กระสวยอวกาศพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการสอบรอบที่สองจากนายพล เฟิงหลินและอาจารย์ใหญ่ก็ออกจากสมาคมการบ่มเพาะและกลับไปที่เมืองฮั่วเซี่ย
“อีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะเริ่มการทดสอบรอบสอง เฟิงหลินเธอมีแผนอะไรบ้างไหม?” อาจารย์ใหญ่ถาม เส้นทางที่เฟิงหลินเลือกเดินจะเป็นผลประโยชน์ที่โรงเรียนจะได้รับ อาจารย์ใหญ่ต้องกังวลเป็นธรรมดา
“ ต่อไปผมจะพยายามบ่มเพาะอย่างดีที่สุดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของยีน ผมต้องทำให้สำเร็จก่อนการสอบรอบที่สอง” เฟิงหลินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเผยแผนการในอนาคตเล็กน้อย
“ อะไรนะ?ความแข็งแกร่งของยีนเธอยังไม่ถึงขีดสุดอีกหรอ แต่สถานะพลังของเธอสูงกว่า 90 แล้วไม่ใช่หรอ?เธอจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยีนระดับไหน?” อาจารย์ใหญ่ตกใจมาก ความสำเร็จของเฟิงหลินนั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตรรกะของการบ่มเพาะ
แม้ว่าเฟิงหลินจะเป็นนักเรียนของเขา แต่เขาก็ถูกปกคลุมด้วยความลึกลับ อาจารย์ใหญ่ไม่สามารถมองทะลุเขาได้
เมื่อเจอคำถามนี้เฟิงหลินก็ยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรอีกแล้ว
อาจารย์ใหญ่เองก็รู้ว่าเขาถามเรื่องต้องห้าม ผู้บ่มเพาะจะยินดีเปิดเผยความลับต่อคนอื่นได้ยังไง?เขาไตร่ตรองเล็กน้อยและพูดต่อว่า“ เนื่องจากเธอมีแผนอยู่แล้ว ฉันก็จะออกใบอนุญาตให้เธอออกไปไหนก็ได้ เพียงแค่แสดงความสามารถของเธอให้ฉันดูตอนการทดสอบคราวหน้าก็พอ”
“ขอบคุณครับ อาจารย์ใหญ่!” เฟิงหลินพยักหน้าขอบคุณ
เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมโรงเรียนต่างก็อิจฉาเมื่อเห็นสิ่งนี้
อาจารย์ใหญ่ให้อิสระอย่างมากกับเฟิงหลินเพราะเขารู้ว่าอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นไม่สามารถผูกมัดได้ด้วยกฎระเบียบและข้อจำกัด อัจฉริยะที่แท้จริงจะเดินต่อไปบนเส้นทางที่เขาเลือกเอง
นี่คือสิ่งที่เฟิงหลินต้องการ
หลังจากที่พวกเขาสองคนตกลงกันเรียบร้อยและกระสวยอวกาศมาถึงเมืองฮั่วเซี่ย เฟิงหลินก็ได้อยู่ลำพัง
ต่อไปเขาต้องเข้าสู่ความสันโดษและบ่มเพาะเพื่อเตรียมการสอบรอบที่สอง
ตราบใดที่เขาเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของยีนวิญญาณได้ เขาจะมีความหวังในการเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง
ถ้าเขาต้องการที่จะผ่านรอบที่สองและเดินทางต่อไปบนเส้นทางของเขา เขาจะต้องประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะ ไม่มีโอกาสให้กับความล่าช้า
ไม่งั้น แม้ว่าเขาจะได้รับการพิจารณาว่าสูงสุดในหมู่เพื่อนในระบบสุริยะเนื่องจากฐานการบ่มเพาะปัจจุบัน แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับอัจฉริยะของเหล่าจักรวรรดิดวงดาว
หลังจากกลับถึงบ้าน เขาก็เตรียมที่จะบอกพ่อกับแม่และเตรียมการไปเก็บตัว แต่ทันใดนั้นเขาก็พบใบหน้าคุ้นเคยในบ้านของเขา
ไม่มีใครอื่นนอกจากหัวหน้าตระกูลเฟิง
ทำไมเขาถึงมาบ้านฉัน?
