บทที่ 221แต่งตัวขัดกับธีม

รักหวานอมเปรี้ยว

ชั่วพริบตาทุกคนก็ส่งสายตามองไปที่ตัวส้มเปรี้ยว

ส้มเปรี้ยวกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนเข้าแล้ว

เธออยากจะหลบไปอยู่ข้างหลังเปปเปอร์ทันทีด้วยจิตใต้สำนึก

แต่เปปเปอร์กลับเอามือกดไปบนไหล่ของเธออย่างแข็งกร้าว ไม่ยอมให้หลบซ่อน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ส้มเปรี้ยวในเมื่อคุณได้ทำผิดไปแล้ว คุณต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ และเรียนรู้ที่จะเผชิญกับมันนะ!”

ส้มเปรี้ยวจ้องมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อด้วยดวงตาที่โพลงโต ราวกับเป็นการที่เธอกำลังฟ้องเขาไม่เพียงแต่เขาจะไม่ช่วยเธอ เขายังขอให้เธอยอมรับผิดอีก

ในชั่วขณะหนึ่ง ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากล่าง แล้วความเกลียดชังก็แวบผ่านเข้ามาในดวงตาของเธอ

แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วมาก แต่เปปเปอร์ก็ยังจับได้ แล้วจึงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง

ส้มเปรี้ยวเกลียดเขาหรือ?

เพียงเพราะเขาไม่ได้ช่วยเธออย่างนั้นหรือ?

“ดูเหมือนว่าประธานเปปเปอร์จะรู้แล้วนะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไม่อุบเอาไว้ก็แล้วกัน” คุณหญิงนิภาจิบไวน์แดง แล้วพูดว่า “เมื่อกี้บนชั้นสอง ฉันเห็นกับตาว่าคุณส้มเปรี้ยวไปชนแขนของคุณราเม็ง แต่คุณราเม็งไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วคุณส้มเปรี้ยวก็ล้มลงกับพื้นเอง”

“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือส้มเปรี้ยวแกล้งล้มเอง หลังจากนั้นก็มาใส่ร้ายมายมิ้นท์ของเราถูกต้องไหม?” ลาเต้ฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว

คุณหญิงนิภาพยักหน้า “ถูกต้อง”

ทามทอยกับราเม็งก็เป่าปากด้วยความโล่งอกเช่นกัน

เยี่ยมมากเลย ที่คุณหญิงนิภายืนอยู่ข้างพวกเขา

แม้แต่คิ้วที่ขมวดแน่นของเปปเปอร์ต่างก็ยืดออกมาแล้วเล็กน้อย

มายมิ้นท์โค้งคํานับให้คุณหญิงนิภาหนึ่งครั้ง แล้วพูดด้วยท่าทางที่นอบน้อมและจริงใจว่า “ขอบคุณคุณหญิงนิภาที่ช่วยเป็นพยานให้ฉันนะคะ”

คุณหญิงนิภายิ้มให้เธอสักครู่ แล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อเธอเสียทั้งหมดซะหน่อย ฉันก็แค่ไม่อาจทนดูว่ามีคนมาใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้ในที่ของฉันเท่านั้นเอง”

คำพูดนี้ทำให้ส้มเปรี้ยวหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา

สีหน้าของเยี่ยมบุญก็ดูไม่ดีเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังกัดฟันพูดยืนยันว่า “แต่ที่นังหนูตระกูลมหาเอกรัตนาเห็นมันไม่ใช่อย่างนี้หนิ เธอเห็นกับตาตัวเองว่ามายมิ้นท์ผลักส้มเปรี้ยว”

“หือ? เธอเห็นกับตาตัวเองหรือเปล่า?” คุณหญิงนิภามองขนมผิงด้วยรอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยนแปลง

“ฉัน……ฉัน……” ในขณะนี้ขนมผิงก็รู้สึกกลัวอยู่บ้างแล้วเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อสักครู่นี้คุณหญิงนิภาจะอยู่บนชั้นสอง

