ตอนที่ 342

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 342: ล้มเหลว

 

หลังจากอี้เทียนหยุนทำลายเถาวัลย์ที่รัดพันร่างกายของตนแล้ว เขาก็ได้ทำการบินขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเพิ่งจะบินขึ้นไป ทันใดนั้นก็ได้มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมากพากันเล็งโจมตีมาที่เขา

 

กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่พวกนี้เปรียบได้กับปลายหอกที่แหลมคม ทำการแทงมาที่เขา หวังจะเสียบร่างเขาให้ทะลุ

 

“ปัง!”

 

แต่ว่าอี้เทียนหยุนไม่สนใจ ไม่ว่ากิ่งไม้พวกนี้จะแทงมายังไง ก็ไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ร่างของเขาได้ ทำอะไรเขาไม่ได้แม้แต่น้อย จริงอยู่ที่การโจมตีนี้ถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อมาเจอกับเขาผู้ที่มีพลังป้องกันเข้าขั้นน่าสะพรึง เป็นธรรมดาที่มันจะไร้ความหมาย

 

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ตราบเท่าที่ผู้ลงมือไม่ใช่ระดับวิญญาณเที่ยงแท้ ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกได้

 

เมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ต้นไม้ใหญ่พวกนี้ก็เริ่มคลั่งขึ้นมา ทำการแทงกิ่งก้านของตนด้วยความเร็วที่มากขึ้น แต่เมื่อกิ่งก้านพวกนั้นถูกร่างของเขาเมื่อไหร่ มันก็แทบจะแหลกสลายไป ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย

 

“ไปดีกว่า รีบไปด่านต่อไปเลยแล้วกัน”

 

อี้เทียนหยุนมองไปข้างหน้า แล้วก็มองเห็นจริงๆ ข้างหน้าราวกับโลกแห่งทองคำ เป็นอย่างที่เขาคาด ด่านต่อไปคือธาตุทอง มันมีทุกอย่างไม่ต่างจากโลกภายนอก เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ ดอกไม้ ต้นไม้ ล้วนแต่เป็นสีทองหมด ดูแล้วลึกลับอย่างมาก

 

ยังไงก็ตาม ถ้าใครคิดจะอยู่ในโลกแห่งนี้ แน่นอนว่าย่อมตายโดยที่สภาพศพไม่สมบูรณ์

 

แล้วก็จริง หลังจากที่เท้าของเขาย่างเข้าไป ดอกไม้ และต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็พลันกลายร่างเป็นของมีคมนับไม่ถ้วน พร้อมกับทิ่มแทงมาที่ที่เขาอยู่อย่างแน่นขนัด นับไม่หวาดไม่ไหว และแน่นอนว่าไม่มีที่ให้หลบ กระทั่งพื้นที่อยู่ใต้เท้า ก้อนหิน ต่างก็มีคม ทิ่มแทงทุกสิ่งที่คิดจะผ่านที่นี่ไป

 

ดูแล้วเหมือนสิ่งของธรรมดา แต่พริบตาก็พลันเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่ไว้เก็บเกี่ยวชีวิตคน เต็มไปด้วยพลังงานธาตุทองแน่นขนัด ดูแล้วเหมือนเป็นศาสตราวุธทรงพลัง สามารถที่จะฟันเขาให้ขาดในฉับเดียว

 

“เคร้ง!”

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือใบไม้ เมื่อปะทะเข้ากับอี้เทียนหยุน ต่างก็พากันส่งเสียงแหลมๆ ออกมา ไม่สามารถแม้กระทั่งจะสั่นคลอนชุดเกราะมังกรมากได้ ถูกต้านรับได้โดยสมบูรณ์

 

“พลังยอดเยี่ยมมาก เหนือกว่าด่านก่อนๆ เสียอีก ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งแข็งแกร่ง…. แต่สำหรับข้าแล้ว มันกลับไม่มีความหมายอะไรเลย” อี้เทียนหยุนส่ายหัว พร้อมกับยกเท้าก้าวเดินต่อไป ส่วนการโจมตีที่เข้ามาจากทุกทิศนั้น แม้ว่าจะร้ายกาจ แต่จะร้ายกาจไปกว่าชุดเกราะมังกรมารของเขาได้ยังไง

 

ภายใต้การก้าวเดินของเขา อย่างรวดเร็ว เขาก็ได้มาถึงที่แบ่งเขตอีกครั้ง แต่คราวนี้ด้านหน้าของเขากลับมองไม่เห็นอะไร มีแต่หมอกที่แน่นขนัด ดูแล้วแปลกประหลาดอย่างมาก แต่ต่อให้แปลกประหลาดยังไง เขาก็จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ดี

 

และเมื่อเดินเข้าไป อี้เทียนหยุนก็พลันรู้สึกว่าเหมือนมีพลังพิเศษบางอย่างกำลังรัดเขาอยู่ พร้อมกับทำการบุกรุกเข้าไปในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ได้แค่พื้นผิวเท่านั้น ไม่สามารถแทรกซึมผ่านผิวหนังของเขาไปได้

 

หลังจากนั้นห่างออกไปไม่ไกล ก็ได้ปรากฏร่างเงาที่ดูไม่ชัดเจนขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ ก่อร่างเป็นรูปแบบมนุษย์ พร้อมๆ กับเวลาที่ไหลผ่าน ร่างมนุษย์ร่างนี้ยิ่งมายิ่งชัดเจน จนท้ายที่สุด เขาก็พบว่าร่างที่ปรากฏขึ้นมานี้ก็คือตัวเขาเอง!

 

รูปร่างหน้าตาล้วนแต่ไม่แตกต่าง เป็นร่างของเขาอย่างแท้จริง ตอนนี้ใบหน้าของอีกฝ่ายราวกับลอกแบบมาจากเขา ขณะที่เสื้อผ้าก็เหมือนกันอย่างกับแกะ แต่ในขณะที่กำลังสำรวจรูปร่างของอีกฝ่าย ฝ่ายตรงข้ามก็พลันกระโจนเข้ามาอย่างไม่ลังเล พร้อมกับเหวี่ยงหมัดเข้าใส่เขาไม่นับ

 

อี้เทียนหยุนไม่หลบ ยังไงก็ตาม “ตุบ” เสียงหมัดกระแทกร่างของเขา “ปัง” แต่กลายเป็นว่าร่างเงานั้นกลับเป็นฝ่ายที่กระเด็นออกไปแทน และในพริบตาที่อีกฝ่ายกระเด็นออกไปนี้ อี้เทียนหยุนก็ได้ยื่นมือออกไปกระชากร่างของอีกฝ่าย พร้อมกับฟาดลงกับพื้น “เปรี้ยง” จนร่างอีกฝ่ายสลายไป พร้อมกับรวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับหมองหนารอบๆ

 

ง่ายดายโดยไม่ยากเลยสักนิด

 

“นี่มันอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า? แรงก็ไม่มี ทั้งระดับยังน่าผิดหวังอีก…..” อี้เทียนหยุนส่ายหัว แต่เขาก็ได้รู้ข้อมูลของอีกฝ่ายมาพอแล้ว การควบแน่นจากหมอกก่อตัวเป็นรูปร่าง เป็นธรรมดาที่จะเปราะบางอยู่แล้ว

 

แม้ใบหน้าจะเหมือนกันแต่ถึงยังไงก็เป็นของปลอมอยู่ดี แล้วยังจะไปมีพลังทำอะไรได้? ด้วยชุดเกราะมังกรมารที่เขามี ทำให้เขาไม่เหมือนกับเมื่อก่อน พลังของเขาในตอนนี้ต่างกว่าแต่ก่อนมากมายนัก

 

หลังจากจัดการอีกฝ่าย ร่างของอีกฝ่ายก็สลายรวมเข้ากับหมอก ก่อนที่จะหายเข้าไปในหมอกอย่างรวดเร็ว ดูแล้วไม่ต่างจากก่อนเข้ามาแม้แต่น้อย

 

“ที่แท้ก็แค่ภาพเงา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงงดงามอยู่ดี ถ้าคนไม่รู้มาสัมผัสเข้า จะต้องคิดว่าเป็นของจริงอย่างแน่นอน…..”

 

อี้เทียนหยุนจ้องมองอย่างแปลกใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดถึงภาพเงาของตัวเองอีก พร้อมกับเดินไปยังเขตแบ่งด่านต่อไป โดยไม่คิดว่าที่ตนจัดการไปนั้นคือโลกจริง!

 

เขาทำการมองไปข้างหน้า ตรงหน้าทางเข้าที่เป็นถ้ำน้ำแข็งนั้น นั่นก็คือของจริง มีเพียงด่านน้ำแข็งเท่านั้นที่เป็นของจริง ส่วนด่านที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นของปลอม

 

ไม่แปลกที่บรรพชนจะบอกว่าการทดสอบของแต่ละคนนั้นต่างกัน บททดสอบแต่ละครั้งล้วนแต่ต่างกัน ส่วนบททดสอบของเขานั้น แน่นอนว่าเป็นบททดสอบห้าธาตุ ทั้งยังเป็นบททดสอบที่ตั้งใจจะจัดการเขาด้วย ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นเข้ามา แน่นอนว่าต้องเป็นบททดสอบอื่น

 

“สมแล้วจริงๆ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ต่อให้เข้าทะลวงผ่านนักสลักอาคมระดับต้าซือได้ ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าสู่เขตแดนนี้ได้หรือเปล่า” อี้เทียนหยุนส่ายหัว โชคดีที่เขาแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นบททดสอบนี้จะต้องอันตรายมากแน่ๆ เขาคงไม่สามารถผ่านได้สบายเหมือนอย่างนี้

 

และเมื่อเขามองไปด้านหน้า เขาก็พบกับแสงที่ส่องสว่างออกมา แน่นอนว่านั่นคือจุดสิ้นสุด

 

เขาไม่แม้แต่จะคิด ทำการก้าวเท้าเข้าไปด้านใน และเมื่อเข้าก้าวข้ามเขตแบ่งแดนเข้าไปนั้น ทันใดนั้นเขาก็เห็นแสงสว่าง สายตาของเขาพบเข้ากับป้ายศิลาขนาดยักษ์ หรือจะพูดอีกอย่างคือ กำแพงศิลานั่นเอง

 

กำแพงศิลานี้สูงประมาณร้อยเมตรได้ บนนั้นอัดแน่นไปด้วยค่ายกลนับไม่ถ้วน มีค่ายกลสลักไว้ตั้งแต่หัวจรดท้าย แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้ว เขาพบว่าค่ายกลพวกนี้กลับธรรมดามาก เป็นค่ายกลที่นักสลักอาคมระดับต้าซือล้วนแต่สลักได้

 

ไม่มีค่ายกลที่หายากเป็นพิเศษแต่อย่างใด ส่วนใหญ่อี้เทียนหยุนล้วนแต่รู้อยู่แล้ว ส่วนค่ายกลเฉพาะของเผ่าภูตล้วนแต่ไม่ได้สลักไว้ที่นี่ จะเกี่ยวกันไหมไม่รู้ บางทีอาจจะเป็นตัวบรรพชนเผ่าภูตเป็นคนสลักไว้เองก็ได้

 

“ต่อไปก็ต้องเดินไปอยู่หน้าป้ายศิลานี้ ดูว่าจะได้รับการยอมรับหรือเปล่าสินะ?”

 

อี้เทียนหยุนเดินไปอยู่ตรงหน้ากำแพงศิลานี้ จากนั้นก็ยื่นมือไปแตะมัน พร้อมกันนั้น กำแพงศิลาก็พลันเปล่งแสงสีเขียวออกมา ครอบคลุมร่างของเขาไว้ในพริบตา ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นอย่างมาก

 

และหลังจากนั้นสักครู่ แสงทั้งหมดก็หายไป ทั่วทั้งกำแพงศิลากลับไม่ส่งเสียงอะไรออกมา กระทั่งอักษรรูนก็ไม่มอบให้เขา

 

“นี่ข้าล้มเหลวอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนตกใจ