บทที่ 561 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 561 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่!
หวังเป่าเล่อทะยานไปข้างหน้า พร้อมหยิบเอากระบี่เหาะเหินสามสีมาถือไว้ในมือขวา กระบี่สามเล่มบินวนรอบกายเขา ปล่อยไอน่ากลัวข่มขวัญออกมา กระบี่เล่มหนึ่งอยู่แทบเท้า ทำให้ดูราวกับว่าชายหนุ่มกำลังเหาะอยู่บนคมดาบนั้น เส้นผมของชายหนุ่มปลิวไสวในสายลม เบื้องซ้ายและขวามีกระบี่อีกสองเล่มที่ทอประกายเจิดจ้า พุ่งตรงตัดอากาศไปข้างหน้าเหมือนดาวตก จนห่างออกไปไกลลิบ

กงเต๋ามองหวังเป่าเล่อจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ทำเพียงแค่พุ่งหายไปเหมือนพายุเท่านั้น ชายหนุ่มมีสีหน้าตระหนก ขณะเงยขึ้นมองแผนที่ที่ลอยอยู่ในอากาศ กุญแจสามดอกรวมตัวกันอยู่ในแผนที่ตรงพิกัดใกล้ๆ พวกเขา และกำลังมุ่งหน้ามาหาทั้งสองที่เป็นเป้าหมาย ผู้บุกรุกเห็นหวังเป่าเล่อมุ่งหน้าเข้าไปหาแน่นอน แต่ก็ไม่ได้ชะลอความเร็วลงแต่อย่างใด หากแต่เร่งความเร็วขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งสองฝ่ายจะพุ่งเข้าปะทะกันภายในครึ่งชั่วโมงอย่างแน่นอน!

ภาพนี้ทำให้กงเต๋ากระวนกระวายเหลือล้น เขารีบตามหวังเป่าเล่อในทันทีพร้อมตะโกนห้ามกับชายหนุ่มไปด้วย

“เป่าเล่อ รอก่อน เรายังไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นใครและมีปราณระดับใด เราไม่ควรเข้าปะทะตรงๆ แบบนี้ ซุ่มโจมตีเป็นทางเลือกดีกว่า!”

เจ้าเยี่ยเหมิงตกใจมากเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อและกงเต๋าพุ่งตามกันออกไป แผนการของนางพังไม่เป็นทาง นางเริ่มรู้สึกได้ถึงอาการปวดหัวตุบที่กำลังจะเข้ามาเยือน สตรีหนึ่งเดียวจึงกระโจนตามไปเช่นกันเพื่อเตือนสติสหาย

“เป่าเล่อ ระวังผู้เข้าแข่งขันที่ซุ่มอยู่ระหว่างทางด้วย ข้าลองคำนวณดูแล้ว มีผู้เข้าแข่งขันหายไปจากแผนที่ราวร้อยคนได้!”

หวังเป่าเล่อเพิ่มความเร็วขึ้นอีกหลังจากได้ยินกงเต๋าและเจ้าเยี่ยเหมิงตะโกนไล่หลังมา เขาได้ยินแล้วแต่ก็มีความคิดของตนเองเช่นกัน แม้ว่าการตัดสินใจของเขาจะดูบุ่มบ่าม แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าวิธีการจัดการกับปัญหาของเขา เข้ากันกับกระบวนเวทที่มีเป็นอย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือ… เขามั่นใจว่าตนเองจะทำสำเร็จ!

แม้พลังปราณของชายหนุ่มในตอนนี้ จะอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลาง ต่างจากผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ที่มีปราณขั้นปลาย หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้คิดว่าตนเองด้อยกว่า ต่อให้… คู่ต่อสู้ของเขามีปราณกำเนิดแก่นในสมบูรณ์แบบ เขาก็มั่นใจว่าตนเองจะเอาชนะได้ ด้วยกระบวนเวทเกราะจักรพรรดิลักอัคคี!

ข้าทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจในสำนักวังเต๋าไพศาลมานานเกินไป จนแทบลืมไปแล้วว่าการตกเป็นเป้าสายตามันเป็นอย่างไร… ในเมื่อเฟิ่งชิวหรันควบคุมเมี่ยเลี่ยจื่อไม่ได้ และสำนักวังเต๋าไพศาลไม่ยอมให้สหพันธรัฐส่งพันธุ์กล้ากลุ่มที่สองขึ้นมาบนดวงอาทิตย์ ข้า… ก็ต้องแสดงพลังที่แท้จริงให้เป็นที่ประจักษ์ ข้าจะปล่อยพลังทั้งหมดที่มีในการแข่งขันนี้!