ขนมผิงมองไปทางคุณหญิงนิภา แล้วก็มองไปทางส้มเปรี้ยวกับเยี่ยมบุญ

ส้มเปรี้ยวพยักหน้าให้ขนมผิง “ผิง เธอพูดมาสิ พูดว่าเธอเห็นแล้ว”

“ถูกต้อง นังหนูตระกูลมหาเอกรัตนา เธอก็พูดมาเถอะ ในเมื่อเธอเห็นกับตาตัวเอง ก็ไม่มีอะไรที่จะพูดออกมาไม่ได้” เยี่ยมบุญก็พูดยืนยันเช่นเดียวกัน

“ฉัน……” ขนมผิงพูดอ้ำๆอึ้งๆ เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่มีฐานะสูงกว่าเธอกลุ่มนี้ แรงกดดันของเธอจึงเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าชั่วขณะ สุดท้ายเธอก็แบกรับไม่ไหวแล้วจริงๆ ทันใดนั้นเธอจึงร้องไห้ขึ้นมา แล้วพูดว่า “ฉัน……ฉันไม่ได้เห็นเองกับตาหรอกค่ะ”

“อะไรนะ?” สีหน้าของเยี่ยมบุญเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “เธอไม่เห็นงั้นเหรอ?”

ภายในดวงตาของส้มเปรี้ยวก็มีจิตอาฆาตผ่านเข้ามาเล็กน้อย

สมควรตาย คิดไม่ถึงจริงๆว่าขนมผิงจะทรยศหักหลังเธอ!

ขนมผิงไม่กล้ามองเยี่ยมบุญสองพ่อลูก จึงก้มศีรษะลงต่ำๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า “ตอนนั้นฉันถูกมายมิ้นท์โกรธเข้า ก็เลยไม่ได้สนใจส้มเปรี้ยวเลย หลังจากที่ส้มเปรี้ยวร้องตะโกนออกมา ฉันจึงพบว่าเธอได้ล้มลงไปแล้ว แต่ว่าเธอล้มลงไปได้ยังไง ฉันมองไม่เห็นจริงๆค่ะ”

“เธอ……” มือของเยี่ยมบุญสั่นเทา “งั้นทำไมเธอถึงบอกว่าเธอเห็นล่ะ?”

“เพราะว่าส้มเปรี้ยวคือเพื่อนของฉัน ดังนั้น…….”

“ดังนั้นเธอก็เลยพูดว่าเธอเห็น” มายมิ้นท์พูดเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่ดีของส้มเปรี้ยวจริงๆนะ แต่ส้มเปรี้ยวกลับไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอในฐานะเพื่อนเลยเน๊าะ”

“หือ?” ขนมผิงมองไปที่ส้มเปรี้ยวอย่างฉงนสนเท่ห์

เปปเปอร์ก็ก้มหน้ามองลงไปเพราะคำพูดของมายมิ้นท์เช่นกัน

หลังจากที่ส้มเปรี้ยวรู้สึกได้แล้ว เปปเปอร์เขาก็รีบเก็บซ่อนความโกรธและจิตสังหารที่อยู่ภายในใจของเขาเอาไว้ แล้วแสดงสีหน้าท่าทางที่เศร้าเสียใจที่มีต่อขนมผิงออกมา

ขนมผิงโยนคำพูดของทามทอยไปทิ้งไว้ข้างหลังในทันที ภายในใจของเธอรู้สึกผิดไม่หยุดที่ตัวเองทรยศส้มเปรี้ยวเพื่อนคนนี้ไปแล้ว

“ส้มเปรี้ยว ขอโทษนะ ฉัน……”

ส้มเปรี้ยวเบือนหน้าหนีและไม่มองเธอ

ขนมผิงลู่หนังตาลงอย่างอ้างว้าง

เมื่อภายในดวงตาของคุณหญิงนิภาได้เห็นฉากนี้ก็ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

เยี่ยมบุญที่อยู่ข้างๆยังคงไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจอย่างเด็ดขาด “ต่อให้ขนมผิงจะไม่เห็น แล้วคนอื่นๆล่ะ”

