ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 334 สตรีแห่งจันทราอีกคนของเขากว่างเฉิง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เมื่อการประลองแห่งจันทราเสร็จสิ้น ผู้อาวุโสเมิ่งก็พาเฟิงอวิ๋นเซิงกลับเขากว่างเฉิง ณ นภาพิภพ ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอร่วมเดินทางไปยังวารีพิภพพร้อมกันกับจอมยุทธ์เมืองทะเลมรกต

สิ่งของจำนวนหนึ่งที่จัดเตรียมก่อนหน้านี้ ปัจจุบันค่อยๆ เสาะหาจนครบแล้ว ขาดก็แต่เพียงสิ่งของสองสามอย่างสุดท้ายเป็นส่วนน้อย บัดนี้ยังคงกำลังจัดหาอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอจึงมุ่งหน้าไปยังวารีพิภพก่อน หลังจากเตรียมทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ก็จะเดินทางผ่านเส้นทางทะเล ข้ามผ่านทะเลตะวันออกกับทะเลเหนือ ไปยังสุดขอบแดนเหนือ

บนทะเลตะวันออก ยังมีคนกำลังรอเขาอยู่

สตรีแห่งจันทราเข้าสำนักใหม่คนหนึ่ง ขณะนี้อยู่ข้างกายฟู่เอินซูเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันก็กำลังรอเยี่ยนจ้าวเกอไปตรวจสอบและวินิจฉัย พร้อมทั้งสร้างแผนบ่มเพาะเฉพาะตัว

หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงวารีพิภพแล้ว คนที่รอคอยเขาก็กลายเป็น ‘คุณชายเจ็ดทะเล’ ซ่งเฉา

ปัจจุบันทั้งสองนับว่าคุ้นเคยกันอย่างมาก เยี่ยนจ้าวเกอแลเห็นเขาแล้ว ก็ยิ้มเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ซ่ง ลำบากท่านแล้ว”

ซ่งเฉาเองก็ยิ้มเช่นกัน “ศิษย์น้องเยี่ยนไม่ต้องเกรงใจ”

หลังจากที่ทั้งสองกล่าวลาพวกเฉินซู่ถิง ก็มุ่งหน้าไปยังทะเลนอกทะเลตะวันออก มีทิวทัศน์ดินแดนใกล้ทะเลตลอดเส้นทาง ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรำพึงรำพันชื่นชมไม่ขาดปาก

หากคำนึงตามขนาดพื้นที่อาณาเขตเพียงอย่างเดียว ในบรรดาเขตแดนใหญ่ทั้งแปดของโลกแปดพิภพอันประกอบไปด้วยนภา ปฐพีพิภพ อัสนีพิภพ วารีพิภพ อัคคีพิภพ ภูผาพิภพ และบึงพิภพ วารีพิภพมีขนาดพื้นที่มากที่สุด

ทว่าพื้นที่ของวารีพิภพเกินกว่าครึ่ง ล้วนเป็นมหาสมุทร

ตามความเคนชินแล้ว อาณาเขตนภาพิภพแบ่งออกเป็นห้าเกาะ อัคคีพิภพเองก็แบ่งออกเป็นห้าเกาะ วายุพิภพนอกจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตกแล้วพื้นที่อื่นๆ ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยถูกแบ่งออกเป็นสี่เกาะ อัสนีพิภพก็แบ่งออกเป็นหกเกาะ

ภูผาพิภพอาศัยแนวเทือกเขาใหญ่ทั้งสี่สายภายในอาณาเขตมาแบ่งเขตพื้นที่ ทุกๆ พื้นที่ใหญ่เรียกว่า ‘เทือกเขา’ จึงกลายเป็นสี่เทือกเขา

การแบ่งเขตแดนของบึงพิภพ เรียกว่า ‘สาย’ บึงพิภพมีหกสาย และก็มีชื่อเรียกว่าหกสายแห่งตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน

วารีพิภพพิเศษที่สุด เนื่องจากโดยส่วนมากล้วนสร้างเมืองบนหมู่เกาะท่ามกลางทะเล ผู้ปกครองดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองทะเลมรกตจึงใช้คำว่า ‘เมือง’ มาเป็นชื่อเรียก ดังนั้นคำว่า ‘เมือง’ จึงกลายเป็นการแบ่งเขตพื้นที่

ทั่วทั้งเขตแดน ล้อมอยู่ด้วยเมืองหนึ่งบนแผ่นดิน หรือมีเมืองที่ตั้งอยู่บนเกาะมหึมาเกาะหนึ่งกลางทะเลเป็นศูนย์กลาง อิทธิพลและอำนาจควบคุมแผ่กระจายออกไปยังเขตแดนอันกว้างใหญ่โดยรอบ

เมืองลักษณะนี้ ในวารีพิภพมีทั้งหมดหกเมือง เรียกรวมกันว่าเก้าเมืองแห่งวารีพิภพ

ในจำนวนนั้น อยู่บนแผ่นดินสามแห่ง อยู่บนทะเลหกแห่ง ทะเลส่วนในเหนือและทะเลส่วนในใต้แห่งละที่ บนทะเลส่วนในตะวันออกมีสี่แห่งรวมเมืองทะเลมรกตอยู่ด้วย

