นระดับแนวหน้าของเมืองหลวงคาโปนแห่งนี้ ซึ่งชื่อเสียงในด้านนี้ต่างได้รับคำชื่นชมจากเหล่าปีศาจมากมาย

อย่างไรก็ตาม เย่หยวนกลับมิได้หลงเสน่ห์ของหลี่จีเลย นั้นมิใช่เหตุผลที่เขาย่อมเข้าร่วมกับตระกูลฟาง

ในความเป็นจริง ที่เย่หยวนฆ่าอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น เพราะเขาจงใจสำแดงความแข็งแกร่งของตนให้หลี่จีได้เห็น

แน่นอน หลังจากที่หลี่จีเป็นสักขีพยานต่อความแข็งแกร่งของเขาแล้ว ดังนั้นนางจึงชักชวนเย่หยวนเข้ามา

และจุดประสงค์หลักที่เย่หยวนทำเช่นนี้ก็เพื่อทาสนามว่าหลงซาน!

เมื่อหลงซานเข้ามาใกล้เขา ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์กลับมีปฏิกิริยาตอบสนอง!

 บนมหาพิภพถงเทียนแห่งนี้ ยังมีใครสามารถทำให้ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาได้อีก?

คำตอบนั้นมันเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว!

เย่หยวนไม่คิดไม่ฝันเลยว่า การมาเมืองหลวงคาโปนครั้งนี้ เขาจะพานพบเข้ากับบุคคลที่ทำให้ตรามังกรศักดิ์สิทธิ์มีปฏิกิริยาได้จริงๆ!

…………………………………