เขากวาดตาไปมองแขกคนอื่น แล้วพูดว่า “พวกเขาเพิ่งจะพูดไปว่าพวกเขาก็เห็นแล้ว”

“พวกปากแข็ง” ลาเต้อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา

เยี่ยมบุญได้ยินดังนั้น ก็อยากจะโมโหขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงหมัดเมื่อสักครู่นี้ เขาจึงยังอดทนเอาไว้

ในเวลานั้นเอง แขกคนหนึ่งก็ยืนขึ้นมาด้วยท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วพูดว่า “อะไรนะประธานเปปเปอร์ จริงๆแล้วพวกเราก็ไม่เห็นเช่นกัน พวกเราก็แค่ไม่อยากล่วงเกินประธานเปปเปอร์ดังนั้นเราจึงพูดในสิ่งที่ตัวเองเห็น”

“หึ!” ลาเต้กับทามทอยหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

มายมิ้นท์กับราเม็งที่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยในขณะที่ภายในดวงตาก็กำลังอมยิ้มอยู่

มีเพียงการแสดงออกทางสีหน้าของเปปเปอร์เท่านั้นที่มืดดำจนน่ากลัว “เพียงเพราะคุณกลัวว่าจะล่วงเกินผม ดังนั้นพวกคุณก็เลยพูดกลับขาวให้เป็นดำอย่างนั้นเหรอ?”

“เพราะว่าคุณส้มเปรี้ยวเป็นคู่หมั้นของคุณไง” แขกคนนั้นตอบกลับมาหนึ่งประโยคอย่างเบาๆ

เปปเปอร์อยากจะพูดหักล้าง แต่เขาไม่รู้ว่าจะหักล้างยังไง

เพราะว่าส้มเปรี้ยวเป็นคู่หมั้นของเขา ดังนั้นมายมิ้นท์ก็เลยต้องถูกใส่ร้าย งั้นถ้าหากครั้งหน้าตระกูลภักดีพิศุทธิ์อาศัยชื่อของเขาไปทำอะไรบางอย่าง เพราะว่าเป็นญาติที่เกี่ยวดองกันของเขา ดังนั้นคนเหล่านี้ก็เลยต้องช่วยกันปิดบังอย่างนั้นใช่ไหม?

ในขณะนั้นเอง เปปเปอร์ก็ตระหนักขึ้นมาในทันใดว่าตัวเองได้ให้ท้ายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มากเกินไปแล้ว

จะให้เป็นแบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน!

“พวก……พวกคุณ……” เยี่ยมบุญคิดไม่ถึงเลยว่าคนเหล่านี้จะประจบเอาใจเปปเปอร์ ดังนั้นจึงช่วยขนมผิงกับส้มเปรี้ยวให้การเท็จ หน้าของเขาดำมืดลงด้วยความโกรธจนเขาเกือบจะเป็นลมล้มลงไป

ในขณะเดียวกันเขาก็เกลียดคนเหล่านี้และขนมผิงมาก รวมถึงส้มเปรี้ยวนังลูกสาวเนรคุณคนนี้ด้วย

มีกะจิตกะใจไปจัดการคนอื่น แต่กลับไม่มีความสามารถในการควบคุมคนทั้งงาน นี่มันช่างใจใหญ่แต่ไร้ความสามารถจริงๆ!

“คุณเยี่ยมบุญ ตอนนี้คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้ายังมีอยู่ เห็นทีฉันก็คงทำได้แค่ไปตรวจดูกล้องวงจรปิดเท่านั้นแล้วสินะ” คุณหญิงนิภายิ้มและมองเยี่ยมบุญ

เยี่ยมบุญกำหมัดและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แห้งผากว่า “ไม่ต้องแล้วคุณหญิงนิภา เรื่องนี้เป็นความผิดของเรา เราเป็นคนใส่ร้ายคุณราเม็ง ส้มเปรี้ยว ขอโทษซะ”

ส้มเปรี้ยวไม่เต็มใจ แต่ตอนนี้เธอเสียหน้าไปหมดแล้ว ทุกคนต่างก็มองเธอด้วยสีแปลกๆ ถ้าเธอยังไม่ขอโทษ เธอจะยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นไปอีก

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงกล่าวขอโทษมายมิ้นท์อย่างน่าอัปยศอดสู

มายมิ้นท์ยิ้มแย้ม แล้วพูดว่า “ฉันคิดว่า คุณส้มเปรี้ยวควรจะกล่าวขอโทษคุณหญิงนิภาด้วยนะ เธอใส่ร้ายฉัน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของงานเลี้ยง อีกอย่าง ก็คือการแต่งตัวของเธอ”

การแต่งตัวเหรอ?

ทุกคนมองไปที่ชุดที่อยู่บนร่างกายของส้มเปรี้ยว

เมื่อคนที่เฉลียวฉลาดเฉียบบางคนมองออกแล้วก็หัวเราะขึ้นมาในทันที

บางคนที่ยังดูไม่ออก ก็จะสับสนและไม่เข้าใจอะไรเลย ตัวอย่างเช่นลาเต้กับทามทอยสองคนนี้

สำหรับราเม็ง เขาอยู่ในกลุ่มที่มองออกแล้วกลุ่มนั้น

เปปเปอร์ก็อยู่ในกลุ่มที่มองออกแล้วกลุ่มนั้นด้วยเช่นกัน เขาเม้มริมฝีปากบางๆจนแน่นเป็นอย่างมาก แล้วพูดว่า “ส้มเปรี้ยว รูปแบบการแต่งตัวนี้ของคุณ ใครเป็นคนจัดการให้คุณเหรอ?”

“รูปแบบการแต่งตัวของฉันมันเป็นยังไงเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าส้มเปรี้ยวยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเธอ

มายมิ้นท์ก็เลยยิ้ม แล้วพูดว่า “ชุดของคุณไม่มีอะไรหรอก ปัญหาก็คือขนที่อยู่บนไหล่และกระเป๋าถือในมือของคุณต่างหาก”

“ไม่ผิด” สีหน้าของคุณหญิงนิภาขรึมลง “นี่คือเหตุผลที่สองที่ฉันไล่พวกคุณออกไป ธีมของงานเลี้ยงในวันนี้คือธีมคุ้มครองสัตว์ป่า คนอื่นๆแต่งตัวดีมากกันทั้งนั้น แต่คุณกลับปรากฏตัวออกมาด้วยการใส่ขนสัตว์และถือกระเป๋าหนังจระเข้ นี่คุณกำลังตบหน้าฉันกับสามีอยู่ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยี่ยมบุญก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตำหนิส้มเปรี้ยวเสียงดังด้วยความโกรธว่า “รีบๆพูดมา ใครเป็นคนออกแบบให้คุณ!”

ถ้าไม่พูดเขาก็จะยังไม่รู้ พูดแล้วเขาจึงจะได้รู้อย่างแจ่มชัด คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงทรยศคนนี้จะสวมชุดที่ขัดกับงานเลี้ยงในคืนนี้มาจริงๆ

เขาโมโหมากจริงๆ

“ไม่มีสไตลิสต์หรอก ฉันแต่งตัวเอง……ไม่สิ เป็นเธอ เป็นมายมิ้นท์ที่จงใจทำร้ายฉัน!” ส้มเปรี้ยวคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว จึงยกนิ้วขึ้นและชี้ไปที่มายมิ้นท์

ทุกคนมองไปที่มายมิ้นท์อีกครั้ง

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ส้มเปรี้ยวอย่าพูดมั่วๆนะ”

“ฉันไม่ได้พูดมั่วๆ เป็นเธอจริงๆ เธอเป็นคนให้ฉันใส่แบบนี้!” ส้มเปรี้ยวกระทืบเท้าอย่างรวดเร็ว

และแล้วเยี่ยมบุญก็มีเหตุผลที่จะพุ่งเป้าไปยังมายมิ้นท์อีกครั้งแล้ว เขาจึงพูดว่า“ดี ที่แท้ก็เป็นเธอนี่เอง”

ลาเต้และอีกสามคนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่กลับถูกมายมิ้นท์สกัดเอาไว้