บทที่ 532 กลับบ้าน

บัญชามังกรเดือด

“อย่างนั้นเหรอ?อย่างนั้นผมคงบุ่มบ่ามเอง”

“ขออภัย” ได้ยินที่ลิฉุนบอก ฉินเทียนหัวเราะแล้วก็ปล่อยมือ

ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวัง

ข้างนอกลือกันว่า ลิเหลียงเป็นแค่คุณชายทีอ่อนโยน แต่ฉินเทียนไม่เชื่อ

คุณชายที่อ่อนโยน ทำไมถึงวางหมากได้เช่นนี้ อีกอย่าง เขารู้สึกถึงพลังล้ำลึกที่ไม่สามารถคะเนได้จากร่างกายของลิเหลียง

ดังนั้นจึงอดทดสอบเสียหน่อยไม่ได้

แต่ว่า กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ดูผิวเผินแล้วลิเหลียงเหมือนไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ด้วยมือจริง ๆ

หรือว่า ตัวเองจะมองผิด?

หรืออีกฝ่ายซ่อนไว้ได้อย่างล้ำลึก?

ลิเหลียงยิ้มจาง ๆ เอ่ยว่า: “คุณฉินเป็นยอดฝีมือสมคำร่ำลือจริง ๆ”

“ถึงผมจะไม่รู้เรื่องการฝึกวรยุทธ แต่คุณฉินไม่ต้องรีบร้อน ไม่นาน คุณต้องได้เห็นยอดฝีมืออีกมากมายแน่”

ฉินเทียนจึงหัวเราะขึ้น

“ผมรอวันนี้มานานแล้ว”

“หวังว่าพอถึงเวลานั้นคุณชายลิจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสันติ ดูแล้วเหมือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน

แต่ว่า ได้รู้สถานะของอีกฝ่ายต่อกันแล้ว ระหว่างพูดคุย มีเพียงคนที่รู้เรื่องภายในเท่านั้นที่รู้ว่าคลื่นใต้น้ำปั่นป่วนแค่ไหน

เถียหนิงซวงกำด้ามกระบี่ไว้แน่นตั้งแต่แรก คิดจะชักกระบี่ออกมาอยู่หลายครั้ง

ทว่า เธอถูกออร่าของถงเหรินสยบเอาไว้ เธอรู้ว่า ตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถงเหริน

อีกทั้ง ลิฉุนไม่รู้อะไรเลย ดูท่าทางฉินเทียนกับลิเหลียง ก็เตรียมปิดบังเธอไว้

ดังนั้น เถียหนิงซวงก็ได้แต่กล้ำกลืนอดทนต่อไป แต่ก็มีความอยากรู้ถาโถมอยู่ในใจ

คนที่อยู่ตรงหน้า เป็นถึงตัวเอกที่จะร่วมรับมือกับฉินเทียนในการประชุมแกนนำรวมพลังเจ็ดเมืองทางใต้!

“พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”

“พวกคุณกำลังพูดอะไรกัน?ทำไมฉันไม่เข้าใจเลย” ลิฉุนอดสงสัยไม่ได้

“ไม่มีอะไร”

“พี่สาว รีบขึ้นรถเถอะ พวกเรากลับบ้านกัน”

“พี่ไม่กลับมานานขนาดนี้ แม้ว่าท่านพ่อจะไม่ว่า แต่ผมดูออกว่าเขาคิดถึงพี่มาก”

การเผชิญกับคำเชื้อเชิญของลิเหลียง ทำให้จิตใจของลิฉุนสั่นไหวไปชั่วขณะ รอยยิ้มบนใบหน้ากลับค่อย ๆ หายไป

“เขาเกลียดพี่ขนาดนั้น จะคิดถึงพี่ได้ยังไง

“น้องชาย ที่พี่กลับมาครั้งนี้มีธุระต้องทำ เสร็จธุระแล้วก็จะไปทันที”

“นายอย่าไปบอกเขา……”

พูดเสร็จ ก็ทำหน้าขรึมขึ้นรถฉินเทียนไป

ลิเหลียงดูเหมือนไม่แปลกใจต่อปฏิกิริยาของลิฉุน

เขามองฉินเทียนแล้วแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “คนแซ่ฉิน ดีกับพี่สาวฉันด้วยนะ”

“ถ้านายกล้าทำร้ายเธอแม้แต่นิดเดียว ฉันสาบานว่าจะทำให้นายต้องเสียใจที่มาเกิดในโลกนี้”

ฉินเทียนแสยะยิ้มเอ่ยว่า: “นายชอบเจี่ยงเถียนเถียนจริงเหรอ?”

สีหน้าลิเหลียงขรึมลง เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า: “หมายความว่าอะไร?”

ฉินเทียนขี้เกียจพูดเยอะ แสยะยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “ไว้พรุ่งนี้เจอกันก็แล้วกัน”

“ออกรถ”

“ค่ะ!”

เถียหนิงซวงสตาร์ทรถอย่างรวดเร็ว ทะยานจนท้ายปัด พุ่งไปทางด้านนอก

“คุณชาย ขอโทษด้วย”

“ผมไม่สามารถยับยั้งให้คุณหนูใหญ่กลับมาได้สำเร็จ” สีหน้าถงเหรินหวาดกลัว

เห็นลิเหลียงไม่พูดจา เขาก็อดถามอย่างระมัดระวังไม่ได้ว่า: “คุณหนูใหญ่อยู่กับฉินเทียนคงไม่เกิดเรื่องกระมัง?”

“ผมหมายความว่า ฉินเทียนคงไม่ใช้สถานะของคุณหนูใหญ่มาข่มขู่พวกเราหรอกนะ?”

อารมณ์ลิเหลียงเปลี่ยนไป อึมครึมเหมือนเมฆดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า

นานสักพักเขาจึงกัดฟันเอ่ยเสียงคล้อยต่ำว่า: “พวกเราลำบากวางแผนกันนานขนาดนี้ พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องเก็บเกี่ยว”

“ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำลายแผนการ!”

“ข่าวการกลับมาของลิฉุน อย่าให้ลิเว่ยจงรู้”

“รับทราบ”

……

ระหว่างทาง เห็นลิฉุนทำหน้าขรึมไม่พูดจา อารมณ์ที่มีความสุขก่อนหน้าไม่เหลือในฉับพลัน ฉินเทียนก็รู้จักกาละที่จะไม่ถาม

ตอนนี้ เขาเหมือนจะเข้าใจเรื่องบางเรื่อง

ลิฉุนไปอยู่ไกลต่างประเทศเพราะทะเลาะกับวงศ์ตระกูล ตอนนี้เหมือนว่าความสัมพันธ์ของเธอที่เป็นพี่สาวกับลิเหลียงที่เป็นน้องชายถือว่ายังดี

คนที่ทำให้เธอแสลงใจน่าจะเป็นพ่อของเธอ ลิเว่ยจง

ฉินเทียนอดประหลาดใจกับลิเว่ยจงคนนี้ไม่ได้

จากที่ก่อนหน้าเขาได้ข่าวมา ลิเว่ยจงเป็นคนมีความสามารถ!

อายุน้อยแค่นี้ ก็สร้างทรัพย์สินให้ตระกูลได้ถึงห้าแสนล้าน ทรงอิทธิพลใน 7 เมืองทางใต้ ไม่มีใครเทียบได้

แต่ว่า ไม่กี่ปีก่อน ลิเว่ยจงที่กำลังอยู่ในจุดสูงสุด อยู่ ๆ ก็ประกาศว่าเนื่องจากปัญหาสุขภาพ จึงถอนตัวไปอยู่เบื้องหลัง

เรื่องทุกอย่างในตระกูลมอบให้บุตรชายลิเหลียงจัดการ

นับจากนั้นเป็นต้นมา ลิเว่ยจงก็หายไปจากสายตาสาธารณชน ข่าวที่แพร่สู่ภายนอกคือ เขากำลังรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ

ส่วนจะป่วยเป็นอะไร อาการเป็นยังไง โลกภายนอกไม่อาจรู้ได้

สองสามปีมานี้ที่ลิเว่ยจงถอนตัวหลบอย่างเงียบ ๆ ลิเหลียงก็มีชื่อเสียงขึ้น ในนามบุตรชายคนที่หนึ่ง กลายเป็นผู้อยู่เหนือ 7 หัวเมืองทางใต้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเอ่ยถึงตระกูลลิ ผู้คนจึงไม่ค่อยนึกถึงลิเว่ยจง

คนแรกที่จะนึกถึง ก็คือลิเหลียง

เรียกได้ว่า ลิเหลียงได้กลายเป็นตัวแทนตระกูลลิในระดับหนึ่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว

สิ่งที่ทำให้ฉินเทียนคิดไม่ตกคือ ระหว่างพ่อกับลูกสาว จะมีปัญหาขัดแย้งอะไรกัน? ถึงขั้นทำให้ลิฉุนไปอยู่ต่างประเทศหลายปีไม่กลับ

ว่าตามหลักแล้ว ลูกสาวเป็นเสมือนเสื้อนวมที่ให้ความอบอุ่นของพ่อไม่ใช่เหรอ?

