บทที่ 1308 หน้าด้าน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1308 หน้าด้าน

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนราวกับไม่สังเกตเห็น เขายังยิ้ม “วรรคแรก ข้าได้ยินไม่ชัดเจน”

เซี่ยเฟยกุ้ยอธิบาย

ฟางหยวนพยักหน้า “และวรรคที่สอง…”

เซี่ยเฟยกุ้ยขมวดคิ้ว

ฟางหยวนกล่าวต่อ “ข้าได้ยินไม่ชัดเช่นกัน”

เซี่ยเฟยกุ้ยกล่าวซ้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “มีจุดใดอีกหรือไม่?”

“วรรคที่สาม…” ฟางหยวนกล่าว

ดวงตาของเซี่ยเฟยกุ้ยแทบหลุดออกมาจากเบ้า เขากล่าว “ขอโทษด้วย แต่เจ้าไม่ได้ยินสามวรรคแรกใช่หรือไม่?”

“ท่านเข้าใจผิดแล้ว” ฟางหยวนโบกมือ “วรรคที่สาม…”

“ข้าได้ยินอย่างชัดเจน”

การแสดงออกของเซี่ยจ้าวโม่กลายเป็นมืดครึ้ม

คิ้วของเซี่ยเฟยกุ้ยกระตุก ความโกรธปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “แล้วเจ้าต้องการสิ่งใดอีก?”

ฟางหยวนกล่าว “แท้จริงแล้ววรรคที่สี่…”

เซี่ยเฟยกุ้ยโบกมือ “ข้าจะพูดอีกครั้ง ตั้งใจฟังให้ดี”

เขากล่าวมันอีกครั้ง คราวนี้เขาพูดช้าๆทีละคำอย่างชัดเจน

ฟางหยวนยืนขึ้นและป้องหมัดอีกครั้ง

เซี่ยเฟยกุ้ยมึนงง เขารู้สึกสังหรณ์ร้ายแต่เขายังต้องป้องมือตอบ

เขากล่าวอย่างใจเย็น “ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”

“ชัดเจน ขอบคุณที่อธิบาย ตอนนี้ทุกอย่างดูมีเหตุมีผล โอ้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น” ฟางหยวนตบหน้าผากของตนเองก่อนจะนั่งลง

“ดังนั้นตระกูลของเจ้าต้องคืนยอดเขาเยือกแข็ง มันเป็นเหตุผลที่ต้องทำ ตระกูลเซี่ยของเราเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม จางไคซุ้ยเป็นทายาทของจางซานเฟิงอย่างไม่ต้องสงสัย โปรดตรวจสอบ” เซี่ยเฟยกุ้ยร้องขออีกครั้ง

แต่ฟางหยวนเพียงชำเลืองมองจางไคซุ้ยก่อนจะเผยรอยยิ้มและโบกมือ “ไม่รีบ ไม่รีบ”

“อันใด? ตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกงั้นหรือ?” การแสดงออกของเซี่ยเฟยกุ้ยกลายเป็นเคร่งขรึม เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว

“ข้ารบกวนให้ท่านอธิบาย แต่สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้จริงหรือไม่ข้ายังไม่สามารถยืนยัน” ฟางหยวนกล่าว

เซี่ยเฟยกุ้ยหัวเราะด้วยความโกรธ “ข้ากล่าวเรื่องจริง เจ้าสามารถตรวจสอบ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ฟางหยวนหัวเราะและปรบมือ “ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา เช่นนั้นข้าก็จะขอคำยืนยืนจากตระกูลของข้า”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็ปิดเปลือกตาลงราวกับเขากำลังเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนเพื่อใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล

หลังจากเนินนาน ฟางหยวนเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง

เซี่ยเฟยกุ้ยกระตุ้น “วูอี้ไห่ เจ้าตรวจสอบเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”

ฟางหยวนยิ้มด้วยความเขินอาย “พี่ชายของข้ากำลังยุ่ง โปรดรอสักครู่”

เมื่อมีการกล่าวถึงผู้อมตะระดับแปด เซี่ยเฟยกุ้ยจึงไม่สามารถกล่าวสิ่งใด เป็นเซี่ยจ้าวโม่ที่แทรกแซง “ท่านวูหยงยุ่งมาก นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ท่านวูอี้ไห่ ท่านสามารถขอให้ผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูลวูตรวจสอบ”

ฟางหยวนหัวเราะและยกนิ้วให้เซี่ยจ้าวโม่ “คู่ควรกับการเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจริงๆ เป็นความคิดที่ดี!”

การสรรเสริญนี้ทำให้การแสดงออกของเซี่ยจ้าวโม่กลายเป็นแข็งค้าง

หลังจากนั้นฟางหยวนก็เปิดปากกล่าวอีกครั้ง “แต่ข้าไม่สนิทกับผู้อมตะคนอื่นๆของตระกูล ท่านมีคำแนะนำอื่นอีกหรือไม่?”

“แนะนำน้องสาวเจ้าสิ!” เซี่ยเฟยกุ้ยตะโกนออกมาอย่างไม่สามารถอดทน

“น้องสาวของข้างั้นหรือ? ข้ามีพี่ชายเพียงคนเดียว ไม่มีน้องสาว ท่านคงจำผิดแล้ว” ฟางหยวนยิ้ม

“…” เซี่ยเฟยกุ้ยรู้สึกพูดไม่ออก

เขามองเซี่ยจ้าวโม่และลอบสื่อสารกันอย่างลับๆ พวกเขาบอกได้ว่าฟางหยวนกำลังทำให้พวกเขาเสียเวลา

‘ผู้ใดจะคิดว่าตระกูลวูจะส่งคนเช่นนี้ออกมา! พวกเขาช่างไร้ยางอายนัก!’ เซี่ยเฟยกุ้ยเต็มไปด้วยความโกรธ

พวกเขาต้องการเจรจาอย่างถูกต้องแต่ฟางหยวนกลับปฏิเสธ

และเนื่องจากพวกเขาเป็นตัวละครฝ่ายธรรมะ เซี่ยเฟยกุ้ยจึงไม่สามารถใช้กำลังโดยไร้เหตุผล

เมื่อเห็นรอยยิ้มของฟางหยวน เขาอยากจะส่งหมัดออกไปและชกฟางหยวนให้ล้มลงไปบนพื้น

“อย่าโกรธ ท่านจะตกหลุมพรางของเขา คนผู้นี้มีประสบการณ์สูง เขาจงใจทำให้พวกเราโกรธ ดังนั้นพวกเราจะเปิดช่องว่างไม่ได้” เซี่ยจ้าวโม่ลอบส่งเสียงเตือน

เซี่ยเฟยกุ้ยทำได้เพียงสูดหายใจลึก

ฟางหยวนมองเซี่ยเฟยกุ้ยและกล่าวอย่างจริงจัง “ข้ามีน้องสาวจริงๆงั้นหรือ?”

เซี่ยเฟยกุ้ย “…”

เขาสูดหายใจอีกสองสามครั้งก่อนกล่าว “ไม่ มันเป็นลิ้นของข้าที่ลื่นไหลเกินไป โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

“โอ้ เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนพยักหน้าด้วยความห่วงใย “ข้าเห็นลิ้นของท่านแห้ง หน้าอกของท่านเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนท่านจะมีไข้ ท่านต้องดื่มชา มิฉะนั้นท่านอาจล้มป่วย แท้จริงแล้วชาสี่ฤดูเลิศรสมาก ท่านควรจิบชาสักเล็กน้อย”

เซี่ยจ้าวโม่ “…”

เซี่ยเฟยกุ้ยกรีดร้อง “ดื่มอันใด!? เรากำลังทำธุระสำคัญ!”

ฟางหยวนแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “สหาย นั่นไม่ใช่ทัศนคติที่ถูกต้อง เรื่องสำคัญอันใด? สุขภาพของท่านไม่ใช่เรื่องสำคัญงั้นหรือ? ยอดเขาเยือกแข็งเป็นเพียงแหล่งทรัพยากร มันเป็นเพียงทรัพยากร หากล้มป่วยเพราะทรัพยากรเหล่านี้ มันไม่ต่างจากการทำร้ายตนเอง”

เขากล่าวอย่างจริงใจแต่มันเหมือนการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ เซี่ยเฟยกุ้ยทุบโต๊ะด้วยความโกรธ

“วูอี้ไห่!” เขากรีดร้อง “อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถใช้วิธีนี้เพื่อเก็บยอดเขาเยือกแข็งเอาไว้กับตระกูลของเจ้าเอง!”

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขากล่าวอย่างจริงใจ “ท่านพยายามกล่าวสิ่งใด? ข้าไม่เข้าใจ เราต้องปฏิบัติตามกฎของยอดเขาเยือกแข็ง นี่คือทรัพย์สินของจางซานเฟิง หากจางไคซุ้ยผู้นี้เป็นทายาทที่แท้จริงของเขา พวกเราจะต้องส่งคืนอย่างแน่นอน พวกเราตระกูลวูเป็นคนตรงไปตรงมาและยืดมั่นในคุณธรรม เราจะไม่ทำลายกฎของฝ่ายธรรมะเพียงเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง!”

“เจ้าเข้าใจจริงๆ” เซี่ยจ้าวโม่กล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความหมาย

เซี่ยเฟยกุ้ยขมวดคิ้ว เขาหยุดตะโกนและกล่าว “ถูกต้อง ทดสอบสายเลือดของเขาเร็วเข้า จางไคซุ้ยเป็นทายาทของจางซานเฟิงจริงๆ”

“ไม่รีบ ไม่รีบ” ฟางหยวนยิ้มและดื่มชาต่อ “ให้ข้ายืนยันจากตระกูลของข้าเป็นอันดับแรก ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้าไม่กล้าตัดสินใจโดยประมาทเลินเล่อ”

“เช่นนั้นก็รีบตรวจสอบ!” เซี่ยเฟยกุ้ยตะโกนอีกครั้ง

“แต่ท่านพี่วูหยงไม่ตอบ” ฟางหยวนแสดงออกด้วยความกังวล

“เช่นนั้นก็ถามคนอื่น!” เซี่ยเฟยกุ้ยตะโกน

ฟางหยวนตบขาของตนเอง “ถูกต้อง แต่ข้าพึ่งกลับเข้าตระกูล ข้าไม่รู้จักผู้ใดเลย ข้าไม่รู้ว่าควรจะตรวจสอบเรื่องนี้กับผู้ใด ก่อนหน้านี้ข้าขอให้พวกท่านทั้งสองช่วยคิด แต่พวกท่านไม่ให้ความช่วยเหลือ ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง”

สองผู้อมตะตระกูลเซี่ยมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

หลังจากหาข้อแก้ตัวมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มันกลายเป็นความผิดของตระกูลเซี่ยงั้นหรือ?

ผู้ใช้วิญญาณระดับห้าจางไคซุ้ยได้ยินบทสนทนาเหล่านี้และจ้องมองฟางหยวนด้วยดวงตาเบิกกว้าง

นี่คือ…ผู้อมตะงั้นหรือ?

ช่างหน้าด้านนัก!

ความประทับใจที่ดีของเขาที่มีต่อผู้อมตะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์

“ลืมมันไปซะ ข้าบอกได้เลยว่าคนผู้นี้กำลังถ่วงเวลา!” เซี่ยจ้าวโม่ถ่ายทอดเสียง

“ถ่วงเวลาเพื่อสิ่งใด?” เซี่ยเฟยกุ้ยถาม

“เห็นได้ชัดว่าตระกูลวูไม่มีเหตุผลที่จะโต้แย้ง วูอี้ไห่พยายามถ่วงเวลาโดยใช้ข้อแก้ตัวทุกอย่าง เมื่อตระกูลวูไม่มีปัญหาเรื่องกำลังคนอีก พวกเขาจะสามารถจัดการทุกสิ่ง มันจะกลายเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา ยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อื่น หากวูเจิ้นเสร็จสิ้นภารกิจที่ภูเขาวิหคเพลิง เมื่อเขามาถึง สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง” เซี่ยจ้าวโม่อธิบาย

“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แล้วพวกเราควรทำอย่างไร? ผู้อี้ไห่ผู้นี้กำลังถ่วงเวลา แต่คำกล่าวของเขาสมเหตุสมผล เราไม่มีทางโต้แย้งเขาและยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถใช้ถ่วงเวลา” เซี่ยเฟยกุ้ยตระหนักถึงปัญหาร้ายแรง

“ข้ามีแผน” เซี่ยจ้าวโม่กล่าว

“แผนใด?” เซี่ยเฟยกุ้ยเร่งถาม

เซี่ยจ้าวโม่ให้คำตอบที่ทำให้เซี่ยเฟยกุ้ยมีความสุขมาก เขาหันหน้ากลับไปหาฟางหยวนและเร่งกล่าว “วูอี้ไห่ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าแข็งแกร่งมาก เจ้าคือศักดิ์ศรีของตระกูลวู ข้าในฐานะตัวแทนของตระกูลเซี่ยขอท้าประลองกับเจ้า!”