ตอนที่ 291 ค่าขอร้อง

บุตรอสูรบรรพกาล

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 291 ค่าขอร้อง

ตอนที่ 291

คําขอร้อง

“สรุปว่าจักรพรรดิตอนนี้เอาเจ้าไปโม้กับจักรพรรดิอาณาจักรโฮ ไว้เยอะก็เลยอยากให้เจ้าไปร่วมงานฉลองวันสถาปนาครบรอบ 1000 ปีของอาณาจักรโฮสินะ” พ่อของไปจูเหวินพูดสรุปพลางพยัก หน้าช้าๆหลังจากบุตรชายมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง

 

“ขอรับ ข้าก็เลยต้องไปอาณาจักรโฮ”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มเงื่อนๆ องค์จักรพรรดิขอร้องซะขนาดนั้นมันเองก็ไม่อยากขัดเสียเท่าไหร่เพราะการทําลายกลุ่มเขี้ยวโลหิตเองก็เป็นเพราะได้องค์จักรพรรดิช่วยด้วยอีกแรงจะไม่รับฟังท่านเลยคงน่าเกลียดไปหน่อย

 

“ก็แค่ไปร่วมงานเอง เจ้าแค่เดินยิ้มในงานสักหน่อยก็พอ”พ่อของไปจูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องของตนเอง

 

“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”ไปจูเหวินว่าพลางพยักหน้ารับ ก็แค่ไปร่วมงานฉลองคงไม่มีอะไรหรอก

 

“สมัยพ่ออาณาจักรตรงนั้นก็เป็นอาณาจักรที่ดีนะสงบสุขประชาชนมีความสุข แม้จะไม่ได้ร่ํารวยอะไรมากแต่ก็เป็นอาณาจักรที่ดีเลย” ชินหลุนว่าพลางพยายามนึกถึงอาณาจักรที่ตนเคยไปเยี่ยมชมแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นอาณาจักรโฮไปแล้วแต่มันก็ออกไปดูไม่ได้เสียด้วยว่าอาณาจักรต่างๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

 

“ท่านพ่อ ท่านปู บ่อน้ําตรงนั้นสุดยอดไปเลย”ไปหลินที่พึ่งเคยมาพบปูและย่าเป็นครั้งแรกเที่ยวชมไปทั่วยอดเขา แถมยังลงไปเล่นกับพวกอสูรในค่ายกลอสูรอีกต่างหาก แน่นอนว่าไม่จําเป็นต้องห่วงนางในเขตอสูรนั้นปลอดภัยกว่าในเมืองมนุษย์เสียอีก หากเป็นไปหลินกับย่าของนางละก็

“อย่าดูดซับพลังของมันมก้าวหน้าากเกินไปล่ะ เดี๋ยวเจ้าจะออกไปข้างนอกไม่ได้” ชินหลุนว่าพลางยิ้มรับให้หลานสาวอย่างอ่อนโยน

 

“ท่านพ่อ ขอรบกวนหน่อยเจ้าค่ะ”เห็นไปหลินเล่นอยู่กับย่าของนางและหวังตงเหม่ยหลินก็ไม่ได้ไปรบกวนแต่อย่างไร นางเพียงเรียกกระบี่ออกมาพลางเดินไปขอคําแนะนําจากพ่อสามีของนางแทน

 

“ได้สิ” หวังตงยิ้มพลางลุกขึ้นนํากระบออกมาเช่นกันวิชากระบี่ของเหม่ยหลินได้รับสืบทอดมาจากหวังตง เวลา 5 ปีนี้นางฝึกจนชําชองทําให้หวังตงพึงพอใจไม่น้อย

 

“ท่านแม่สู้ๆ”ไปหลินเห็นมารดาประลองกับท่านปูก็ส่งเสียงเชียร์มารดาทันที

“หลินเอ๋อ เจ้าวิชากระบี่ของแม่กับท่านปูให้ดีเข้าใจไหม”เหม่ยหลินว่าพลางปะทะกระบี่กับชินหลุนอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้พวกมันไม่ได้ใช้กําลังปะทะกันเพียงใช้กระบวนท่าเพื่อศึกษาวิชากระบี่เท่า

 

“ยอดเยี่ยม นอกจากข้าแล้วคงไม่มีใครใช้วิชากระบี่ได้เก่งกาจเท่าเจ้าแล้วกระมัง”ในหลุนพูดพลางยิ้มออกมา หลังจากได้ประลองกันแล้วชินหลุดก็ประทับใจไม่น้อยเลยที่ลูกสะใภ้สามารถฝึกวิชากระบี่ที่มันคิดค้นมานานปีได้จนเชี่ยวชาญเช่นนี้

 

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ตัวข้ายังไม่อาจะเทียบเซียนกระบี่ของยุคนี้ได้” เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มบางๆ

“ยังมีคนเก่งกาจกว่าเจ้าอยู่อีกงั้นหรือ โลกยุคใหม่ช่างเปลี่ยนไปมากจริงๆ” ชินหลุนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

 

“เจ้าค่ะ ท่านคืออาวุโสเทียนหมิง เป็นสุดยอดมือกระบี่ที่ก้าวถึงระดับเจ้าสวรรค์แล้วเจ้าค่ะ” เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มรับ แม้จะไม่เคยประลองกันแต่นางก็ไม่คิดว่าตนเองจะสามารถสู้กับอาวุโสเทียนหมิงได้หรอก

“ข้าอยากจะพบมันเสียแล้ว” ชินหลุนหัวเราะพลางเผยประกายตาดีใจออกมา มันฝึกฝนอยู่บนแดนลับแลจนออกไปไหนไม่ได้ ทําให้พรากโอกาสทดลองฝีมือไปมาก มันเองก็อยากรู้เช่นกันว่าในโลกภายนอกยังมีใครที่มีฝีมือพอจะเอาชนะมันได้อีกหรือไม่

 

“หากได้พบข้าจะบอกท่านให้ขอรับ”ไปจูเหวินตอบพลางเดินเข้ามาหาชินหลุนกับเหม่ยหลิน

“มันรู้เรื่องความสามารถของเจ้าด้วยงั้นหรือ”ชินหลุนถามด้วยความประหลาดใจ เพราะมันไม่คิดว่าไปจูเหวินจะไว้ใจให้คนไม่รู้จักมาที่นี่

 

“ขอรับ ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้า รวมทั้งยังเป็นผู้มอบวิชาโลหิตมังกรให้กับข้าด้วย”ไปจูเหวินตอบออกไปตามตรงเพราะอาวุโสเทียนหมิงนั้นเป็นคนหนึ่งที่ทราบเรื่องของไปจูเหวินมาแต่ต้นแม้จะยังไม่ทราบเรื่องตนเองมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรแต่หากเป็นอาวุโสเทียนหมิงละก็มันย่อมไว้ใจได้

 

“ดี ข้าจะรอ” ชินหลุนว่าพลางตบบ่าไปจูเหวินเบาๆ แค่คิดว่าจะได้ประลองกับสุดยอดมือกระบี่แห่งยุคหลังมันก็ดีใจมากแล้ว

 

“ท่านพ่อ เรายังไม่กลับไปหาท่านตาอีกเหรอ”ไปหลินถามพลงมองขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรชินจากภายในรถม้าส่วนตัวของไปจูเหวินที่องค์จักรพรรดิทรงจัดหามาให้

“ท่านอาของพ่อมีอยากจะพาเจ้าไปเที่ยวสักหน่อยเราคงต้องเดินทางไปที่อื่นอีกหลายวัน”ไปจูเหวินว่าพลางลูบหัวไปหลินเบาๆตอนนี้พวกมันอยู่ในชุดที่หรูหรามากๆเพื่อให้สมกับเป็นองค์ชายองค์หญิงแห่งอาณาจักรชินรวมทั้งในการเดินทางครั้งนี้ไปจูเหวินยังต้องใช้ชื่อว่าในอี้ไปก่อนอีกต่างหาก

 

“ได้เดินทางเยอะๆแบบนี้ก็ดีนะ”หลินหลินว่าพลางยิ้มกว้างนางไม่ได้ออกจากเขตอสูรมานานแล้ว สําหรับนางที่เดินทางอยู่ตลอดก็แอบอึดอัดอยู่เหมือนกัน

“ใช่ มาเที่ยวครั้งนี้คุ้มมากเลย”ไปไปว่าพลางยิ้มกว้างนางไม่เคยออกมาเลยพอได้ออกมาทีก็ไปเสียหลายอาณาจักรทําเอานางดีใจเสียมากกว่าที่ได้ไปอาณาจักรโฮต่อ

 

“ท่านพ่อ ทําไมเราไม่ขี่หลังพี่หลินหลินไปล่ะแบบนั้นเร็วกว่าเยอะเลยนะ”ไปหลินถามพลางมองไปนอกหน้าต่างพอมานั่งรถม้าแล้วความเร็วผิดกับตอนขี่หลังหลินหลินเยอะจนน่าตกใจเลย

 

“คนที่อาณาจักรอื่นเขาจะตกใจนะถ้าเห็นพี่หลินหลินของเจ้าในร่างแมงมุม” เหม่ยหลินว่าพลางหัวเราะออกมาขึ้นให้ขบวนเสด็จเดินทางด้วยแมงมุมยักษ์ชาวบ้านของอาณาจักรโฮคงตกใจน่าดู

 

“น้องหลินเจ้าเคยไปอาณาจักรโฮหรือเปล่า”ไปจูเหวินถามพลางมองมาทางภรรมาของมัน

 

“ไม่เลยเจ้าค่ะ แต่เดิมอาณาจักรโฮเป็นอาณาจักรที่อยู่ห่างจากเขตแดนของอาณาจักรอุ้มากข้าเลยไม่เคยไปเลย” เหม่ยหลินตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ แม้ตอนนี้อาณาจักรโฮจะกลายเป็นอาณาจักรเพื่อนบ้านกันแล้วเพราะพื้นที่เดิมของอาณาจักรจงนั้นติดกับอาณาจักรฮัวเช่นกัน

 

“คงต้องไปเห็นด้วยตาตนเองเท่านั้นสินะ”ไปจูเหวินว่าพลางมองออกไปนอกรถ อีกไม่นานมันก็จะถึงชายแดนของอาณาจักรชินและโฮแล้วแถมตรงนั้นยังเป็นพื้นที่พิเศษอีกต่างหาก เพราะการเปลี่ยนแปลงแผนที่อาณาจักรหลังเกิดสงครามทําให้มีจุดๆ หนึ่งที่เป็นจุดรวมระหว่างอาณาจักรอู่ ชิน ชู และ โฮอยู่เรียกได้ว่าเมืองตรงนั้นตั้งทับทั้ง 4 อาณาจักรเลยก็ว่าได้ ทําให้เมืองที่ว่ากลายเป็นเมืองสําหรับเดินทางไปยังอาณาจักรอื่นๆได้สะดวกที่สุด

 

“ท่านพ่อ ทําไมมีกําแพงในเมืองอีกล่ะ”ไปหลินถามพลางมองเมือง 4 อาณาจักรด้วยท่าทีสนใจ แม้จะเป็นเมืองเดียวกันแต่ก็กั้นระหว่าง 4 อาณาจักรเอาไว้ การข้ามเมืองไปยังเมืองที่อยู่อีกอาณาจักรหนึ่งจําเป็นต้องทําเรื่องขอเสียก่อน ทําให้ภายในเมืองยังมีการแบ่งแยกเขตออกเป็น 4 เขตรวมทั้งมีเจ้าเมืองถึง 4 คนอีกต่างหาก

 

“ที่นี่เหมือนเมือง 4 เมืองที่สร้างรวมกันยังไงล่ะจะ”เหม่ยหลินตอบพลางยิ้มให้บุตรสาว แน่นอนว่าขบวนเสด็จขององค์จักรพรรดิไม่จําเป็นต้องทําเรื่องข้ามอาณาจักรแต่อย่างไรแม้แต่ประตูที่จะเปิดตามเวลาก็ยังต้องเปิดออกเพื่อให้ขบวนเสด็จได้เดินทางผ่าน

 

“ท่านพ่อ นั่นท่านอาเทียนเหวินนี่”ไปหลินว่าพลางชี้ไปทางขบวนเสด็จอีกชบวนที่กําลังจอดพักอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าอาณาจักร

 

“จริงสิ เทียนเหวินเองก็คงได้รับเชิญสินะ”ไปจูเหวินว่าพลางมองไปทางขบวนเสด็จของอาณาจักร

 

“ข้าว่าแล้วท่านต้องมาด้วย” อูเทียนเหวินว่าพลางเดินมาหาขบวนเสด็จของอาณาจักรชินที่เข้ามาจอดอยู่ข้างๆขบวนเสด็จของอาราจักร

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา องค์จักรพรรดิขอร้องขนาดนั้น”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ

“แน่นอน อาของพี่ไปคุยเรื่องท่านเอาไว้เยอะเลยนี่นา” เทียนเหวินว่าพลางหัวเราะออกมา เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับอาณาจักรต่างๆอาณาจักรโฮได้เชิญจักรพรรดิของอาณาจักรรอบๆอาณาจักรมันเข้าไปพบปะพูดคุยกันบ่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรที่เน้นผูกมิตรกับอาณาจักรรอบๆก็เป็นได้ แม้จะน่ารําคาญนิดหน่อยที่ต้องฟังคํา โอ้อวดความสามารถขององค์หญิงองค์ชายก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่ามาเปิดสงครามกันอีกละนะ

 

“ผู้สําเร็จราชการแทน ท่านยังมีหน้ามานินทาข้าอีกขั้นหเรื่อ” องค์จักรพรรดิที่ลงมาพักผ่อนเช่นกันพูดพลางหัวเราะออกมา

 

“ใช่แล้ว เจ้าเองก็คุยเรื่องพี่ไปไปเยอะไม่ใช่หรือไง”ซูหลานว่าพลางหัวเราะออกมา พอโดนพูดเรื่ององค์ชายองค์หญิงของตนเองเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้เข้าไป ทั้งจักรพรรดิอาณาจักรชิน ทั้งเทียนเหวินต่างก็เอาไปจูเหวินมาอ้างกันทั้งนั้น

“งั้นเหรอ เจ้าเอาไปจูเหวินไปโอ้อวดแต่ไม่พูดถึงพี่ใหญ่ของเจ้าสินะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงจากคนที่ออกมาจากรถม้า คนฝั่งอาณาจักรชินก็มีท่าที่ประหลาดใจออกมาทันที

 

“องค์จักรพรรดิอาณาจักร ท่านเองก็มาร่วมงานด้วยหรือ” เมื่อเห็นอู่หมิงเดินลงมา จักรพรรดิอาณาจักรชินก็กล่าวทักทายทันที

 

“แน่นอน งานครั้งนี้เป็นงานสําคัญของอาณาจักรโฮ ข้าเองก็โดนจองตัวเอาไว้ตั้งนานแล้วเสียด้วย” อูหมิงว่าพลางหัวเราะออกมาแม้มันจะเดินทางฝึกฝนมา 5 ปีแล้วแต่งานคราวนี้มันโดนชวนเอาไว้ ก่อนหน้านั้นเสียอีกทําให้มันต้องเดินทางกลับมาเพื่อเข้าร่วมงานตามสัญญาเลยทีเดียว

“ไม่ได้พบกันนานนะ”ไปจูเหวินว่าพลางเดินเข้าไปหาอี้หมิงช้าๆตัวไปจูเหวินเองต้องเดินทางไปๆมาระหว่างเขตอสูร กับอาณาจักรชินและอู่อยู่ตลอดทําให้ไม่ได้เจออี้หมิงเลย การได้พบกันอีกครั้งเช่นนี้นับมันเองก็ดีใจเช่นกันเพียงแต่..

 

“ใช่ ไม่ได้พบกันนานเลย”อูหมิงว่าพลางปล่อยพลังเซียนของมันออกมา พริบตานั้นแสงสีขาวที่ราวกับแสงสะท้อนจากเงินบริสุทธิ์ก็สะท้อนออกมาจากร่างของธุ์หมิง ยามนี้มันสําเร็จวิชาเทวะปราบมารแล้ว เรียกได้ว่าแสงรอบตัวมันนั้นบริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าของท่านเจ้าอาวาสที่มรณะภาพไปแล้วเสียอีก

 

ทางด้านไปจูเหวินนั้นไม่ได้ตอบอะไร มันเพียงปลดปล่อยทั้งพลังเซียนและพลังอสูรของมันออกมาเช่นกัน ด้วยผลของวิชาลมปราณมังกรทําให้รอบตัวมันปรากฏแสงสีทองออกมาราวกับมีมังกรบินวนอยู่รอบตัวไม่มีผิด ก่อนหน้านี้อี้หมิงทํางานหนักจนไม่มีเวลาฝึกฝนแต่ยามนี้พลังที่ปล่อยออกมานั้นกลับมหาศาลจนน่าตกใจ นี่มัน นมาระดับเทียนเซียนแล้วงั้นหรือ….

“ท่าทางเจ้าจะชดเชยช่วงทํางานได้แล้วสินะ”ไปจูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองอี้หมิงที่อยู่ตรงหน้า

 

“คราวนี้เป็นเจ้ามากกว่ากระมังที่เอาแต่ทํางานจนฝึกฝนไม่คืบหน้า”อู่หมิงว่าพลางยิ้มกว้าง ด้วยความเร็วก่อนหน้านี้ของไปจูเหวินการที่มันยังอยู่แค่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 3 นับว่าช้าไปหน่อยหรือเปล่า

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทําให้เจ้าผิดหวังหรอก”ไปจูเหวินตอบพลางยิ้มรับ ในที่สุดยอดอัจฉริยะแห่งราชวงศ์อู่ก็กลับคืนบัลลังก์แล้ว