บทที่ 93 วิกฤติ

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 93
วิกฤติ

โจวไท่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ได้สนใจคำยกยอปอปั้นของผู้คน สิ่งเดียวที่เขาสนใจในตอนนี้คือการบดขยี้เย่เย่เพื่อล้างแค้นให้กับโจวหลานสาวใช้ของเขา สาเหตุหลักที่เขายอมผูกมิตรกับพวกปลาซิวปลาสร้อยในหลิงเฉิงเพียงเพราะเขาต้องการรวบรวมข้อมูลข้อเย่เย่ และความเคลื่อนไหวต่างๆของศัตรูให้ได้มากที่สุด

แต่ผลลัพธ์กลับเกินกว่าที่เขาคาดคิดไปมาก ขุมกำลังต่างๆที่ผูกมิตรกับหอการค้าหยูเย่นั้นต่างถอนตัวมาเพื่อสวามิภักดิ์ต่อเขา แม้กระทั่งตระกูลเจิ้งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเย่เย่ก็ยังต้องยอมสยบแก่เขา โจวไท่มั่นใจอย่างมากว่าหากหอการค้าหยูเย่ถูกคว่ำบาตรเช่นนี้ พวกเขาจะต้องล้มละลายในไม่ช้า และเย่เย่จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อต่อสู้กับเขาเป็นแน่

ในขณะนั้นเอง ลูกน้องของเขาที่เพิ่งรายงานข่าวแก่เขาเมื่อสักครู่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับบรรดาผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลเจิ้ง และเจิ้งซูผู้นำตระกูลที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาด้วยเชือกเส้นใหญ่

ทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงเบื้องหน้าของโจวไท่ พวกเขาก็คุกเข่าลงทันที

“ข้าเจิ้งเฉิง เจิ้งกง และเจิ้งไคเจี่ยผู้อาวุโสแห่งตระกูลเจิ้ง ขอคารวะท่านโจวไท่ผู้สูงส่ง”

เหล่าผู้อาวุโสทั้งสามต่างทำความเคารพโจวไท่เป็นเสียงเดียวกัน อย่างพร้อมเพรียง อีกทั้งยังเตะตัดขาเจิ้งซูที่ดื้อด้านลงเพื่อก้มหัวให้กับโจวไท่

“ลุกขึ้น! ตระกูลเจิ้งสุนัขตัวโปรดประจำหอการค้าหยูเย่!? พวกท่านมาทำอะไรที่นี่ มาไถ่บาปอย่างงั้นรึ?”

โจวไท่พูดขึ้นพลางมองไปที่หน้าเจิ้งซูด้วยสายตาเย้ยหยัน

“เรียนท่านโจวไท่ การที่พวกเราตระกูลเจิ้งเข้าร่วมกับหอการค้าหยูเย่นั้นเป็นการกระทำโดยพลการของผู้นำตระกูลแต่เพียงผู้เดียว พวกเราคัดค้านอย่างหัวชนฝาแล้วแต่มันก็ไม่เป็นผล! ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงข้ารอคอยการมาของท่านโจว ที่จะปลดปล่อยตระกูลเจิ้งจากการควบคุมของหอการค้าหยูเย่นี้เสียที! ขอความเมตตาให้โอกาสพวกเราอีกสักครั้งด้วยเถิด!”

เจิ้งกงลุกขึ้นก่อนเดินมาข้างหน้าและพูดกับโจวไท่อย่างนอบน้อม

พวกเขาทั้งสามหวังจะเข้าร่วมกับโจวไท่ เพื่อสามารถต่อยอดความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของพวกเขา และโจวไท่ต่อไปได้ในอนาคต หรือในกรณีเลวร้ายที่สุดพวกเขาหวังเพียงว่าตระกูลเจิ้งจะหลุดพ้นจากการตกเป็นเป้าหมายของโจวไท่

หลังจากที่เจิ้งกงเป็นตัวแทนพูดแสดงความตั้งใจของพวกเขา สายตาของพวกเขาก็มองไปที่โจวไท่อย่างมีความหวัง โจวไท่ที่สังเกตเห็นความตั้งใจของพวกเขาก็พยักหน้าก่อนพูดขึ้น

“พวกท่านไม่สามารถแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วได้ ข้าจำเป็นต้องลงโทษพวกท่านเพื่อไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง!”

ทั้งสามต่างก้มหน้าด้วยความตึงเครียด ก่อนที่เจิ้งไคเจี่ยจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ขะ..ข้าขอเสียมารยาทถามท่าน บทลงโทษที่ว่านี้คือ…?”

