198 (II) รังสีแห่งคมมีด

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 198 (II) รังสีแห่งคมมีด

 

“เจ้านายของข้าได้ให้ทางเลือกสองทางแก่อาณาจักรถัง” บรรพบุรุษสังหารโลหิตมองไปที่จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “หนึ่งคือยอมจํานน และอีกทางคือยอมจํานนหลังจากถูกผู้ยิ่งใหญ่ปราบปราม คิดให้ดี ข้าจะให้เวลาครึ่งชั่วยามก่อนที่จะกล่าวตอบ”

 

บรรพบุรุษสังหารโลหิตไม่แม้แต่จะมองไปที่จักรพรรดิถัง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

 

“ยอมจํานน?”

 

“ยอมจํานนหลังจากถูกปราบปราม?”

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดขาว ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ

 

“ฝ่าบาท….” แม่ทัพที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกว่าทุกสิ่งช่างหนักอึ้งเช่นกัน

 

แทนที่บรรพบุรุษสังหารโลหิตจะให้สองทางเลือกแก่พวกตน ถ้าทําเช่นนี้ บอกให้พวกเขายอมจํานนตรงๆ ยังจะดีซะกว่า

 

“พี่สามจะปรากฏตัวออกมาหรือไม่?”

 

จักรพรรดิถังสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กล่าวถามเสียงต่ำ

 

“ฝ่าบาท ข้าน้อยยังไม่พบพระมาตุลาในยามนี้” แม่ทัพแห่งวังหลวงส่ายศีรษะ

 

คําที่กล่าวออกมา

 

ทําให้ใบหน้าของจักรพรรดิถังซีดมากขึ้นไปอีก

 

“เป็นไปได้ไหมว่าสวรรค์ต้องการให้อาณาจักรถังของข้าพังพินาศ?” ท่าทีของจักรพรรดิถังกลายเป็นน่าสังเวช

 

และในตอนนี้

 

เหนือฟากฟ้า

 

ชายชุดเขียวที่ถือดาบขมวดคิ้ว “ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว อาณาจักรถังให้คําตอบมาหรือยัง?”

 

“นายท่าน ยังเลยขอรับ” บรรพบุรุษสังหารโลหิตโค้งคํานับ

 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แค่ปราบมันให้อยู่หมัด” ชายชุดดําท่าทางเย็นชากล่าวออกมา

 

“หึ!”

 

“ข้าบอกแล้วว่าให้จัดการมันไปเลย นี่ต้องมาเสียเวลาไปอีกตั้งครึ่งชั่วยาม” ชายท่าทางดุดันกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา ก้าวเท้าไปด้านหน้าแล้วกระทืบลงอย่างรุนแรง

 

ฉับพลัน

 

พลังฟ้าดินก็สั่นสะเทือน คลื่นพลังค่อยๆ โถมเข้าหาเมืองหลวง

 

ในตอนนั้นเอง

 

พลังฟ้าดินแบบเดียวกันก็ปรากฏขึ้น สกัดกั้นการโจมตีของชายท่าทางดุดันเอาไว้ได้

 

เป็นหร่วนชิงที่เดินออกมาอย่างช้าๆ จากพระราชวังตะวันออก เดินทางมาถึงกําแพงเมืองและมองไปที่เหล่าตํานานยุทธ

 

“คุณชายหร่วน”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

” ฝ่าบาท ข้าจะทําให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะสามารถปิดกั้นได้หรือไม่ก็คงทําได้แค่ปล่อยให้โชคชะตานําพาไป…” หร่วนชิงท่าทางโศกเศร้า

 

ในสายตาของหร่วนชิง ศิษย์นิกายใหญ่เหล่านี้ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นวิธีฝึกฝน ทักษะลับ หรือแม้แต่รากฐาน ล้วนเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไปอย่างหร่วนชิงไปมาก

 

“ให้ข้าได้ลองดู”

 

“นานแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้กับใคร”

 

บนฟากฟ้า นักพรตในชุดคลุมแบบเต่ก็ลุกขึ้น

 

เมื่อเห็นแบบนี้ หร่วนชิงก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ เข้าต่อสู้กับนักพรตเต๋า

อย่างไรก็ตาม

 

ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดการณ์ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักพรตเต๋าเลย เขาถูกไล่ต้อนหลังจากผ่านไปเพียงสิบกระบวนท่า และหลังจากกระบวนท่าที่ยี่สิบ หร่วนซิงก็กระอักเลือดออกมา ถูกกระแทกลอยกลับไป

 

นี่เป็นเพราะนักพรตเต๋ได้ยั้งมือเอาไว้ ไม่เช่นนั้นหร่วนชิงจะไม่เพียงลอยออกไปเช่นนั้น แต่จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

 

“แค่ยอมจํานนก็ไม่เป็นทุกข์แล้ว จะดิ้นรนทําไมกันนะ?”

 

ชายท่าทางดุดันมองไปที่จักรพรรดิถังและคนอื่นๆ ด้วยความเยาะเย้ย

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังกลายเป็นสีเทา เขากํามือทั้งสองไว้แน่น ไม่กล้าต่อปากต่อคํา

 

เพราะรู้ดีว่าชีวิตผู้คนหลายร้อยครัวเรือนในเมืองฉางอันตกอยู่ในกํามือของชายท่าทางดุดันผู้นี้แล้ว

 

“ฮึ่ม!”

 

ชายท่าทางดุดันเยาะเย้ย ก่อนจะสุ่มตรวจสอบทั่วทั้งวังด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

 

“เอ๋?”

 

ในขณะนั้น ชายท่าทางดุดันก็แสดงความสงสัยและตกใจออกมา จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จดจ่อไปที่ใครบางคนในชั่วพริบตา

 

“ช่างเป็นอัจฉริยะที่มีเส้นลมปราณปลอดโปร่งอะไรเช่นนี้ จงกลับไปกลับข้าแต่โดยดีเสียเถิด”

 

ชายท่าทางดุดันยื่นมือขวาออกไป ส่งพลังออกไปราวกับฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง คว้าออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่งภายในวังหลวง

 

“ไม่ดีแล้ว นั่นมันหว่านเอ๋อ” จักรพรรดิถังตกใจ และตระหนักว่าสถานที่ที่ชายท่าทางดุดันพุ่งเป้าไปนั่นก็คือที่พํานักขององค์หญิงหลีหว่าน

 

“นี่มันคืออะไรกัน?”

 

หลีหว่านกําลังบ่มเพาะอยู่ แต่จู่ๆ นางก็เห็นฝ่ามือขนาดใหญ่ที่คว้าจับเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่ดีแล้ว!”

 

หลีหว่านตระหนักว่าตัวนางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีเสียแล้ว จึงพยายามจะหลบหนี

 

อย่างไรก็ตามหลีหว่านเป็นเพียงจอมยุทธในขอบเขตสามระดับกลาง นางจะสามารถหนีการจับกุมของผู้ฝึกยุทธในขอบเขตตํานานยุทธได้เยี่ยงไร?

 

ขณะที่ใบหน้าของหลีหว่านเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มาจากชายท่าทางดุดันก็ประชิดเข้าหาร่างของหลีหว่าน แต่ถูกสกัดกั้นเอาไว้ด้วยเกราะคุ้นกันจางๆ

 

“โอ้?”

 

“ยังมีตํานานยุทธอยู่อีกคนหนึ่งงั้นรึ?”

 

ชายที่ท่าทางดุดันรู้ได้ทันทีว่าเกราะที่คุ้มกันหลีหว่านอยู่เป็นสิ่งที่ตํานานยุทธได้ทิ้งเอาไว้

 

“แต่แล้วมันอย่างไร?”

 

ชายท่าทางดุดัน แสดงสีหน้าดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ พยายามที่จะทําลายเกราะคุ้มกันนั้น

 

ด้านใต้เมืองฉางอัน

 

ภายในโถงพระราชวังสูงตระหง่าน

 

ซูฉินเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ

 

“มีใครบางคนมาแตะต้องตราประทับจิตวิญญาณที่ข้าทิ้งไว้ให้กับหลีหว่าน?”

 

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองเบื้องบน จากนั้นจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็กระจายออกไปภายในพริบตา

 

“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”

 

ดวงตาซูฉินค่อยๆ สงบลง เหยียดมือขวาออกไป ปรากฏมีดยาวที่มีรูปร่างแปลกๆ เหมือนกับเคียวโค้งรูปพระจันทร์เต็มวงโผล่ขึ้นมาในมือ

 

ตัวมีดนั้นสีดําราวกับหมึก ดูลึกลับอย่างมาก ราวกับหลุมดําที่พร้อมจะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าไป

 

ในเวลาต่อมา

 

ซูฉินกระชับมีดเทพเจ้าปีศาจในมือแล้วฟันออกไปเบาๆ

 

ครืด!

 

ไม่ว่าใครก็คงไม่สามารถอธิบายความคมของมีดเล่มนี้ได้

 

ท้องฟ้าและผืนดินกลายเป็นดั่งทะเลลึกที่แสนมืดมิด ช่องว่างสีดํายาวคมกริบปรากฏขึ้นในอากาศ คมมีดที่ดูราวกับหมึกนั้นดูเหมือนจะแยกชั้นบรรยากาศและผืนดินออกจากกันได้ในชั่วพริบตา