แม้การอยู่ในเงามืดและการปกปิดความสามารถที่แท้จริงนั้นจะมีประโยชน์ในสถานการณ์นี้ แต่ข้าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว! ประกายกล้าสว่างขึ้นในดวงตาหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกก่อนเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง สายฟ้านับไม่ถ้วยเลื้อยไปรอบตัวของเขา จนร่างทั้งร่างดูเหมือนสร้างจากอสนีบาต ที่พุ่งทะยานฉีกทะลุท้องฟ้า ชายหนุ่มคืบเข้าใกล้จุดทั้งสามที่กำลังพุ่งตรงเข้าหาเขาด้วยความเร็วเต็มพิกัดเช่นกัน!

แผนที่จากมุมสูงแสดงภาพคณะทั้งสองที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเข้าหากัน ขณะนี้ห่างกันเพียงห้าสิบกิโลเมตรเท่านั้น!

ที่ห้าสิบกิโลเมตรถัดไปนั้น ผู้ฝึกตนชายสองหญิงหนึ่งกำลังพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทั้งสามคนมีไอของความเย็นน่ากลัวแฝงอยู่ ชายผู้หนึ่งอยู่ในวัยกลางคน เขามีสีหน้าโหดเหี้ยมดุร้าย ส่วนชายอีกคนอ่อนวัยกว่า ดวงตาของเขาเรียวยาวเย็นเยียบมืดมิด ส่วนสตรีหนึ่งเดียวนั้นมีรูปโฉมที่งดงามเกิดบรรยาย

ทั้งสามคนเป็นศิษย์ในอาณัติของเมี่ยเลี่ยจื่อ พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดีและมีชื่อเสียงพอสมควรในสำนักวังเต๋าไพศาล พลังปราณของทั้งสามจัดได้ว่าอยู่ในระดับบนในบรรดาผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด แม้พวกเขาจะมีปราณเพียงระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลาง แต่เมื่อผนึกกำลังกันก็แข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับผู้ฝึกตนปราณกำเนิดแก่นในขั้นปลายได้

“สามคนนั้นรู้ว่าพวกเรากำลังมุ่งหน้าไปหา แต่ก็ไม่ได้หนีไป คนหนึ่งยังมุ่งหน้ามาทางเราอีกด้วย ดูจากความเร็วคงจะถึงในไม่ช้านี้…” ผู้ฝึกตนหญิงขมวดคิ้วขณะเอื้อนเอ่ย

“หวังว่าเราจะไม่เจอเข้ากับผู้ฝึกตนกำเนิดแก่นในขั้นปลายนะ…”

“เราคงไม่โชคร้ายถึงเพียงนั้นหรอก รอบนี้มีผู้ฝึกตนกำเนิดแก่นในขั้นปลายอยู่ไม่กี่สิบคนเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไป แต่หมอนี่ดูมีอะไรแปลกๆ ชอบกล ถ้าเป็นผู้ฝึกตนกำเนิดแก่นในขั้นปลายจริง เราก็เพียงแค่ต้องหนีเท่านั้น ข้าว่าคู่ต่อสู้ของเราคงไม่อยากบาดเจ็บตั้งแต่ช่วงต้นของการแข่งขันเช่นกัน แต่หากไม่ใช่ผู้ฝึกตนกำเนิดแก่นในขั้นปลายแล้วละก็… ถึงจะฆ่าไม่ได้ ก็จัดการหักกระดูกมันให้หมดเป็นคำเตือน!” ชายวัยกลางคนท่าทีดุร้ายพูดอย่างโอหัง แววกระหายเลือดวาบเข้ามาในดวงตาของสหายทั้งสอง

“หากเป็นไอ้พวกสวะชั้นต่ำจากสหพันธรัฐ เราก็ฆ่ามันเสียเลย!” หญิงสาวหนึ่งเดียวยิ้ม ความอำมหิตฉายแววขึ้นบนใบหน้าสวยสดของนาง

เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย ทั้งสามก็ชะลอความเร็วลง ในเมื่อคู่ต่อสู้ของพวกเขาอย่างไรก็ไม่หนีไปอยู่แล้ว ฉะนั้นก็อยู่รอให้มาหาเองน่าจะดีกว่า ทั้งสามเคลื่อนที่ช้าลง พลางปลุกพลังปราณของตนเองอย่างเต็มพิกัด พวกเขากระจายตัวออกจากกันเล็กน้อย ปล่อยวัตถุเวทให้บินวนอยู่รอบกายเพื่อรอการเข้าปะทะ หวังเป่าเล่อที่ก่อนหน้านี้อยู่ห่างออกไปห้าสิบกิโลเมตร บัดนี้อยู่ห่างไปเพียงสามสิบห้ากิโลเมตรแล้ว!

“สามสิบห้ากิโลเมตร… เรามีเวลาราวสิบนาที ดูเหมือนหมอนี่จะรีบเอากุญแจมาให้เราเหลือเกิน เห็นทีเราต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์กันสักหน่อยตอนหักแขนหักขามัน ถือว่าเป็นรางวัลที่อุตส่าห์ทำให้เราก้าวหน้าขึ้น” ชายวันกลางคนแสดงสีหน้าน่ากลัว เลียริมฝีปากด้วยความกระหาย ก่อนหันไปมองรอบกายตน เขาต้องการหาจุดที่เหมาะสมในการโอบล้อมคู่ต่อสู้คนนี้เอาไว้ ให้หนีไปไหนไม่ได้หลังจากที่แพ้ราบคาบแล้ว

ขณะที่กำลังมองหาจุดที่พอเหมาะพอดีรอบตัวอยู่นั้น สตรีข้างกายก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ นางหายใจหอบ น้ำเสียงเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่ใช่สามสิบห้ากิโลเมตรแล้ว… สวรรค์โปรด ความเร็วของหมอนี่…”

นางอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง ชายหนุ่มอ่อนเยาว์ข้างกายเองก็ตะโกนออกมาเช่นกัน

“สิบห้ากิโลเมตร!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิด เมื่อชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมอง รูม่านตาของเขาก็หดแคบด้วยความตกใจ เขาไม่จำเป็นต้องมองแผนที่จากมุมสูงอีกต่อไป เนื่องจากบัดนี้ สายฟ้าคำรามปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้าไกล สายฟ้าทรงพลังนั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา!

อึดใจต่อมา… สายฟ้านั้นก็มาปรากฏตรงหน้าทั้งสาม!

อสนีบาตจากแก่นในอัสนีของหวังเป่าเล่อปั่นป่วนบ้าคลั่งอยู่ในอากาศ ความเร็วของเขาทำให้บริเวณกว้างหลายพันเมตรนั้น อบอวลไปด้วยเส้นสายฟ้าพิฆาตที่เต้นพลิ้วไหวอยู่ในอากาศ ชายหนุ่มดูเหมือนพายุแม่เหล็กที่พร้อมกวาดล้าง!

ทั้งสามไม่มีเวลาพอจะทำสิ่งใด ต่างรู้สึกถึงพลังปราณน่ากลัวที่ไหลบ่าเข้าท่วมบรรยากาศ โอบล้อมบีบอัดพวกเขาไว้อย่างรวดเร็วจนไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือสวรรค์พิโรธเบื้องบน ลงทัณฑ์พวกเขาด้วยอสนีบาตในตำนาน สายฟ้ามากมายต้อนพวกเขาไว้จนมุม และระเบิดออกต่อหน้าต่อตา ลมกรรโชกพัดกรีดแทงใบหน้า!

สายฟ้าเข้าควบคุมทั้งท้องฟ้าและอากาศ ผู้ฝึกตนหญิงกรีดร้อง วัตถุเวทที่ลอยวนอยู่รอบกายแหลกสลายกลายเป็นผุยผง นางกระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ ร่างอ่อนปวกเปียกล้มตึงลงบนพื้นเหมือนว่าวที่โดนตัดสาย ชายหนุ่มข้างกายนางก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน อาวุธที่เขาหยิบออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ ดูเปราะบางจนทานทนไม่ได้แม้กระทั่งสายฟ้าฟาดเพียงครั้งเดียว และพากันระเบิดออกหมดสิ้น ส่วนร่างของเจ้าของอาวุธก็ถูกซัดปลิวไปข้างหลัง

ชายวัยกลางคนมีปราณอยู่ที่จุดสูงสุดของระดับกำเนิดแก่นในขั้นกลาง ทำให้เขามีสภาพดีกว่าใครเพื่อน กระนั้นชายผู้นั้นก็ยังกระอักเลือดออกมา และเซถลาไปข้างหลัง ความตื่นตกใจพุ่งขึ้นในอก

“ข้าอยากทราบยิ่งนักว่าผู้นี้คือศิษย์เอกของผู้อาวุโสท่านใด ข้ามีนามว่าลู่ซ่ง ขอให้ท่านอภัยพวกเราด้วย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะท้าทายท่านเลยแม้แต่น้อย…” ลู่ซ่งตัวสั่นและรีบตะโกนบอกในทันที คู่ต่อสู้ของเขาทรงพลังเกินไป จนเขาทั้งตกใจและหวาดหวั่น เขาเห็นร่างที่ดูทรงพลังราวเทพเจ้าอยู่กลางกระแสสายฟ้าโกรธเกรี้ยว แต่เนื่องจากมองไม่เห็นหน้า จึงไม่ทราบว่าตนเองกำลังร้องขอชีวิตจากใครอยู่

ร่างนั้นดูท้วม ไม่เหมือนศิษย์เอกคนใดเลยที่เขาจำได้ แต่ลู่ซ่งก็ไม่ได้คิดเรื่องนั้นอยู่นาน เนื่องจากพลังอันแสนแข็งแกร่งนี้บอกได้อย่างเดียวว่า ชายผู้นี้ต้องเป็นศิษย์เอกของผู้อาวุโสสูงสุดอย่างแน่นอน!

ไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดเช่นนั้น แต่สหายทั้งสองของเขาก็เช่นกัน ดวงตาของพวกเขาทอประกายความหวาดหวั่นออกมา และดูพร้อมศิโรราบต่อผู้ที่เพิ่งมาถึงในทันที

ทันทีที่ลู่ซ่งพูดจบ เสียงสงบนิ่งของหวังเป่าเล่อก็สะท้อนออกมาจากพายุสายฟ้า

“ศิษย์เอกเช่นนั้นหรือ คือสิ่งใดกัน กินได้หรือเปล่า” หวังเป่าเล่อก้าวออกจากพายุ เสียงของเขาลอยเข้าหูของลู่ซ่งและสหายทั้งสอง สั่นสะเทือนเหมือนกระแสไฟ เขาพุ่งเข้าไปหาลู่ซ่งที่เลือดกบปาก สีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหน้าลู่ซ่งให้ชัดด้วยซ้ำ เขากระชากกุญแจของลู่ซ่งออกด้วยมือขวา จากนั้นก็กระทืบขาขวาของลู่ซ่งจนเกิดเสียงดังป๊อก ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเจ้าของขาที่หักสะบั้นลง!

หวังเป่าเล่อไม่หยุดเพียงเท่านั้น แต่ทำเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนชายและหญิงที่เหลือด้วยเช่นกัน ชิงกุญแจมา และหักขา ก่อนจะยืนจังก้าอยู่กลางอากาศ มองลงมายังผู้ฝึกตนทั้งสามที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มด้วยสายตาเย็นเยียบ ทั้งสามมองเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาคือใคร ต่างพากันตกตะลึงไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง!

“เจ้า… เจ้ามัน… เป็นไปได้อย่างไร!”

“พวกสวะชั้นต่ำจากสหพันธรัฐ…”

“หวังเป่าเล่อ!”

ชายหญิงทั้งสามสมองตื้อด้วยความตกใจ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความรู้สึกประหลาดไหลบ่าเข้าท่วมใจ แต่ทันทีที่ความรู้สึกนั้นกำลังเข้าครอบงำ เสียงเย็นของหวังเป่าเล่อก็ลอยมาเข้าหู

“เจ้าว่าสหพันธรัฐเป็นอย่างไรนะ”

ทั้งสามมองเห็นน้ำแข็งอันตรายในดวงตาของหวังเป่าเล่อแล้วก็พาลตัวสั่น ความรู้สึกประหลาดพัดปลิวออกจากใจ แทนที่ด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด!