ฉินเปิ้นหยวนเชื่อคำพูดของลูกสาวทุกคำ ลูกสาวเขาเป็นเพื่อนสนิทของถังซี แทบจะได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นลูกสาวตระกูลถังจริงๆ เมื่อลูกสาวเขาพูดแบบนี้ก็จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน จากนั้นสิ่งที่เขาต้องทำมีแค่เริ่มโครงการเมื่อมีเงินทุนเข้ามา!
เขายังคงกล่าวต่อไป “ตกลง ตกลง ตกลง หยิ่งเอ้อ ลูกเป็นลูกสาวที่เก่งจริงๆ กลับมาบ้านคืนนี้พ่อจะให้พ่อครัวทำอาหารจานโปรดของลูก”
ฉินซินหยิ่งอารมณ์ไม่ดี เพราะเธอไม่พบอัลบั้มภาพวาดและแฟลชไดรฟ์ของถังซีที่อุทยานเอ็มไพร์วันนี้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณนะคะ ถึงแม้บริษัทเสื้อผ้าของหนูจะมีผลงานที่ดี แต่ก็ไม่ตรงกับความต้องการของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป ตอนนี้หนูเป็นนักออกแบบพิเศษแผนกออกแบบของเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เพราะนั้นหนูต้องระมัดระวังในความร่วมมือกับทางนั้น บางทีเราอาจโน้มน้าวให้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปมาลงทุนในบริษัทของเราได้นะคะ”
แม้ว่าเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปจะไม่ทรงอิทธิพลเท่าเอ็มไพร์กรุป แต่ก็เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของจีน แน่นอนว่าฉินเปิ้นหยวนต้องเคยได้ยินชื่อเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซินหยิ่งเขาก็กล่าวขึ้นทันทีด้วยความพึงพอใจ พร้อมทั้งเยินยอ “ใช่ ใช่ ใช่ ในเมื่อลูกสามารถเข้าร่วมงานกับบริษัทใหญ่ๆ ได้ ลูกก็ควรหวงแหนโอกาสนี้ไว้ อาชีพของลูกกำลังเฟื่องฟู ลูกควรจัดการอย่างระมัดระวัง พ่อขอให้ลูกประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของลูกนะ!”
แต่ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้วเมื่อเธอได้ยินคำพูดแบบนี้ เธอกล่าวอย่างเย็นชา “พอเถอะค่ะ ตอนนี้หนูทำแฟลชไดรฟ์หาย หนูตั้งใจจะไปค้นหาแฟลชไดรฟ์ของถังซีที่อุทยานเอ็มไพร์ แต่หนูหาไม่เจอ ไม่รู้เธอเอาไปด้วยหรือเปล่าตอนเดินทางไปต่างประเทศ เวลานี้หนูติดต่อเธอไม่ได้ แล้วก็เอาภาพสเก็ตช์งานออกแบบออกมาไม่ได้เลย นั่นหมายความว่าหนูจะไม่สามารถแสดงผลงานอะไรเลยในงานปารีสแฟชั่นวีค ในนามเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป อย่าว่าแต่สร้างความสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นชั้นนำของโลกเลย หนูรู้สึกแย่มาก”
ฉินเปิ้นหยวนรู้ดีว่าภาพสเก็ตช์งานออกแบบของฉินซินหยิ่งมาจากไหน แต่เขาไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดพลาด ถังซีในฐานะเจ้าหญิงน้อยแห่งเอ็มไพร์กรุปมีทุกสิ่งทุกอย่าง และมีคนมากมายที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอพอใจ แม้เธอจะไม่ได้ขอก็ตาม ซึ่งพวกเขาแตกต่างจากเธอ พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ถ้าซินหยิ่งไม่ได้นำภาพสเก็ตช์งานออกแบบของถังซีมา ‘ใช้’ ตอนนี้เธอก็คงเป็นได้เพียงผู้ช่วยนักออกแบบ และจะไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักออกแบบที่มีความสามารถ เป็นที่ชื่นชมในหมู่สตรีชั้นสูงได้เช่นนี้ ดังนั้นถังซีควรมอบภาพสเก็ตช์งานออกแบบให้ซินหยิ่ง และช่วยให้ซินหยิ่งได้ในสิ่งที่เธอมีอยู่ในตอนนี้ นั่นคือหน้าที่ของถังซี!
พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ดังนั้นถังซีจึงควรช่วยซินหยิ่งและตระกูลของซินหยิ่ง
“ทำไมลูกไม่โทรหาเธอล่ะ ปารีสแฟชั่นวีคเป็นงานแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ ถ้าลูกสามารถแสดงผลงานในปารีสแฟชั่นวีค และเป็นที่รู้จักของผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่น จะมีคนใส่ชุดที่ลูกออกแบบมากขึ้นเรื่อยๆ ลูกก็จะรุ่งเรืองมากในอาชีพ” ฉินเปิ้นหยวนไม่อยากให้ลูกสาวสูญเสียช่องทางหรือโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเปิ้นหยวน ฉินซินหยิ่งก็ยกมือกุมขมับ จับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวและขมวดคิ้ว “หนูรู้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้หนูนำภาพสเก็ตช์ออกมาไม่ได้เลย แล้วหนูก็ทำแฟลชไดรฟ์หาย!”
ฉินเปิ้นหยวนรู้สึกได้ถึงความตื่นกลัวในน้ำเสียงฉินซินหยิ่ง เขาลดเสียงลงราวกับกลัวว่าจะทำให้ฉินซินหยิ่งโกรธ และกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “หยิ่งเอ้อ ไม่ต้องกังวล แค่เตรียมตัวสำหรับงานแฟชั่นวีค ส่วนเรื่องภาพสเก็ตช์งานออกแบบพ่อจะจัดการให้เอง พ่อจะเอาภาพสเก็ตช์งานออกแบบมาให้ลูกให้ได้ภายในสองสามวัน ไม่ต้องกังวล”
ฉินซินหยิ่งขมวดคิ้ว “พ่อจะทำอะไร”
ฉินเปิ้นหยวนยิ้มและน้ำเสียงฟังดูมั่นใจมาก “ลูกรัก ไม่ต้องกังวล แค่เรื่องภาพสเก็ตช์งานออกแบบ พ่อจะแก้ปัญหาให้เอง ลูกรอฟังข่าวดีก็พอ”
…
ถังซีอยู่ในโรงพยาบาลมาสามวันแล้ว ในที่สุดเธอก็สามารถขยับเอวได้ เธอลุกขึ้นนั่งเอง และเมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็เห็นเฉียวเหลียงยืนพิงวงกบประตู เฝ้ามองเธอพยายามลุกขึ้นนั่ง “อ้าว! คุณทำอะไรอยู่ตรงนั้น สนุกนักหรือที่เห็นฉันเป็นแบบนี้” บ้าชะมัด! เขามาถึงตั้งนานแล้ว แต่แค่เฝ้ามองดูความพยายามของเธอ! บ้าที่สุด!
เฉียวเหลียงเดินเข้ามาช้าๆ ปรับเตียงขึ้น จากนั้นก็วางหมอนไว้ใต้เอวเธอ ช่วยเธอนอนพิงหมอน “เจ็บไหม” เขาถาม
ถังซีจ้องเขม็ง “เจ็บสิ!” ก็เธอบาดเจ็บที่เอวนี่!
เฉียวเหลียงส่งเสียงจากลำคอเบาๆ และพยักหน้าอย่างเฉยเมย “ดีแล้วที่คุณรู้ว่าเจ็บ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคุณก็ลืม และพาตัวเองกลับมาที่โรงพยาบาลอีก”
ถังซีพูดไม่ออก เธออยากจะโกรธ แต่แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า ‘ให้ตายสิ เฉียวเหลียงพูดถูก! บ้าที่สุด! นี่เฉียวเหลียงไปเรียนจิตวิทยามาตั้งแต่เมื่อไหร่’ เขากำลังล้างสมองเธอ!
ทำไมเธอถึงรู้สึกผิดต่อเขา ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนได้รับบาดเจ็บ!
เมื่อเห็นถังซีหน้าแดงก่ำแต่ไม่พูดไร เฉียวเหลียงก็ยิ้มและถามอย่างอ่อนโยน “โกรธเหรอ”
ถังซีสะบัดมือเฉียวเหลียง ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่กล้าหรอก!”
เฉียวเหลียงยิ้ม ยื่นมือมาลูบผมเธอ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเห็นในห้องเธอ เขาก็ไม่ใจแข็งพอที่จะเกรี้ยวกราดใส่เธอ เขาจูบหน้าผากเธอและกล่าวว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าโกรธเลยนะ คุณอ่านรายงานผลการตรวจสุขภาพของคุณปู่หรือยัง”
ถังซียิ้มและพยักหน้า เมื่อนึกถึงรายงานผลการตรวจที่ได้รับเมื่อวันก่อน ดวงตาเธอเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงบ้าน แต่เธอเอ่ยก็ขึ้นด้วยความดีใจ “คุณปู่พ่อบ้านดูแลคุณปู่ฉันอย่างดี เวลาที่ฉันไม่อยู่บ้าน”
เฉียวเหลียงพยักหน้า “ถังจงเป็นพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์”
ถังซียิ้ม กล่าวด้วยความภาคภูมิใจเล็กน้อย “แน่นอนค่ะ คุณปู่พ่อบ้านติดตามคุณปู่ฉันมาตั้งแต่ฉันยังเด็ก”
เมื่อเห็นด้านที่เป็นเด็กของถังซี เฉียวเหลียงก็แอบถอนหายใจ ลูบผมเธอแล้วถามอย่างอ่อนโยน “ทำไมคุณถึงอยากได้เสื้อผ้าชุดนั้น”
“เอามาแต่งงานกับคุณไง” ถังซีกล่าว แล้วหัวเราะ เมื่อเห็นเฉียวเหลียงตะลึงงันอย่างแท้จริงกับคำพูดของเธอ “ฮ่าๆ กลัวเหรอ ฉันล้อเล่นน่า นั่นไม่ใช่ชุดแต่งงาน ฉันอยากมอบชุดนั้นให้เซียวโหรวเป็นของขวัญ ถังซีมอบให้เซียวโหรว”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยสายตางุนงง “ของขวัญหรือ”
ถังซียิ้ม เมื่อคิดถึงข่าวที่อ่านในวันนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียงแล้วกล่าวว่า “อาเหลียง คุณอาจคิดว่าเป็นการเอาสิ่งที่ให้กับคนอื่นแล้วกลับคืนมา แต่ฉันตัดสินใจจะทำแบบนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องเสียใจกับตัวเองไปตลอดชีวิต”
เมื่อนึกถึงภาพในความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา เธอก็กำมือที่ซ่อนอยู่ในชุดคนไข้แน่น
เธอเคยใจดีกับฉินซินหยิ่งมาก แต่ฉินซินหยิ่งเพียงใช้เธอเป็นบันได และเขี่ยเธอออกไปเมื่อเธอไร้ประโยชน์