หมู่เกาะที่มีสิ่งปลูกสร้างเก้าเมืองของวารีพิภพ กล่าวว่าเป็นเกาะ ทว่าแท้จริงแล้วต่างมีพื้นที่ที่ใหญ่โตอย่างยิ่งยวด ประหนึ่งกับแผ่นดินขนาดเล็กก็ไม่ปาน

“ศิษย์น้องเยี่ยน การที่จะเจ้าจะไปประสบพบกับปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก มีบางเรื่องที่ยังคงจำเป็นต้องใส่ใจ” ซ่งเฉาเดินไปพลาง กล่าวไปพลาง “ถึงแม้ว่ายอดฝีมือที่หกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แต่ละแห่งส่งมาประจำการ จะร่วมป้องกันและสังหารปีศาจอัคคีอยู่ที่ทะเลนอกตะวันออก แต่บางครั้งก็ยังมีหลุดลอยนวลไปได้ ถึงแม้ว่าหลังจากเกิดเรื่องล้วนถูกไล่สังหารทั้งหมด แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็สร้างความเสียหายมหาศาลเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอมาทะเลตะวันออกครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะประสบพบปีศาจอัคคีเพียงในนาม ได้ฟังวาจาในขณะนี้ ก็พยักหน้าพลางเอ่ย “ขอบคุณศิษย์พี่ซ่งอย่างมากที่เตือน ก่อนข้ามา สถานการณ์นี้เช่นนี้ข้าเองก็เข้าใจดี จะใส่ใจระมัดระวัง”

ซ่งเฉากล่าว “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว จะว่าไปแล้ว เคราะห์ดีที่ขัดขวางการเยือนของนพยมโลกได้ ส่วนภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเองก็ถูกกวาดล้าง ไม่เช่นนั้นแล้วโลกแปดพิภพเราคงไม่อาจเลี่ยงศัตรูล้อมหน้าล้อมหลัง”

ชายหนุ่มหันหน้ามองไปทางแผ่นดินที่ห่างออกไปทางทิศตะวันตก “ถึงแม้ว่าจะถูกทำลายล้างราบคาบไปแล้ว แต่ก็ยังคงต้องป้องกันนพยมโลกอยู่ แม้ว่าเพียงยื่นมือข้างหนึ่งเข้าไปก็จะโดนฟันขาด แต่มารร้ายนพยมโลกเจนจัดในการปลุกปั่นจิตใจคน และหาช่องโหว่ความอ่อนแอในใจคน มีความสามารถในการแทรกซึมบุกรุกยิ่งนัก ไม่อาจป้องกันได้สำเร็จ”

“ใช่แล้ว…” ซ่งเฉาถอนใจ

เขาร่วมเดินทางไปส่งตลอดทาง จนกระทั่งถึงอาณาเขตวารีพิภพทะเลส่วนในตะวันออก ส่งเยี่ยนจ้าวเกอถึงทะเลนอก หลังจากพบพานกับฟู่เอินซู และแสดงการคำนับฟู่เอินซูแล้วถึงได้กล่าวลาออกไป

เมื่อฟู่เอินซูรอซ่งเฉาแยกจากไปแล้ว จึงหันหน้ามามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าได้ยินเรื่องผลประลองจันทรากายแล้ว ระหว่างประลองเป็นอย่างไรบ้าง? บรรลุเป้าหมายที่พวกเราคาดไว้หรือไม่?”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “โดยส่วนใหญ่บรรลุผลตามที่คาดไว้”

ฟู่เอินซู่กล่าว “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

“ในเมื่อเจ้ามาถึงแล้ว ก็รออยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง ข้าจะไปเรียกหลิวหัวมา ให้เจ้าตรวจสอบสักหน่อย”

อิ่นหลิวหัวก็คือสตรีแห่งจันทราคนนั้น ที่ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งทะเลตะวันออกคนก่อน ผู้อาวุโสเจิ้นเป็นผู้คนพบ

ไม่นานนัก นางก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซู

ดูไปแล้วนางอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี ยังคงมีระดับพลังฝึกปรือขั้นฝึกหลอมกาย ก่อนหน้านี้นางมีฐานะเดิมเป็นจอมยุทธ์ไร้สำนัก ตามฝึกวิชากับอาจารย์ของตน ให้ความรู้ในระดับใกล้เคียงกับฟู่เอินซูอยู่บ้าง หากแต่สิ้นชีพด้วยน้ำมือของปีศาจอัคคีก่อนหน้านี้

อิ่นหลิวหัวมีรูปร่างที่ค่อนข้างสูงท่ามกลางบรรดาหญิงสาว รูปลักษณ์ก็นับว่าได้สัดส่วนงดงามเช่นกัน บัดนี้นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนแสดงการคารวะด้วยความเคารพนอบน้อม

หลายปีมานี้เยี่ยนจ้าวเกอมีชื่อเสียงระบือไกล แม้แต่ไกลโพ้นกระทั่งบนทะเลตะวันออก ก็ยังโจษจันเช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ในรายละเอียด ทว่าก่อนที่จะกราบเข้าเป็นศิษย์กว่างเฉิง ก็เคยได้สดับชื่อเสียงเกรียงไกรของศิษย์พี่ท่านนี้มาแล้ว

หลังจากนางเข้าสำนักแล้ว แม้ฟู่เอินซูจะไม่เอ่ยถึง กระนั้นก็มีจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่ประจำการอยู่ที่ทะเลตะวันออกคนอื่นๆ เคยเตือนเช่นกัน ว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้แม้จะเยาว์วัย ทว่าอำนาจภายในสำนักอยู่ในระดับเดียวกับฟู่เอินซูแล้ว

ถึงขั้นที่ในบางด้าน อำนาจเยี่ยนจ้าวเกอมียังมากกว่าฟู่เอินซูเสียอีก

เยี่ยนจ้าวเกอผู้ซึ่งสร้างความดีความชอบครั้งแล้วครั้งเล่า เทียบกับอายุและระดับพลังฝึกปรือของเขาก่อนหน้านี้ ภายในสำนักได้ถึงขั้นที่บำเหน็จจนไม่มีอะไรจะให้บำเหน็จแล้ว

หลังจากเคราะห์หนักกว่างเฉิงผ่านไป เยี่ยนจ้าวเกอที่สร้างความชอบครั้งใหญ่ซ้ำอีก ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าออกชั้นที่สี่ของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ได้อย่างอิสระ เปิดทางสู่ผู้ริเริ่มสายกว่างเฉิงอีกครั้ง

นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยปราฏขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่สายสำนักเขากว่างเฉิงได้ก่อตั้งขึ้นมา

ก่อนหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ มีเพียงเจ้าสำนักกับผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์เท่านั้น ที่สามารถเข้าออกชั้นที่สี่ของหอคัมภีร์ได้

นอกจากอดีตเจ้าสำนักที่สละจากตำแหน่งเจ้าสำนักเฉกเช่นหยวนเจิ้งเฟิงผู้นี้แล้ว แม้แต่บรรดาผู้อาวุโสสูงสุดที่ต้องการเข้าไปยังชั้นที่สี่หอคัมภีร์วยุทธศาสตร์เอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าก็เข้าได้

มีสถานการณ์โดยละเอียดบางส่วน ที่ตอนนี้อิ่นหลิวหัวยังคงไม่อาจรับรู้ หรือต่อให้รู้แล้ว ก็ไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ประสบเจอด้วยตัวเอง จึงยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจว่าเยี่ยนจ้าวเกอสามารถอาศัยระดับพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์ กับอายุที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ ไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ได้อย่างไร

หากแต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขัดขวางไม่ให้นางตระหนักถึงความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอ

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้นางไม่ได้ตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็รู้เช่นกันว่าเยี่ยนตี๋ บิดาของชายหนุ่ม ปัจจุบันได้รับตำแหน่งเจ้าสำนักสายเขากว่างเฉิงอย่างเป็นทางการแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอพินิจพิจารณาอิ่นหลิวหัวทั่วสรรพางค์กายแวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาหยุดอยู่ที่ข้อมือของนาง

อิ่นหลิวหัวพลันรู้สึกได้ว่า สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับเป็นวัตถุจริง วางไปบนข้อมือนาง ซึ่งกำลังวินิจฉัยสภาพชีพจรของนาง สืบเสาะสภาพร่างกายของนางอยู่

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ละสายตากลับ แล้วกล่าวกับฟู่เอินซูว่า “พื้นฐานพลังจันทราไม่เลวเลย พอที่จะบ่มเพาะได้ แต่ระดับพลังฝึกปรือในตอนนี้ค่อนข้างต่ำไปบ้าง เริ่มต้นช้าเกินไป ยากจะไล่ตามคนอื่นให้ทัน”

“ฝานชิวแห่งหอคลื่นโหมปีที่แล้ว อวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ปีนี้ แม้คนหนึ่งจะเริ่มเข้าร่วมการประลองครั้งที่สี่ ส่วนอีกคนหนึ่งเริ่มเข้าร่วมในครั้งที่ห้า แต่อันที่จริงหอคลื่นโหมกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ล้วนได้บ่มเพราะพวกนางมานานนักแล้ว หาใช่ระยะเวลาปีสองปีสั้นๆ ไม่”

“ไม่ต้องเอ่ยถึงฝานชิวแล้ว อวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่โผล่ออกใหม่ในปีนี้ผู้นั้น จากที่ข้าคาดคะเน เกรงว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ค้นพบนาง หลังจากศิษย์น้องเฟิงออกจากยอดเขาเรืองรองได้ไม่นาน จากนั้นเริ่มบ่มเพาะเมิ่งหว่านแทนที่ศิษย์น้องเฟิง และนางก็แทนที่ตำแหน่งว่างของเมิ่งหว่าน”

…………..