ตอนที่ 539 - บรรดาลูกรักของพระเจ้าอึ้ง

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.539 – บรรดาลูกรักของพระเจ้าอึ้ง

เรื่องนี้มันชักจะเกินจินตนาการไปแล้ว

ประตูอีกบานหนึ่งพลันส่องแสงระยับ

และมีอีกคนหนึ่งผลุบออกมาจากมัน

คนๆนี้ ออกจากประตูในสภาพขี่หลังเสือขาว กลิ่นอายระดับราชันย์เลเวล D ฟุ้งกระจาย เห็นได้ชัดว่าเขามิใช่ใครอื่น เป็นหนึ่งในสุดยอดลูกรักของพระเจ้า จ้วงเซิน

เขาเป็นอีกคนที่ฉินเฟิงมีข้อมูลในชีวิตก่อน

‘จ้วงเซิน คือผู้ที่จะกลายเป็นปรมาจารย์ในรุ่นต่อมา เนื่องจากเสือขาวของเขา มันสามารถตัดผ่านไปยังระดับเทวะ ซึ่งเหนือกว่าระดับจักรพรรดิได้ แม้ตัวเขาจะเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล A ทว่าสัตว์ร้ายพันธสัญญาอย่างเสือขาวตัวนี้ กลับสามารถไปได้ถึงเลเวล S !’

ขณะย้อนนึก ฉินเฟิงก็ลูบไล้ขนปุกปุยของไป๋หลีในอ้อมอกเขา

หากฉินเฟิงไปเหยียบเลเวล A เป็นธรรมดาที่ไป๋หลีจะวิวัฒนาการไปยังระดับเทวะ!

ณ เวลานี้ ทันทีที่จ้วงเซินเข้ามา เขาเร่งสั่งการเสือขาวทันที มันกระโจนรวดเดียวหลายสิบเมตร ตรงเข้าหาทั้งสามคน

จ้วงเซินกวาดตามองผ่านหลงกันและผู้พิทักษ์หอคอย ก่อนหยุดลงบนฉินเฟิง

“นายคือฉินเฟิง?”

หลงกันมิได้เปิดหน้าต่างรายการจัดอันดับเพราะเขาเป็นผู้นำตลอดมา ขณะที่จ้วงเซินไม่ใช่ หลังจากที่รู้ว่าตนถูกแซง เขาก็พยายามไล่ตามอย่างเต็มที่ แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมาย ในช่วงเวลาสุดท้าย ฉินเฟิงไม่เพียงแซงเขา แต่ยังแซงหลงกัน ขึ้นเป็นผู้นำได้สำเร็จ

กล่าวถึงนัยหนึ่งก็คือ ฉินเฟิงได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของงานประลองลูกรักพระเจ้าในปีนี้

“เป็นฉันเอง ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉินเฟิงยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ท่าทีสงบและมั่นคง

เขาเป็นชายที่ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ทั้งยังได้รับพรสวรรค์ชั้นยอดกลับคืนมาในสภาพสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้น คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้สนทนากับเหล่าลูกรักของพระเจ้าเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะผลจากการเกิดใหม่ ทำให้ฉินเฟิงสามารถมองหลายๆอย่างในมุมกว้าง ดังนั้นทักทายอย่างสุภาพ แต่ขณะเดียวกัน แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้แข็งแกร่งในอนาคต เขาก็ไม่คิดประจบสอพลอ

เนื่องจากฉินเฟิงเองก็มีความเชื่อมั่น ว่าหากเป็นตน ย่อมสามารถก้าวไปถึงจุดเดียวกันกับคนเหล่านี้เช่นกัน

กระทั่งตอนนี้ ตนก็เหนือกว่าลูกรักของพระเจ้า นำหน้าพวกเขาไปแล้ว

“เอ๊ะ .. เอ่อ … สวัสดีๆ ฉันชื่อจ้วงเซิน” เดิมจ้วงเซินคิดเผชิญหน้ากับฉินเฟิงอย่างไม่เป็นมิตร แต่ไม่คาดคิดว่าฉินเฟิงจะเอ่ยทักทายเขาซะดิบดี ตอนนี้เจ้าตัวเลยไม่รู้ว่าจะด่าอะไรออกไปดี

ห้วงอารมณ์ของหลงกันกลับคืนสู่สภาวะปกติ แม้ในหัวใจของเขาจะยังไม่สงบ แต่สีหน้าดูดีขึ้นเยอะ

“สวัสดี ฉันหลงกัน”

“สวัสดี”

ทั้งสองเชคแฮนด์อย่างเป็นมิตร สุดท้ายหลงกันตัดสินใจ เอ่ยคำถามที่ซ่อนในจิตใจออกมา

“ครั้งนี้ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะถูกม้ามืดแซงเอาได้ ความแข็งแกร่งของนายอยู่ระดับไหนกัน? ทำไมถึงไม่ติดตราผู้ใช้พลังล่ะ?”

นั่นคือสิ่งที่จ้วงเซินอยากรู้เช่นกัน เขามองฉินเฟิง เฝ้ารอคำตอบอย่างเงียบๆ

ฉินเฟิงกล่าว “อ้อ ที่ไม่ติด นั่นเพราะฉันไม่อยากให้ตัวเองดูเด่นจนเกินไป”

จ้วงเซินและหลงกันกลายเป็นบื้อใบ้ ดูเด่นงั้นหรอ? คงไม่เด่นไม่ได้แล้วมั้ง เพราะสามารถแซงผู้ใช้พลังเลเวล D6 อย่างพวกเขาได้

“ฉินเฟิง นายพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก พวกเราลูกรักของพระเจ้าล้วนเป็นจุดสนใจของผู้คนอยู่แล้ว ดังนั้นตัดใจเรื่องที่จะไม่โดดเด่นไปได้เลย” จ้วงเซินกล่าว

หลงกันพยักหน้าเห็นด้วย “แต่สายตาของคนเหล่านั้น แสดงให้เห็นแค่ความริษยา ฉะนั้นทำไมพวกเราถึงต้องไปใส่ใจด้วย มีความสามารถ ก็สมควรเผยมันออกมาจะดีกว่า เพราะนี่ช่วยให้นายสามารถกำจัดปัญหาโดยไม่ต้องลงมือเองไปได้เยอะ ทั้งยังถือเป็นการเคารพคู่ต่อสู้ด้วย”

หากฉินเฟิงไม่ยอมเฉลย หลงกันคงรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยังไงต้องรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอีกฝ่ายให้จงได้

แน่นอน หลงกันกับจ้วงเซินกำลังคาดเดาไปในทิศทางที่ว่า ฉินเฟิงน่าจะมีตัวช่วย และนำมาใช้ในการปีนหอคอย ตัวอย่างเช่นอาวุธเทวะ , เกราะเทวะ , หรืออุปกรณ์รูนชนิดพิเศษ

ยังไงก็ตาม สิ่งที่กล่าวมานี้ พวกเขาเองก็ครอบครองมันเป็นจำนวนมากเหมือนกัน

เมื่อดำเนินมาถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็ไม่คิดปกปิดอีกต่อไป ยังไงซะ คนที่สามารถมาถึงชั้นบนสุดได้ ก็คงมีไม่กี่คน

“ที่พวกนายพูดมาก็ถูก” ว่าจบ ฉินเฟิงก็หยิบตราผู้ใช้พลังของเขาออกมา และติดมันลงเหนืออกตน

วินาทีที่มันเผยโฉม นอกไปจากผู้พิทักษ์หอคอยที่รู้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งจ้วงเซินและหลงกัน ต่างอ้าปากตาค้าง

เลเวล C !

เป็นตราสัญลักษณ์เลเวล C ของจริง!

ฉินเฟิงกล่าว “โอเค ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อฉินเฟิง เป็นผู้ใช้พลังเลเวล C2 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นผู้การรัฐทะเลเหนือในภูมิภาคเหนือ และเป็นประธานกลุ่มองค์กรเฟิงหลี ถ้าพวกนายสนใจซื้อสินค้าจำพวกปืนหรือเรือเหาะ สามารถติดต่อฉันได้ ในเมื่อพวกเรารู้จักกันแล้ว ฉันยินดีลดให้พวกนาย 20% ”

ขณะนี้ ทั้งสองคนที่เหลือแทบอาเจียนเป็นเลือด

ปรากฏว่าความสามารถของฉินเฟิง ไม่ใช่แค่ C ธรรมดาๆ แต่เขายังไม่ผ่านการทดสอบเฉยๆ ปัจจุบันอยู่ในเลเวล C2 แล้ว

ต้องรู้นะว่าหลังตัดผ่านเข้าสู่เลเวล D การยกระดับแต่ละขั้น มันยากเย็นมาก การที่พวกเขาสามารถมาถึงเลเวล C6 ได้ ก็ถือว่าเร็วมากพอแล้ว แต่ฉินเฟิงกลับเร็วยิ่งกว่า ไม่เพียงสามารถตัดผ่านสู่เลเวล C แต่ยังยกระดับไปได้ถึง C2 !

ส่วนเรื่องตำแหน่งผู้การรัฐกับประธานกลุ่มองค์กร ทั้งสองไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาพูดดี!

นั่นเพราะลูกรักของพระเจ้าอย่างพวกเขา แค่ยกระดับตนเองให้แกร่งขึ้นก็ไม่มีเวลาเหลือแล้ว แต่ฉินเฟิง กลับยังมีเวลาไปดำรงตำแหน่งผู้การรัฐ ทั้งยังเป็นประธานกลุ่มอีก แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรอ?

ด้วยอายุวัยเท่านี้ เขาสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างให้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังอึ้ง ท่ามกลางประตูมากมาย อีกหนึ่งแสงพลันสาดไสว

ลูกรักของพระเจ้าอีกคนหนึ่ง ได้มาถึงแล้ว

เป็นจิหรัน!

