ภาคที่ 4 ตอนที่ 88 ค่ำคืนฤดูร้อนชวนให้คนเมามาย

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

เวลานี้เหมาะยิ่ง

 

 

ประโยคนี้นางคิดจะพูดมานานนักแล้ว แต่ไม่มีโอกาสพูด แล้วก็ไม่มีคนที่พูดด้วยได้

 

 

คนมากมายล้วนบังเอิญพบพานกับนาง ตัวอย่างเช่นคุณชายสิบหนิงกับจวินเจินเจินที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงจิ่วหลิงแล้ว

 

 

ส่วนพูดถึงครอบครัวใกล้ชิด ฟางเฉิงอวี่เฉลียวฉลาดดั่งปีศาจ นอกจากนี้เชื่อใจนางอย่างยิ่ง นางถึงขึ้นคิดออกว่าหลังนางเอ่ยประโยคนี้ ฟางเฉิงอวี่คงกระโดดลุกขึ้นมา

 

 

“ถวายบังคมองค์หญิงจิ่วหลิง!” เขาคงเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ความกระตือรือร้นเช่นนี้ไม่ใช่เสแสร้งทำเกินจริงล้อเล่น แต่จริงจัง

 

 

ทว่าอดีตของนางกับเขาไม่เกี่ยวข้องกัน องค์หญิงจิ่วหลิงสำหรับเขาแล้วเป็นคนแปลกหน้า ผู้ที่เขารู้จักคุ้ยเคยคือคุณหนูจวินคนนี้ตรงหน้าตอนนี้

 

 

ครอบครัวขององค์หญิงจิ่วหลิงอย่างเช่นจิ่วหลีกับจิ่วหรง หากนางบอกไปพวกนางคงตื่นตะลึง บางทีอาจเชื่อแต่คงลำบากใจมากกว่า อย่างไรคนที่พวกนางคุ้ยเคยก็คือองค์หญิงจิ่วหลิง แต่คุณหนูจวินตรงหน้าตอนนี้เวลานี้คือคนแปลกหน้า

 

 

ส่วนสำหรับจูจั้นแล้วเรื่องราวบังเอิญอยู่บ้าง องค์หญิงจิ่วหลิงเขาก็คล้ายคุ้นเคยยิ่งนัก ส่วนคุณหนูจวินเขาก็คุ้นเคยเช่นกัน

 

 

คุณหนูจวินมองจูจั้นที่หันหน้าเข้าไปด้านใน

 

 

“จูจั้น” นางเอ่ยขึ้น “ข้าคือองค์หญิงจิ่งหลิง”

 

 

……………………………………….

 

 

……………………………………….

 

 

คนถูกหิ้วผลักออกไปนอกประตู ประตูปิดดังปังลงเบื้องหลัง

 

 

“ข้ายังทายาให้ท่านไม่เสร็จเลยนะ!” คุณหนูจวินหมุนตัวไปพูดกับด้านใน

 

 

“ก่อนหน้านี้ไม่มีเจ้า ก็อยู่ได้มาจนถึงตอนนี้” เสียงเข้มของจูจั้นดังมาจากด้านใน

 

 

คุณหนูจวินอดไม่ได้เม้มปากยิ้ม

 

 

ใช่แล้ว นางเอ่ยประโยคนั้นจบ จูจั้นไม่ประหลาดใจแล้วก็ไม่ได้จี้ถาม แต่สักคำก็ไม่พูดหิ้วคุณหนูจวินโยนออกมานอกประตู

 

 

ปฏิกิริยานี้แม้คิดไม่ถึง แต่เวลานี้ก็รู้สึกว่านี่ปกติที่สุด

 

 

“ข้ารู้ แต่มีข้าอยู่ท่านหายเร็วขึ้นได้นะ อย่างไรตอนนี้สถานการณ์ในเมืองหลวงก็ตึงเครียดยิ่งนัก พ่อของท่านยิ่งต้องการท่าน” คุณหนูจวินเอ่ย

 

 

ด้านในไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

 

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าบอกท่านว่ายาเหล่านี้ใช้อย่างไรแล้วข้าค่อยไปได้ไหม?” คุณหนูจวินเอ่ยอีกครั้ง

 

 

เสียงฝีเท้าดังขึ้น ประตูถูกผลักเปิด จูจั้นผู้ห่อร่างอยู่ในอาภรณ์ชั้นนอกปิดบังหน้าอกเปลือยเปล่าหน้าบึ้งตึงมองนาง ส่งยาถาดหนึ่งมา

 

 

คุณหนูจวินไม่รีรอ ไล่ชี้บอกเขาว่าอันไหนเป็นยากินอันไหนเป็นยาทา

 

 

พูดสิ่งเหล่านี้จบก็เงยหน้ามองจูจั้นอีกหน

 

 

“ยังมียาบางอย่างข้าต้มเสร็จแล้วจะให้คนยกมา” นางเอ่ยจากนั้นหยุดชะงักครู่หนึ่ง “อีกอย่าง”

 

 

จูจั้นเหล่ตามองไปหานาง

 

 

“ข้าคือองค์หญิงจิ่วหลิงจริงๆ” คุณหนูจวินมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น

 

 

เสียงปึงดังขึ้นทีหนึ่ง ประตูถูกปิดใส่หน้า

 

 

“คนแซ่จวิน เจ้าหยุดแต่สมควร อย่ารังแกคนมากเกินไปนัก” จูจั้นเอ่ยเสียงเข้มอยู่ด้านใน

 

 

คุณหนูจวินหัวเราะพลางหมุนตัว เดินเชื่องช้าไปตามทางเดินที่แขวนโคมไฟไว้

 

 

สายลมแผ่วเบาใบไม้ขยับไหว กลิ่นบุปผาผลไม้หอมกรุ่น รอบด้านประดับโคมไฟ ไม่สว่างไสวแต่ก็ไม่วังเวง จวนกั๋วกงในค่ำคืนฤดูร้อนงดงามอย่างแท้จริง

 

 

ค่ำคืนหน้าร้อนของเมืองหลวงล้วนงดงามยิ่ง

 

 

คุณหนูจวินอดไม่ได้เดินเตร่ตามใจในลานเรือน หลายปีนักแล้วที่นางไม่ได้ชมค่ำคืนหน้าร้อนของเมืองหลวง ยามยังเล็กมีเพียงเหมันต์ฉลองปีใหม่ถึงกลับมา หลังจากนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจ

 

 

ตามหลักแล้วตอนนี้ก็ไม่ควรมีกะจิตกะใจ แค้นใหญ่หลวงยังไม่ชำระ ครอบครัวยังไม่ได้รู้จักกัน แต่คงเพราะประโยคนี้ที่กลั้นเก็บไว้เนิ่นนานนักเอ่ยออกมาแล้ว นางจึงรู้สึกว่าอารมณ์ผ่อนคลายอย่างประหลาด

 

 

คุณหนูจวินก้าวเดินเชื่องช้าอยู่ในจวน จมหายไปในราตรี

 

 

……………………………………….

 

 

……………………………………….

 

 

               บางคนชอบราตรีอันเงียบสงบ แต่ค่ำคืนของบางคนก็ครึกครื้นมีสีสันเสียยิ่งกว่ายามกลางวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนหนุ่มแล้ว

 

 

               ค่ำคืนในหยางเฉิงแม้เทียบเมืองหลวงไม่ได้ แต่ก็มีกลิ่นอายอีกแบบหนึ่ง บนถนนใหญ่ผู้คนเบียดเสียดขยับเคลื่อน สายลมราตรีพัดหอบกลิ่นหอมของเครื่องสำอางรวมถึงเสียงเครื่องดนตรีที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่

 

 

สิ่งนี้ลอยมาจากในเหลาสุราหรูหราสะดุดตาหลังหนึ่งริมมถนน ด้านในเหลาสุราเวลานี้คนไม่น้อยนั่งอยู่ล้วนเป็นพนักงานที่สวมแพรพรรณหรูหรา หน้าตาฉลาดหลักแหลม บ่าวสาวอายุน้อยเดินตัดผ่านยกน้ำชารินสุรา นางคณิกาสิบกว่านางร้องรำตามเสียงดนตรี ประหนึ่งวิมานเทพเซียน

 

 

               ส่วนคนที่นั่งอยู่เป็นประธานกลับเป็นเทพเซียนอายุน้อยคนหนึ่ง สวมอาภรณ์หรูหรา ทั้งไม่ถูกความหรูหราสะดุดตาของสถานที่กลบทับ ทั้งไม่แลดูดาษดื่น สะดุดตาทั้งยังเพลินตาเพลินใจ

 

 

“นายน้อยฟาง พูดเช่นนี้กิจการทางเหนือจะไม่มีปัญหาหรือขอรับ?” บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งยกจอกสุราเอ่ยกับเขา

 

 

ฟางเฉิงอวี่ยิ้ม

 

 

“แน่นอนไม่มีปัญหา” เขาเอ่ยอย่างจริงจังอีกหน

 

 

คนสองฟากสบตากันทีหนึ่ง สีหน้าลังเล

 

 

“เฉิงกั๋วกงออกจากแดนเหนือ ชาวจินลงใต้ได้แผ่นดินคืน ชีวิตเกรงว่าคงไม่สงบสุข กิจการเกรงว่าคงทำไม่สะดวก” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยต่อ

 

 

ที่แท้เพราะเรื่องนี้เอง พวกขาล้วนยิ้มบ้างแล้ว

 

 

“มีคนบอกว่าร้านแลกเงินทางเหนือของเต๋อเซิ่งชางขาดทุนจะปิดตัวลง ที่แท้ไม่ใช่ขาดทุนแต่กลัวขาดทุน” มีคนเอ่ย

 

 

“มีทุกคนอยู่จะขาดทุนได้อย่างไรเล่า!” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย

 

 

คนในห้องสีหน้าผ่อนคลายลงมาก

 

 

“นายน้อย นี่ท่านไม่เข้าใจแล้ว หลังจากนี้แดนเหนือจะยิ่งหาเงินได้”

 

 

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เฉิงกั๋วกงอยู่ การค้าขายมากมายล้วนทำไม่สะดวก”

 

 

“ชิงเหอปั๋วค้าขายเก่งยิ่งนัก”

 

 

พวกเขาถกเถียงเสียงเบา แล้วมองไปทางฟางเฉิงอวี่

 

 

“ดังนั้นนายน้อยร้านแลกเงินที่แดนเหนือปิดไม่ได้นะขอรับ”

 

 

ฟางเฉิงอวี่พยักหน้าอย่างว่าง่าย

 

 

“ในเมื่อท่านลุงทั้งหลายบอกว่ามีเงินให้คว้า ข้าย่อมต้องเอาด้วยแล้ว ร้านแลกเงินที่แดนเหนือไม่ปิด” เขาเอ่ยขึ้น

 

 

บรรยากาศในห้องโถงยิ่งครึกครื้น ทุกคนพากันชูจอกสุรา ฟางเฉิงอวี่ก็ยกจอกสุราด้วย เพียงแต่ในจอกของเขาเป็นน้ำเปล่าใสกระจ่าง

 

 

“ร่างกายของข้าอ่อนแอ ได้แต่ใช้น้ำแทนสุราแล้ว” เขาอมยิ้มเอ่ย

 

 

ในอดีตฟางเฉิงอวี่เป็นคนป่วยใกล้ตายคนหนึ่งทุกคนล้วนรู้ ไม่มีใครเข้มงวดเรื่องนี้

 

 

“พวกเราล้วนทราบ เตรียมไว้พร้อมแล้ว” มีคนยิ้มทักทาย

 

 

ฉับพลันก็มีบ่าวสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งยกกาน้ำชาเข้ามาเติมน้ำให้ฟางเฉิงอวี่

 

 

เสียงร้องรำทำเพลงในห้องโถงยิ่งครึกครื้น หลังหลายรอบผ่านไปฟางเฉิงอวี่ก็ลุกขึ้นไปห้องน้ำ

 

 

ห้องน้ำนี้สร้างอยู่ในห้องส่วนตัวนี่เอง เด็กรับใช้ตัวน้อยของฟางเฉิงอวี่ตามไปยืนรออยู่หน้าประตู คนอื่นในห้องไม่ถือสาดื่มสุราคุยเล่นกันต่อ

 

 

หลังชนแก้วไปหลายรอบ ฉับพลันสายตาเมามายพร่าเลือนของคนผู้หนึ่งก็มองไป เห็นที่นั่งว่างเปล่าด้านนั้นก็ร้องเอ๋ทีหนึ่ง

 

 

“นายน้อยฟางเล่า?” เขาเอ่ยถาม

 

 

ไปห้องน้ำครั้งนี้ก็นานเกินไปแล้ว ทุกคนถึงรู้สึกตัวขึ้นมา รีบมาตามหาที่ห้องน้ำด้านนี้ กลับไม่เห็นเด็กรับใช้ของฟางเฉิงอวี่แล้ว

 

 

หรือว่าไปแล้ว?

 

 

“นายน้อยฟาง?” มีคนตะโกนพลางผลักประตูเปิด

 

 

ข้าวของในห้องน้ำไม่เป็นรองห้องส่วนตัว จุดเครื่องหอมไฟโคมสว่างไสว สายตาของทุกคนมองเห็นคนผู้หนึ่งฟุบหมอบคล้ายหลับใหลอยู่บนพื้นทันที

 

 

เส้นผมดำขลับกวานหยกปิ่นไข่มุก เสื้อแพรไหมหรูหราปักบุปผาประหนึ่งเมฆาแสงอัสดง ไม่ใช่ฟางเฉิงอวี่ยังเป็นใคร

 

 

“นี่ดื่มเมาแล้วหรือ?” คนผู้หนึ่งเอ่ยพึมพำ ในเหลาสุราสภาพเช่นนี้เห็นบ่อยนัก “แค่ดื่มน้ำจะดื่มเมาได้หรือ?”

 

 

คนอื่นกระทืบเท้า

 

 

“ดื่มเมาอะไรเล่า! นี่เกิดเรื่องแล้ว!”

 

 

พร้อมกับประโยคนี้ทุกคนก็ล้วนได้สติ ทั้งเหลาสุราตกสู่ความโกลาหลไปหมดในทันที

 

 

………………………