หัวใจของเฟิงหลินสับสน จะไม่มีคลื่นหากไม่มีลม จู่ๆหัวหน้าตระกูลก็มาเยี่ยมเขา เหตุผลส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังนั้นไม่ค่อยดี
แต่ตอนนี้เขามั่นใจพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ทุกสถานการณ์ ไม่มีอะไรให้กลัว
“พ่อแม่ผมกลับมาแล้ว” เฟิงหลินเข้าบ้านอย่างสงบ
เมื่อหัวหน้าตระกูลเห็นเฟิงหลิน สายตาของเขาก็สดใสขึ้นมา เขาเดินมาหาและหัวเราะร่า “เฟิงหลินขอแสดงความยินดีกับการสอบรอบแรกของมหาวิทยาลัยเอกภพ”
ข่าวแพร่กระจายเร็วแค่ไหนกัน?
แต่เขาก็นึกได้ เมื่อเขาผ่านการทดสอบ เขาเห็นเฟิงหลี่และเฟิงจินเถิง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองก็ได้สมัครเข้ามหาวิทยาลัยเอกภพด้วย
เฟิงหลินขมวดคิ้วและตอบว่า “หัวหน้าตระกูล คุณก็พูดเกินไป ผมเพิ่งผ่านรอบแรก ยังมีการสอบรอบสองซึ่งกำลังรอผมอยู่”
“ถ่อมตัวไม่เบา ไม่เลวเลยจริงๆ! ฉันมาที่นี่เพราะการสอบรอบที่สองนั่นแหละ” หัวหน้าตระกูลพูด
มันต้องซ่อนเจตนาชั่วร้ายไว้อย่างไม่ต้องสงสัย!
เฟิงหลินรู้สึกระมัดระวังในใจ หัวหน้าตระกูลมาหาถึงที่ ดังนั้นเรื่องที่เขาต้องการจะพูดต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน
เฟิงหลินเพียงแค่ยิ้มและไม่ตอบกลับ
หัวหน้าตระกูลลอบรำพึง’เด็กนี่รับมือได้ยากจริงๆ’
หัวหน้าตระกูลยังคงรักษารอยยิ้มของเขาไว้”เอาล่ะ ฉันมีคำขอมาขอเธอ ซึ่งเธออาจลำบากเล็กน้อย”
“ในเมื่อผมรู้ว่ามันจะลำบากแล้ว ผมคงไม่ตอบรับ” เฟิงหลินยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูไม่เหมือนรอยยิ้มเลย
แค่กก…
หัวหน้าตระกูลเกือบกระอักเลือด รู้สึกเหมือนเฟิงหลินอยากทำให้เขาโกรธจนตาย
เขายังสามารถเห็นธรรมชาติที่ไม่ถูกควบคุมและไร้ความกังวลของเฟิงหลิน เขาเข้าเรื่องทันที “เฟิงหลินขอบเขตของการทดสอบรอบที่สองจะครอบคลุมทั้งระบบสุริยะ การแข่งขันจะรุนแรงมาก ภายในตระกูลเฟิงทั้งเธอ เฟิงหลี่และเฟิงจินเถิงต่างก็ผ่านรอบแรก ทำไมเธอทั้งสามคนถึงไม่ร่วมมือกัน ในฐานะคนตระกูลเดียวกัน ถ้าเธอร่วมมือกัน โอกาสผ่านก็ยิ่งสูงไม่ใช่งั้นหรอ?”
นั่นคือเจตนาของเขา!
เฟิงหลินหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาในใจ ข้อเสนอแนะนี้ภายนอกอาจจะดูดี แต่นี่ไม่ใช่ในความเป็นจริง เฟิงหลินมีแผนของเขาอยู่แล้ว
เขามีความลับมากเกินไป เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง เขาไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากเกินไป
สำหรับคนที่สามารถเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาว ใครจะเป็นคนโง่?
หากความลับของเขาถูกเปิดเผย ทุกๆอย่างจะน่ากลัวสำหรับเขา
นอกจากนี้ยังมีเวลาหนึ่งเดือน เฟิงหลินพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนา ตราบใดที่เขาสามารถเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงได้ ทำไมจะต้องอยากเข้าร่วมกับคนอื่น?
เฟิงหลินหัวเราะ “หัวหน้าตระกูลก็สุภาพเกินไป เฟิงหลี่และเฟิงจินเผิงต่างก็เป็นทั้งอัจฉริยะระดับสูงสุดของตระกูล มันจะดีหากพวกเขาร่วมมือกัน แต่สำหรับผม ผมเป็นแค่สมาชิกระดับต่ำ ถ้าผมเข้าร่วมผมจะเป็นภาระให้พวกเขาเปล่าๆ “
น้ำเสียงของเขาสุภาพ แต่ก็เป็นการปฏิเสธที่ชัดเจน เฟิงหลินกำลังล้อเลียนระบบตระกูลเบาๆ
หลังจากหัวหน้าตระกูลได้ยิน ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เฟิงหลินดื้อเกินไป เขาเป็นเหมือนหินแกร่งและมีกลิ่นเหม็น
“เฟิงหลินฉันจะพูดตรงๆ เธฮคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งในตระกูลของเรา หากเธอยินดีที่จะร่วมมือกับเฟิงหลี่และเฟิงจินเถิงเพื่อผ่านการสอบรอบสอง ฉันสัญญากับเธอเลยว่าในระยะเวลาหนึ่งเดือนก่อนที่การสอบจะเริ่ม ทรัพยากรการบ่มเพาะในคลังของตระกูลเฟิงเรา เธอจะสามารถใช้ได้ไม่จำกัด ” เมื่อเห็นว่าข้อเสนอของเขาล้มเหลว หัวหน้าตระกูลก็รีบยื่นเงื่อนไขเพื่อตกลงกันทันที
“หัวหน้าตระกูล ผมไม่มีหลักประกันใดๆเลยว่าจะผ่านการสอบรอบสอง คุณเอาอะไรมาพูดว่าผมจะผ่านอย่างแน่นอน?” เฟิงหลินตัดสินใจแล้ว หัวใจของเขาจะไม่หวั่นไหว
เงื่อนไขที่หัวหน้าตระกูลเสนออาจฟังดูน่าดึงดูดใจสำหรับหลายๆคนและเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่ไม่ใช่กับเขา
หลังจากการเดินทางไปดาวอังคารเขาก็ได้รับความลับและรากฐานของบริษัทยาไจแอนท์ ในช่วงขณะนี้ เขาไม่ได้ขาดทรัพยากรด้านการบ่มเพาะ ทำไมเขาถึงจะต้องใช้ทรัพยากรจากตระกูลเฟิงด้วย?
ของขวัญบังหน้า!
ทำไมเขาต้องหาปัญหาให้ตัวเองเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นด้วย?
“หัวหน้าตระกูล ผมวางแผนที่จะฝึกฝนในช่วงเวลาหนึ่งเดือน พยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อก้าวไปข้างหน้า แทนที่จะร่วมมือกันเพื่อความปลอดภัย ทำไมผมไม่เพิ่มความแข็งแกร่งและพยายามเพื่อที่จะเป็นผู้บ่มเพาะระดับสูงให้ได้?นี่จะเป็นการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดว่าผมจะผ่านการสอบ ” หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจคำตอบของหัวหน้าตระกูลและเดินเข้าไปในห้องและปิดประตู
สายตาของหัวหน้าตระกูลเริ่มน่ากลัวขึ้น
เฟิงหลินถือได้ว่าเป็นผู้บ่มเพาะดวงดาวที่สุดยอด อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยได้รับความเมตตาใดๆจากตระกูลและตอนนี้เขาก็เติบโตมาถึงจุดที่ตระกูลควบคุมเขาได้ยาก
นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเฟิงหลินไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลเฟิง!
จากความสามารถก่อนหน้านี้ของเฟิงหลิน หัวหน้าตระกูลสามารถบอกได้ว่าเฟิงหลินเป็นอัจฉริยะเพียงคนเดียวที่ปรากฎในรอบศตวรรษ หากเขาออกจากตระกูลและเข้าร่วมกับองค์กรอื่นๆ นั่นจะเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตระกูล หัวหน้าตระกูลจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?
หัวหน้าตระกูลไตร่ตรองเงียบๆและคิด สายตาของเขาหันไปหาน้องของเฟิงหลินโดยไม่ตั้งใจ
บางทีเขาอาจจะ …
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่หัวหน้าตระกูลกำลังวางแผน เฟิงหลินก็ไม่รู้และไม่สนใจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลาครอบครัวและออกจากตึกของตระกูลเฟิง
อย่างรวดเร็วกระสวยสีเงินพุ่งแหวกท้องฟ้าเคลื่อนไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก
สถานที่ที่เขากำลังจะไป … คือร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา!