บทที่ 1526 – คฤหาสน์จอมฟ้าฉิน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1526 – คฤหาสน์จอมฟ้าฉิน

 

ด้วยทักษะเพชณฆาต 9 วิญญาณของวิหกเพลิง  มันทำให้วิหกเพลิงในตอนนี้ดูน่าเกรงขามอนย่างมาก

 

ชิงสุ่ยมักจะใช้มันเพื่อขมขู่คนอื่นอยู่บ่อยครั้ง ด้วยผลกระทบดังกว่ามันจะทำให้เขาได้เปรียบอย่างมากในการสู้รบ

 

ในตอนแรกชายชรานั้นคิดว่าคำขู่ของเขาจะได้ผล แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่มีความหมายใดๆเลย มันทำให้เขารู้ว่าคำพูดดังกว่ามันยิ่งจะทำให้เขาตายไวยิ่งขึ้น

 

บูม!

 

ทักษะสังหารไร้ปราณี! ในไม่ช้าสติของชายชราก็ค่อยๆจางหายไป แม้ว่าแต่ร่างกายของเขาก็ถูกเผาไหม้ไปแล้วในตอนนี้  ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างมากจนเขาแทบจะไม่ทันตั้งตัว ยิ่งไปกว่าอื่นใดเขานั้นยังไม่มีโอกาสได้ป้องกันเสียด้วยซ้ำ

 

แต่ถึงอย่างไรก็ต้องยังรับว่าการใช้มันทำให้วิหกเพลิงนั้นต้องสูญเสียพลังอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าเมื่อแลกมาด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นถึง10เท่า

 

ในตอนนี้วิหกเพลิงได้กู่ร้องขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะปล่อยลูกไฟนรกออกไปอีกครั้งที่ชายชราอีกคน

 

ถึงแม้ระยะห่างระหว่างชายชรากับวิหกเพลิงจะอยู่ห่างไกลกันระยะหนึ่ง แต่เขาก็มิอาจจะหลบหลีกหรือป้องกันมัน ด้วยพลังที่มากมายมหาศาลร่างกายของชายชราได้จางหายไปในอากาศในทันที เช่นเดียวกัน เลิงยีที่กระอักเลือดออกมา ด้วยอาการบาดเจ็บ ก่อนที่จะหมดลมหายใจไปในที่สุด “เยี่ยมยอด ขยะได้ถูกกำจัดแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาในตอนี้เขาพอใจในพลังของวิหกเพลิงอย่างมาก

 

“เราไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป ไปกันเถอะ!” ชิงสุ่ยพูดหลังจากพิจารณาแล้ว เขาไม่กลัวใคร แต่เขาไม่ต้องการที่จะมีปัญหาเพิ่มขึ้น  เขาไม่รู้จักตระกูลเลิงและไม่รู้จักจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์มากนัก แต่ชิงสุ่ยมั่นใจว่าพวกเขานั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

 

“ไปกันเถอะ เราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้ต่อไป ไม่งั้นคนอื่นๆที่อยู่ที่แห่งนี้คงต้องเดือดร้อนเป็นแน่” ฉินชิงกล่าวเบา ๆ

 

ในไม่ช้าพวกเขาก็หายไปจากที่แห่งในในทันที โดยไม่ทิ้งเอาไว้แม้กระทั้งเงาเอาไว้

 

“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์และตระกูลเลิงหรือไม่?”

 

“จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคแห่งนี้ ส่วนตระกูลตระกูลเลิงก็เป็นตระกูลที่ทรงอำนาจในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์” ฉินชิงกล่าวออกมาโดยไม่โกหก ดูเหมือนเธอจะมีความรู้เกี่ยวกับที่แห่งนี้อย่างมาก

 

“หากเทียบกับจักรวรรดิฉินละ?” ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอนั้นเป็นคนของจักรวรรดิฉินที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงถามออกมา

 

“จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็ยังอาจเทียบได้กับจักรวรรดิฉิน” ฉินชิงตอบด้วยความเย่อหยิ่ง มันแสดงออกมาในน้ำเสียงของเธอ มั่นยิ่งทำให้เขามั่นใจได้ว่าเธอนั้นต้องเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิฉินอย่างแน่นอน

 

แต่ก็แปลกที่คนเหล่านั้นไม่รู้จักฉินชิงในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมังกรฟ้าของเธอที่เธอเรียกออกมาช่วย  มันหน้าจะทำให้พวกเขารู้ได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่พวกเขาก็กลับไม่รู้ มันจึงทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกขัดแย้งบางอย่างในความคิดของเขา

 

หรือบางทีฉินชิงนั้นจะมีความลับบางอย่างแอบซ่อนเอาไว้?

….

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปในพริบตาชิงสุ่ย และ ฉินชิงได้มาถึงจักรวรรดิฉิน ที่แห่งนี้เป็นจักรวรรดิที่ทรงอำนาจที่สุดในแถบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง

 

เมืองพฤษาโปรยปราย!

 

ที่แห่งนี้ถูกตั้งขึ้นมาจากสภาพอากาศของที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้เป็นที่ๆแปลกอย่างมาก เนื่องจากมันมีเพียงฤดูเดียว นั่นคือฤดูใบไม้ผลิ จึงเป็นที่มาของเมืองแห่งนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมแลทิวทัศน์ของที่แห่งนี้ก็งดงามอย่างมาก ราวกับว่ามันเป็นที่ๆไม่อยู่จริงในสวรรค์กับโลก  แต่ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวที่แปลกประหลาด อาจเป็นเพราะที่แห่งนี้ทีเพียงฤดูเดียวจึงทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมา

 

“นี่เจ้ากำลังคิดอะไรรึ ?” ฉินชิงมองไปที่ชิงสุ่ยที่กำลังใจลอยออกไป

 

“ข้าแค่สงสัยว่าทำไมข้าถึงตามเจ้ามาที่นี่” ชิงสุ่ย ตอบอย่างนุ่มนวล

 

“แล้วเจ้าได้คำตอบของเจ้าหรือไม่?” ฉินชิงหัวเราะ

 

“ข้าคิดว่าได้นะ” ชิงสุ่ยลูบศีรษะของเขา และยิ้ม

 

“โอ้จริงรึ แล้วเจ้าจะสามารถบอกข้าได้รึไม่ว่ามันคืออะไร?” ฉินชิงกล่าวออกมาอย่างเฉลียวฉลาดพร้อมมองไปที่เขา ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้แต่ยิ้มออกมา โดยปกติเขามักจะเป็นคนที่แกล้งเธอ แต่ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นเหยื่อเสียเอง

 

หลังจากที่กล่าวออกไป เธอได้แสดงสีหน้าที่ตกใจออกมา ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เธอนั้นรู้สึกสนิทสนมกับเขา จนสามารถพูดหยอกล้อเขาออกมาได้เช่นนี้?

 

“นั่นเพราะข้าไม่สามารถละสายตาไปจากเจ้าได้” ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหัว

 

ชิงสุ่ยนั้นไม่แสดงความชัดเจนลงไปในคำพูดของเขา แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นก็เพียงพอที่จะแสดงความรู้สึกของเขาออกมา ฉินชิงรู้สึกเบื่อหน่ายที่จะได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเขา แต่เธอไม่แน่ใจว่าทำไม เธอจึงไม่ได้เกลียดที่จะพังมันในความเป็นจริงเธอค่อนข้างชอบมันด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอนั้นประหลาดใจอยู่เสมอ นอกเหนือจากนี้เขาเป็นคนที่จริงใจอย่างมาก

 

ยิ่งไปกล่าวนั้น เขานั้นเป็นคนที่เธอ เชิญมาเพื่อรักษาครอบครัวของเธออีกด้วย มันจึงทำให้ลึกเธอรู้สึกดีกับเขาไม่น้อย

 

“เจ้าชอบข้าอย่างนั้นรึ?”

 

ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่า เธอนั้นจะถามเขาออกมาตรงๆเช่นนี้  แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้แต่ยิ้มและกล่าวไปว่า “ใช่ข้าชอบเจ้า”

 

“แล้วเจ้าชอบข้าเพราะอะไรรึ หรือเป็นเพราะความงามของข้า?”

 

“มันเป็นความจริงที่ข้านั้นชอบผู้หญิงที่งดงาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีใครๆที่สามารถดึงดูดข้าได้” ชิงสุ่ยส่ายหัว

 

รอยยิ้มที่อ่อนอยู่ปรากฏบนใบหน้าของฉินชิง “แล้วเจ้าชอบอะไรข้าอย่างนั้นรึ?”

 

“นี่เจ้าต้องการเหตุผล เวลาที่จะชอบใครสักคนด้วยอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยกล่าวถามกลับไป

“ใช่!”

 

“ข้าชอบเจ้าเพราะเจ้าคือเจ้า ข้าก็ชอบที่จะมองดูเจ้า ข้านั้นต้องการที่จะโอบกอดเจ้าไว้ในอ้อมแขน และ … “

 

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวสิ่งอื่นใดมากว่านั้น” ฉิงชิงกล่าวออกมาอย่างรีบร้อน

 

ถึงแม้คำพูดของเขานั้นจะดูมากเกินไป แต่เธอก็ไม่ได้โกรธเขาเลยกลับรู้สึกตลกเสียมากกว่า

 

“ก็ได้ แล้วในตอนนี้เจ้าจะให้โอกาสข้าสักครั้งจะได้ไหม?” ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

“เจ้ามันคนไร้ยางอาย นั่นมันเรื่องของเจ้าไม่ใช่ข้า  ข้าจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเจ้าชอบข้าจริงเจ้าก็ต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นให้ได้ บางทีข้าอาจให้โอกาสเจ้า” ฉินชิงยิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย ด้วยใบหน้าที่สวยงามและรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอมันก็มากเพียงพอที่จะทำให้เขานั้นสูญสิ้นสติไป

 

ในตอนนี้เขานั้นเข้าใจได้ดีถึงความหมายที่นั้นแสดงออกมาในคำพูด มันทำให้เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข

 

“แน่นอนข้า จะแสดงให้เจ้าเห็น และทำให้เข้าเต็มใจที่จะภรรยาของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจังจ้องมองของเขาเมื่อฉินชิง

 

“พอแล้วหยุดพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เรารีบเดินทางต่อกันเถอะ อีกไม่นานก็จะถึงแล้ว” ฉินชิงกล่าวออกมาก่อนที่จะเคาะลงไปที่หัวของเขาเบาๆ ก่อนที่จะจะเหาะนำเขาไป

 

ชิงสุ่ยยิ้มและเหาะตามเธอไป แต่สิ่งอื่นใดในตอนนี้สิ่งที่เขากังวลก็คือความลับเรื่องครอบครัวของเขา หากเธอรู้เรื่องงนี้บางทีเธออาจเปลี่ยนใจก็ได้

 

เมื่อคิดถึงมันๆทำให้เขานึกถึงถานท่าน หลิงเยียนขึ้น  ชิงสุ่ยได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อย ชิงสุ่ยรู้ดีผู้หญิงที่แข็งแกร่งและงดงามเช่นเธอนั้นต้องมีความทะนงในตัวเอง มันคงเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้

 

ในอดีตเขานั้นก็เคยเห็นเรื่องราวเช่นนี้มามากมาย ยกตัวอย่างมีหญิงสาวคนหนึ่งได้พบเจอกับชายสองคน คนแรกเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหล่าและรำรวย คนที่สองนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดา มันจึงทำให้เธอนั้นตัดสินใจที่จะเลือกชายคนแรก แต่เมื่อเธอรู้ความจริงว่าเขานั้นมีภรรยาอยู่หลายคนแล้ว มันทำให้เธอนั้นตัดสินใจและเปลี่ยนมากเลือกชายคนที่สองที่ด้อยกว่า นั่นเพราะเธอรู้ดีว่าไม่ว่าเธอนั้นจะงดงามขนาดไหน ก็ไม่อาจครอบครองใจของเขาได้ทั้งหมดได้ ดังนั้นเธอจึงขออยู่แค่กับคนธรรมดาที่เขาจะสามารถรักเธอได้หมดหัวใจเสียดีกว่า

 

นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่งดงามและแข็งแกร่ง เธอนั้นจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยให้กับใครๆ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตั้งใจที่จะเล่าเรื่องครอบครัวของเขาเมื่อมีโอกาส สิ่งนี้ทำให้เขานั้นหงุดหงิดเล็กน้อย

……..

 

เมืองราชันย์ฉิน!

 

เมื่อมาถึงที่แห่งนี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิฉิน แต่จากที่ชิงสุ่ยสังเกตดูเธอนั้นคงไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของจักรวรรดิฉิน มันจึงทำให้เธอนั้นแทบจะไม่มีคนรู้จักมากนัก แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็ได้รับการเลี้ยงดูและดูแลดังลูกๆที่มีสายเลือดโดยตรง

 

คฤหาสน์จอมฟ้าฉิน!

 

ในตอนนี้ฉินชิงและชิงสุ่ยมาถึงคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ขณะที่ชิงสุ่ยมองไปที่ประตูทองคำอันมหึมา มันถูกจารึกลงไปด้วยตัวอักษรสีม่วงด้วยอักษรโบราณ โดยคำเหล่านั้นมีความหมายว่า “อ่อนน้อม ถ่อมตน!” ถึงแม้คำเหล่านั้นจะดูเรียบง่ายแต่มันก็แฝงไปด้วยพลังที่มหาศาล แม้แต่ตัวของเขาที่แข็งแกร่งมากมายก็ยังต้องรู้สึกคนลุกเมื่อมองไปทีมัน

 

“นี่มันถูกเขียนโดยตระกูลของเจ้าอย่างนั้นรี?”ชิงสุ่ยถาม

 

“ใช่มันถูกเขียนโดยท่านพ่อของข้าเอง ว่าแต่ทำไมรึ?”เธอหันมายิ้มและถามเขา

 

“ท่านพ่อของเจ้า ช่างความแข็งแกร่งที่มากมายมหาศาลจริงๆ”ชิงสุ่ยหัวเราะเบาๆ