แล้วยิ่งเป็นเสื้อนวมที่โดดเด่นอย่างลิฉุน

เป็นเรื่องปัญหาของครอบครัวจริง ๆ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ดูจากปฏิกิริยาของลิฉุน ฉินเทียนรู้ว่า นั่นต้องเป็นรอยแผลในใจที่ไม่อาจผสานได้ของเธอ

ในเรื่องนี้เขาเข้าใจดี

เขาก็แตกหักกับวงศ์ตระกูลเพราะเรื่องบางเรื่องเหมือนกัน จนไม่ได้พบกับพ่อหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?

พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็จงใจหาเรื่องคุยสบาย ๆ มาหยอกเย้าลิฉุนให้สบายใจ

ไม่นาน ลิฉุนก็เหมือนลืมเรื่องไม่มีความสุขเหล่านั้นแล้ว เปลี่ยนเป็นร่าเริงขึ้นมา ยังไงก็ตามแม้ไม่ได้กลับมาหลายปี พอเห็นทิวทัศน์ของบ้านเกิดก็ยังมีความรู้สึกผูกพันอยู่

เธอเสนอว่า ไปที่ทะเลสาบหรูอี้ดูหน่อย

ฉินเทียนให้เถียซวงหนิงเปลี่ยนเส้นทาง พอมาถึงทะเลสาบหรูอี้ ลิฉุนยืนอยู่ริมฝั่ง ลมเอื่อย ๆ พัดกระโปรงและเส้นผมของเธอ รูปร่างที่เพรียวบางราวกับหงส์ขาวที่โตเต็มวัย

“ตรงนั้นมีเรือนี่”

“เราไปนั่งเรือกันเถอะ” เธอด้วยความตื่นเต้นเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ

ฉินเทียนไม่อยากขัดอารมณ์ของเธอจึงเช่าเรือหนึ่งลำ

ลมเอื่อย ๆ พัดมา น้ำกระเพื่อมเป็นระลอก

เรือน้อยค่อย ๆ ล่องไปบนผิวทะเลสาบสีน้ำเงิน

ไปตามเวลาที่ไหลไป รอยยิ้มบนใบหน้าของลิฉุนค่อย ๆ หายไป ทะเลสาบสะท้อนใบหน้าที่หมดจดของเธอ นัยน์ตาคู่สวยดูว้าเหว่ ขัดแย้งกัน

ฉินเทียนยังเห็นความพะวงที่ตัดไม่ขาดจากส่วนลึกในดวงตาคู่สวยด้วย

เขาถอนใจแล้วเอ่ยด้วยเสียงคล้อยต่ำว่า: “ได้ข่าวว่าพ่อของคุณสุขภาพไม่ดี”

“ถ้าคุณเป็นห่วงเขา ก็กลับไปดูหน่อยเถอะ”

เห็นลิฉุนจะปฏิเสธ เขาจึงกุมมือเธอไว้เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า: “ไม่ต้องกลัว ถ้าคุณต้องการ ผมไปเป็นเพื่อนคุณได้”

เห็นสายตาที่อบอุ่นของฉินเทียน จิตใจของลิฉุนก็หวั่นไหวไปชั่วขณะ ไร้ซึ่งความไม่ปลอดภัยกับความลนลานแล้ว

เธอพยักหน้าเอ่ยว่า: “ฉันจะไปดูสักหน่อยแล้วก็กลับ”

นาทีนี้เอง อยู่ ๆ เธอเก็เหมือนอยากกลับบ้าน อยากเข้าสู่อ้อมกอดญาติ ๆ แต่ก็กังวลว่าญาติ ๆ จะไม่ชอบเด็กผู้หญิงอย่างเธอ

พอเรือน้อยถึงฝั่ง ฉินเทียนก็บอกกับเถียหนิงซวงให้สตาร์ทรถ ขับไปตระกูลลิ