จิหรันในปีนี้ก็มีอายุ 19 ปีเช่นกัน ในรุ่นนี้ เธอคือลูกรักของพระเจ้าคนเดียวที่เป็นผู้หญิง หากจะเรียกขานเธอว่าเจ้าหญิงแห่งเมืองหลวงมังกรมันคงไม่มากเกินไป แม้เธอจะไม่เก่งเท่าหลงกันหรือจ้วงเซิน แต่หากพูดในเรื่องความแข็งแกร่ง เธอนับว่าไม่เลว ทั้งยังร้อนแรง!

เมื่อเห็นคนทั้งสี่ ดวงตาของจิหรันเปล่งประกายสดใสวูบหนึ่ง

ในตอนแรก หากฉินเฟิงแซงเธอแค่คนเดียว จิหรันคงรู้สึกไม่พอใจ ในตอนที่ฉินเฟิงแซงจ้วงเซินได้ จิหรันรู้สึกหมดหวัง แต่เมื่อฉินเฟิงนำหน้าหลงกัน จิหรันกลับเกิดความรู้สึกตรงกันข้ามขึ้นมา นั่นคือพึงพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ทันทีที่เธอสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์บนหน้าอกของฉินเฟิง แข้งขาพลันบิดเกร็ง กรามนิ่งค้างมิอาจเปล่งคำใด

ใช้เวลาอยู่นาน จิหรันจึงค่อยๆเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นาย .. นายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C จริงๆหรอ!!”

จ้วงเซินที่อยู่ข้างๆไม่วายทิ้งระเบิดลงอีกลูก “เป็นเลเวล C2 แต่ยังไม่ได้รับการทดสอบ”

จิหรันเผลอสบถคำหยาบคายออกมา “แม่มันเถอะ! นายใช้เทคนิคอะไรฝึกฝน? แล้วปีนี้มีอายุเท่าไหร่กัน? มีจากสี่ภูมิภาคไหน!”

ต้องขอบอกว่า ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของจิหรันเข้าเต็มเปา!

ฉินเฟิงกวาดตามองจิหรันวูบหนึ่ง ในหัวใจย้อนนึกถึงตัวเธอในอนาคต

ความแข็งแกร่งของจิหรัน แน่นอนว่าแข็งแกร่ง หกปีให้หลัง เธอได้กลายเป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ฉินเฟิงกับเธอเคยร่วมมือ ช่วยกันทำภารกิจกวาดล้างกองทัพสัตว์ร้ายอยู่หลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม จิหรันคนนี้ ในอนาคตดันมีอดีตสามีถึงสามคน และทั้งหมดล้วนจบชีวิตในระยะเวลาสั้นๆ

ตระกูลจิไม่เหมือนตระกูลหลง พวกเขาเป็นเพียงตระกูลเล็กๆในเมืองหลวงมังกร ดังนั้นเพื่อขยับขยายอิทธิพล พวกเขาเลยทำได้แค่ต้องแต่งงานทางการเมือง และชะตากรรมของจิหรัน ถือเป็นโศกนาฏกรรม เพราะในยุคนี้ ผู้คนที่ทรงพลังมักต้องเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวงอยู่บ่อยครั้ง สามีทั้งสามของเธอ ทยอยกันจบชีวิตลงทีละคน ทีละคน ส่งผลให้บุคลิกของจิหรัน กลายเป็นบิดเบี้ยว ไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาเหมือนในตอนนี้

“ฉันอายุเท่ากันกับเธอ ส่วนเรื่องเทคนิคฝึกยุทธ นั่นเป็นความลับ” ฉินเฟิงไม่ยอมเปิดเผยอายุจริงๆของเขา แม้ตอนนี้ตนจะอายุแค่ 17 ปี แต่จิตสำนึกก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มแล้ว!

“จิ๊ส์ คนอะไรใจแคบจริง!” จิหรันเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบนี้

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม ” ระหว่างนั้นเอง ผู้พิทักษ์หอคอยกระแอมไอสองครั้ง ส่งสัญญาณว่า ฉันก็อยู่ที่นี่เหมือนกันนะ ไม่เห็นหัวกันเลยรึไง!!

“เอาล่ะพวกเด็กๆ พวกเธอทุ่มเทต่อสู้กันมานานแล้ว ดังนั้นพักผ่อนสักหน่อยจะดีกว่านะ เพราะอีก 6 ชั่วโมงจากนี้ มีโอกาสครั้งใหญ่กำลังเฝ้ารออยู่”

หลังจบประโยค หลงกันและคนอื่นๆก็คล้ายถูกน้ำเย็นราดรด ทั้งหมดพยักหน้ารับคำ ทิ้งตัวลงกับพื้น เร่งฟื้นฟูกำลังภายในของตัวเองทันที!