บทที่ 133 สร้างสมบัติตระกูลมี่[รีไรท์]

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 133 สร้างสมบัติตระกูลมี่[รีไรท์]

ตัดกลับมาที่เหตุการณ์ในตระกูลมี่

เวลานี้มี่ตั้วตั้วกำลังขายบรรดาทรัพย์สินของเขาอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้เขาเหลือทรัพย์สินไว้แค่เพียงเรือนที่อยู่ในเมืองฟินิกซ์ คฤหาสน์และหอประมูลของเขาที่อยู่ในเมืองหลวงและสมบัติเล็กน้อยอีกไม่กี่อย่างแต่ทั้งหมดที่ขายนั้นไม่รวมกับธุรกิจโอสถกำเนิดรากฐานที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้

ส่งผลให้บรรดาหอการค้าต่าง ๆ เริ่มได้ใจและมองถึงเหตุผลที่ตระกูลมี่ขายทรัพย์สินแทบจะทั้งหมดออกไปเนื่องจากน่าจะเป็นเหตุผลที่ตระกูลมี่คงทนความกดดันไม่ไหวเต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้และกำลังเตรียมกลับไปใช้ชีวิตละทางโลกอยู่กับกองเงินของตัวเองอย่างสบาย ๆ

 มี่ตั้วตั้วถาม “เจ้ารวบรวมเหรียญทองได้เท่าไหร่แล้ว?”

ผู้ช่วยของเขาตอบว่า “นายท่านเรารวบรวมเหรียญทองได้แล้วกว่า 100 ล้านเหรียญ พวกเราจะใช้เงินเหล่านี้ตอบโต้หอการค้าอื่นเมื่อไหร่?”

มี่ตั้วตั้วพยักหน้า “ข้าจะแจ้งให้ทุกคนรู้เมื่อถึงเวลา”

หลังจากดำเนินธุรกิจหอการค้ามี่ตั้วตั้วเป็นเวลาหลายปี ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมามี่ตั้วตั้วจึงไม่สามารถไว้วางใจผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย แม้แต่ผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ของเขาก็ไม่รู้แผนของเขาและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเงินที่รวบรวมมาทั้งหมดนั้นมี่ตั้วตั้วกำลังจะนำพวกมันไปทำอะไร

สำหรับเหรียญทองที่ถูกรวบรวมมาเรียบร้อย มี่ตั้วตั้วได้ทำการฟอกเงินเหล่านี้ให้พวกมันหายไป โดยใช้อุบายให้ดูเหมือนเขานำพวกมันไปใช้หนี้หรือไปซื้อสมบัติต่าง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อปกปิดแผนการสร้างสมบัติวิเศษของเขา เมื่อฟอกเหรียญทองเหล่านี้เสร็จแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ทยอยส่งมอบเหรียญทองที่ถูกทำการฟอกเหล่านี้ให้ไปยังคฤหาสน์สราญรมย์อย่างลับ ๆ อย่างไรก็ตามแผนการนี้นอกเหนือจากคนในคฤหาสน์สราญรมย์แล้วมีเพียงเขาและหวงยี่เฟยเท่านั้นที่รู้เรื่อง

เมื่อเวลาผ่านไปอีก 2 อาทิตย์ หวงยี่เฟยและมี่ตั้วตั้วได้ทำการฟอกเงินจำนวน 10 ล้านเหรียญทองสุดท้ายเรียบร้อย

มี่ตั้วตั้วและหวงยี่เฟยจึงเริ่มออกอุบายปล่อยข่าวไปอย่างลับ ๆ ว่า ด้วยความที่พวกเขารำคาญบรรดาพวกสายสืบจากหอการค้าอื่นที่คอยมาวนเวียนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลมี่ เพื่อจับตาดูการกระทำของเขาตลอดเวลา พวกเขาที่ซึ่งไม่สามารถทนต่อความวุ่นวายได้อีกต่อไป จึงเดินทางไปที่คฤหาสน์สราญรมย์เพื่อขออาศัยพักใจให้สงบอยู่ชั่วคราว

เมื่อข่าวนี้ปล่อยออกไป ประกอบกับมี่ไลที่เป็นลูกสาวของมี่ตั้วตั้วนั้นเป็นผู้หญิงของหลิงตู้ฉิงอยู่แล้วจึงไม่มีใครคิดว่ามีอะไรผิดปกติในการขอย้ายเข้าไปหลบอยู่ที่คฤหาสน์สราญรมย์ หลายคนคิดว่ามี่ตั้วตั้ว ตอนนี้คงมีปัญหาอย่างหนักจนไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองเขาจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากลูกเขย

แม้แต่ตระกูลเจิ้นที่ตอนนี้กำลังจับตาดูความพินาศของตระกูลมี่อย่างไม่คลาดสายตาก็คิดเช่นนั้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะดูถูกมี่ตั้วตั้วและมีความสุขที่ได้ตัดช่องทางการสนับสนุนของหลิงตู้ฉิงไปได้อีกหนึ่งช่องทาง

แต่ในความเป็นจริง ที่บรรดาคนนอกไม่รู้นั้นคือ…

มี่ตั้วตั้วเข้าไปในลานหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิงและเทเหรียญทองชุดสุดท้ายที่ฟอกมาลงบนบริเวณอีกด้านหนึ่งของลานหน้าคฤหาสน์

ตอนนี้เหรียญทองทั้งหมด 100 ล้านเหรียญได้กองรวมกันจนคล้ายกับภูเขาทองคำขนาดย่อม สิ่งเดียวที่แย่ของกองเหรียญเหล่านี้คือกลิ่นเหม็นของทองเหลืองที่ผสมอยู่ในเหรียญพวกนี้ เมื่อพวกมันต้องมากองรวมกันเป็นจำนวนมาก มันส่งผลทำให้ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงต้องปิดจมูก เนื่องจากแทบจะทนกับกลิ่นของพวกมันไม่ได้

หลิงตู้ฉิง เมื่อสัมผัสกลิ่นของเหรียญที่กำลังลอยตามลมมา เขาจึงสร้างผนึกปิดกั้นกลิ่นของกองเหรียญขนาดมหึมานี้ไว้

หลังจากเทเหรียญทองชุดสุดท้าย มี่ตั้วตั้วพูดกับหลิงตู้ฉิง “ปรมาจารย์หลิง นี่คือเหรียญทองทั้งหมดที่ข้ารวบรวมมาได้ โดยที่เหรียญเหล่านี้ไม่ได้กระทบกับแผนการเปิดจำหน่ายโอสถกำเนิดรากฐานของเรา”

หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ท่านต้องจำไว้ การสร้างสมบัติวิเศษของท่านชิ้นนี้ท่านจะต้องใช้ทรัพย์สินทุกอย่างที่ท่านมีในการสร้างมันขึ้นมา ฉะนั้นสำหรับทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ท่านไม่สามารถแลกมาเป็นเหรียญทองได้ ข้าจะใช้เหรียญทองในกองนี้สามเหรียญเพื่อเป็นตัวแทนของพวกมัน ส่วนเหรียญทองทุกเหรียญที่ท่านนำมาทั้งหมดที่นี่ พวกมันแต่ละเหรียญมีความหมายต่อสมบัติวิเศษที่ข้ากำลังจะสร้างให้ท่านเป็นอย่างมาก ท่านจะต้องใช้พวกมันในการหลอมรวมเข้ากับสมบัติที่ข้าสร้าง โดยการรำลึกหาที่มาของมันให้ได้ครบทุกเหรียญ ตอนนี้ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูด แต่เมื่อถึงเวลาท่านจะเข้าใจวิธีการหลอมพวกมันได้ด้วยตัวท่านเอง”

พูดจบหลิงตู้ฉิงเดินไปหยิบเหรียญทองสามเหรียญขึ้นมาจากกองเหรียญและพึมพำกับทั้งสามเหรียญนั้นสักพักและโยนมันกลับลงไปในกอง

มี่ตั้วตั้วลดศีรษะลงและพูดอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณปรมาจารย์หลิงสำหรับการช่วยเหลือของท่าน!”

หลิงตู้ฉิงจากนั้นก็พูดกับมี่ตั้วตั้ว “ตอนนี้พรมเลือดของท่านลงในกองเหรียญทองและใช้พลังของท่านทำให้แน่ใจว่าเหรียญทองทุกเหรียญเปื้อนเลือดของท่าน แล้วข้าจะจัดการที่เหลือเอง”

มี่ตั้วตั้วกรีดข้อมือซ้ายของเขาโดยไม่ลังเลและส่งเลือดของเขาพุ่งเข้าไปในกองเหรียญทองทันที เมื่อเลือดไหลเข้าไปในกองเหรียญทองมันก็แยกออกเป็นหยดเลือดเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน เลือดหยดเล็ก ๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้เริ่มถูกหลอมรวมเข้าไปในเหรียญทองทีละเหรียญ

มี่ไลรู้สึกกังวลเมื่อใบหน้าของมี่ตั้วตั้วซีดลงอย่างมากเนื่องจากการสูญเสียเลือดจำนวนมหาศาลในร่างกาย

“รับนี่ไป” หลิงตู้ฉิงมองไปที่มี่ตั้วตั้วและส่งเม็ดโอสถไปให้เขา

มี่ตั้วตั้วรับโอสถด้วยมือข้างขวาที่ยังว่างอยู่ หลังจากนั้นเขากลืนเม็ดโอสถเข้าไปโดยไม่ลังเล

เมื่อกลืนโอสถเข้าไปแล้วมี่ตั้วตั้วรู้สึกว่าอาการอ่อนแอจากการเสียเลือดเริ่มบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมี่ตั้วตั้วส่งเลือดไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็บอกให้เขาหยุด เขารีบห้ามเลือดด้วยพลังการบ่มเพาะของตัวเอง เขาเวียนหัวเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามคงสติตัวเองไว้เพื่อสังเกตดูขั้นตอนต่อไปของการหลอมสมบัติ

แต่หลิงตู้ฉิงไม่ได้ทำอะไรต่อ

“ดูแลเขาให้ดี!” หลิงตู้ฉิงสั่งมี่ไล

หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงด้านข้างและเริ่มวาดค่ายกล หลิงตู้ฉิงก็หยิบแท่งทองเหลืองออกมาจากแหวนมิติเขาและพูดว่า “แท่งทองเหลืองชิ้นนี้คือ แท่งทองเหลืองสมปรารถนา มันเป็นของที่ข้าได้มาจากผู้อาวุโสในสถาบันราชวงศ์ ในตอนแรกข้ามีความตั้งใจว่าจะนำมันมาสร้างอาวุธให้กับลูกของข้าแต่ตอนนี้ข้าจะนำมันมาหลอมสมบัติให้กับท่านก่อน”

“ฉะนั้นในอนาคตเมื่อตระกูลของท่านประสบความสำเร็จแล้ว ท่านต้องหามันมาคืนให้ข้า และข้าขอย้ำไว้อีกครั้ง ท่านต้องระลึกไว้ให้ดี สมบัตินี้เป็นสมบัติที่เกี่ยวข้องรวมไปถึงโชคชะตาของตระกูลท่านทั้งตระกูล ฉะนั้นท่านต้องตั้งใจอย่างเต็มความสามารถในการสร้างมันให้สำเร็จไม่เช่นนั้นหากการสร้างสมบัตินี้ล้มเหลวตระกูลของท่านจะต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่”

มี่ตั้วตั้วได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเค้าเริ่มเครียดยิ่งขึ้น เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่นให้กับหลิงตู้ฉิง

เมื่อเห็นว่ามี่ตั้วตั้วพยักหน้าเข้าใจถึงความร้ายแรงของการสร้างสมบัตินี้ จากนั้นเขาก็โยนแท่งทองเหลืองนี้เข้าไปในค่ายกล

หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็นั่งอยู่หน้าค่ายกล เขาเริ่มวาดอักขระเวทย์ขึ้นและส่งมันบินลงไปประทับบนแท่งทองเหลืองที่กำลังลอยอยู่ด้านใน ส่งผลให้ลวดลายลึกลับบนแท่งทองเหลืองเริ่มปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของมัน ซึ่งดูเหมือนว่าลวดลายเหล่านี้จะมีอยู่บนพื้นผิวของมันอยู่แล้วตั้งแต่สมัยโบราณ

ภายใต้การเผาไหม้ของเปลวเพลิงในค่ายกล ในที่สุดแท่งทองเหลืองก็เริ่มอ่อนตัวลง

จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มวาดมืออย่างรวดสร้างผนึกเข้าหาก้อนทองเหลืองที่หลอมละลาย

เขาวาดมืออย่างรวดเร็ว จนแม้แต่เสี่ยวเยว่เฟิงและคนอื่น ๆ ที่กำลังยืนดูอยู่ข้าง ๆ นั้นไม่มีใครสามารถมองตามมือเขาได้ทันว่ากำลังทำอะไรอยู่

หลังจากนั่งอยู่หน้าค่ายกลติดต่อกัน 3 วัน แท่งทองเหลืองตอนนี้ได้กลายเป็นเจดีย์ทองเหลืองเก้าชั้นขนาด 1 ฟุต

เมื่อเสร็จแล้วหลิงตู้ฉิงก็โยนเจดีย์ขึ้นเหนือกองทองคำ บังคับให้ลอยอยู่เหนือมัน จากนั้นรูปร่างของเจดีย์ก็ค่อย ๆ ขยายขึ้นจนมีขนาดเท่ากับความสูงเท่าคน

หลิงตู้ฉิงสั่งมี่ตั้วตั้ว “ใช้ความตั้งใจของท่านและปล่อยให้เหรียญทองเหล่านี้หลอมรวมเข้ากับเจดีย์”

มี่ตั้วตั้วที่กำลังตกตะลึงกับเจดีย์อยู่นั้นมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงสั่งเขาจึงรีบเดินไปนั่งอยู่ด้านหน้ากองเหรียญทองขนาดมหึมานี้

“ระลึกทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเงินของท่าน ไม่ว่าจะเป็นความปรารถนาในเงิน ความเข้าใจในเงิน ความรักในเงิน ที่มาของมันพวกมันที่ท่านได้รับมันมา หรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวข้องกับเงิน ใช้ทุกอย่างเหล่านั้นขับเคลื่อนเหรียญทองเหล่านี้เข้าไปในเจดีย์”

“ในขั้นตอนนี้งานของข้าเสร็จแล้ว ต่อจากนี้ไปมันจะเป็นปัญหาของท่าน เมื่อเจดีย์นี้หลอมรวมกับเหรียญทองกองนี้ได้ทั้งหมด เมื่อนั้นถึงจะถือว่าสมบัติวิเศษนี้ถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์”

หลังจากที่หลิงตู้ฉิงพูดจบเขาหันหลิงเดินจากไปพักผ่อน ปล่อยให้มี่ตั้วตั้วจัดการกับสมบัติของตัวเองต่อไป

นี่เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงได้ทำทุกสิ่งที่เขาสามารถทำได้ไปหมดแล้ว

เหนือจากนี้เป็นหน้าที่ของมี่ตั้วตั้วเองที่จะต้องหลอมรวมโชคชะตาของทั้งตระกูลรวมไปถึงเต๋าของเขาเองเข้ากับสมบัติชิ้นนี้ ไม่เช่นนั้นสมบัติชิ้นนี้จะไม่มีทางสมบูรณ์

เมื่อเห็นว่ามี่ตั้วตั้วยังคงนั่งนิ่ง มี่ไลจึงอดไม่ได้ที่จะกระตุ้นมี่ตั้วตั้ว “ท่านพ่อ ท่านรีบลองทำตามที่นายท่านแนะนำดูเถอะ ตอนนี้ความหวังของตระกูลเราขึ้นอยู่กับสมบัติชิ้นนี้แล้ว ท่านต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้”

เมื่อถูกกระตุ้นโดยมี่ไล มี่ตั้วตั้วก็เริ่มมองไปยังกองเหรียญทองด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อจ้องมองไปที่เจดีย์เขาก็เริ่มจำได้ว่าครั้งแรกที่เขาเริ่มหาเงินได้นั้นเขาทำอย่างไร รวมทั้งความรู้สึกภูมิใจในการหาเงินได้ครั้งแรกนั้นรสชาติเป็นแบบไหน

เขานึกย้อนไปในวัยเด็กเมื่อพ่อแม่ของเขาให้เหรียญทองเป็นเงินค่าขนมอยู่ 1 เหรียญ

เมื่อรับมาเขาไม่ได้ใช้เหรียญทองนี้เพื่อซื้อขนม แต่เขาใช้เหรียญทองเพื่อซื้อกระดาษสีทองมา 3 แผ่น

จากนั้นเขาใช้กระดาษสีทองเหล่านั้นพับรวมกันให้กลายเป็น ‘ดอกไม้’ ที่สวยงามขึ้นมา

‘ดอกไม้’ นี้เขาขายให้กับลูกคนรวยคนหนึ่ง

เขาขาย ‘ดอกไม้’ นี้ในราคา 12 เหรียญทอง

เขาจำมันได้อย่างชัดเจนเพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เงินมาด้วยความพยายามของตัวเอง

หลังจากนั้นเขาใช้หนึ่งในสิบสองเหรียญทองเพื่อซื้อขนมและทิ้งเหรียญทองอีก 11 เหรียญไว้เป็นทุนของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของการหาเงิน นับจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยขอเงินจากพ่อแม่เขาอีกเลย

เมื่อเขาเริ่มคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ภาพที่น่าอัศจรรย์ก็ปรากฎขึ้นพร้อมกับเสียงติ๊ง เหรียญทอง 12 เหรียญก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าหลอมรวมเข้ากับเจดีย์