โจวไท่ฉีกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ และใช้นิ้วชี้ของเขาชี้ไปที่หน้าผู้อาวุโสทั้งสามทีละคนๆ ก่อนพูดขึ้นอีกว่า

“พวกท่านทั้งสามจงห้ำหั่นกันเองจนกว่าจะเหลือคนสุดท้าย หลังจากนั้นข้าจะไม่เพียงยกโทษให้กับผู้ที่เหลือรอด ข้าจะให้ผู้นั้นมาเป็นศิษย์ภายใต้นิกายวิถีสวรรค์ของข้า เริ่มได้!”

ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสทั้งสามของตระกูลเจิ้งที่สีหน้าซีดเซียวเมื่อได้ยินข้อเสนอของโจวไท่ ผู้คนที่อยู่ในโถงที่ต้องการมาผูกมิตรกับโจวไท่ต่างพากันตกอกตกใจ เหงื่อแตกออกมาเป็นสายไม่ต่างอะไรจากพวกเขา

โจวไท่ที่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขา จึงอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา สิ่งที่เขาต้องการจะสื่อผ่านข้อเสนอนี้ก็คือบรรดาผู้คนที่จ้องจะผูกมิตรกับเขานั้นไม่มีค่าพอที่จะให้เขายอมรับเป็นพันธมิตรเลยแม้แต่น้อย

บรรยากาศในโถงปกคลุมไปด้วยความเครียดด้วยคำพูดของโจวไท่ เมื่อเขาเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสามทนความกดดันนี้ไม่ไหวจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ดังลั่น

“ฮะ ฮ่าา ฮ่าาาา ข้าหยอกท่านเล่น ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องเครียดขนาดนั้นเลยนี่ ข้าเชื่อในความจริงใจของพวกเจ้าตั้งแต่เจ้าจับตัวเจ้าตระกูลมัดมาส่งให้ข้าแล้วล่ะ! แต่พวกเจ้าต้องพิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าพวกเจ้าคู่ควรแก่การยกโทษ จากแหล่งข่าวข้ารู้มาว่า เย่เย่ไม่ได้อยู่ในหลิงเฉิง ดังนั้นหน้าที่ของพวกเจ้าคือไปล่อมันออกมา อย่าทำให้ข้าผิดหวังซะล่ะ!”

โจวไท่รู้ว่าเย่เย่ไม่ได้อยู่ในหลิงเฉิง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไหร่ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาเขาจึงใช้ตระกูลเจิ้งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเย่เย่ให้เป็นประโยชน์

“ท่านโจว ได้โปรดวางใจ พวกข้าจะใช้เจิ้งซูเป็นเหยื่อล่อให้เขาปรากฏตัวภายใน 3 วัน หากเขาไม่มาตามนัดข้าจะฆ่าเจิ้งซูทิ้งซะ! ด้วยแผนนี้ข้ามั่นใจว่าเย่เย่จะปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน”

ผู้เฒ่าทั้งสามโล่งอกหลังจากที่ข้อเสนอแรกของโจวไท่เป็นเพียงแค่การหยอกล้อ พวกเขารีบให้สัญญากับโจวไท่ราวกับว่ากลัวเขาจะเปลี่ยนใจ

“ก็ได้! ข้าเชื่อในศักยภาพของพวกเจ้า ข้าจะรอดดูผลงานของพวกเจ้าในสามวันต่อจากนี้”

โจวไท่พยักหน้าเห็นด้วยกับแผนการของพวกเขา ก่อนที่ผู้อาวุโสทั้งสามจะกล่าวลาและพาเจิ้งซูไปดำเนินการตามแผนที่วางไว้

ผู้คนที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนั้นต่างหวังว่าเย่เย่จะกลับมาภายใน 3 วันก่อนที่เจิ้งซูจะชะตาขาด อย่างไรก็ตามเย่เย่ไม่ได้หนีไปไหน เขาเพียงแต่ไปทดสอบพลังของเขาบนยอดเขาแห่งต้นกำเนิด หลังจากการประลองของเขา และลั่วเฟิงเฉิงจบลงเขาก็ได้ถามชายชราเกี่ยวกับบัญชีรายชื่อมังกรสวรรค์

“ข้าขออนุญาตถามท่าน ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับโจวไท่ มังกรสวรรค์อันดับที่ 98 บ้างหรือไม่? ขอบอกตามตรงว่าข้ากับเขานั้นมีเรื่องบาดหมางบางอย่างที่ต้องสะสางกันในเร็ววัน ขอคำชี้แนะด้วย!”

หลังจากการพูดคุย เย่เย่พบว่าลั่วเฟิงเฉิงเป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตา ทำให้เขารู้สึกถูกชะตากับชายชราอยู่ไม่น้อย เขาจึงเปิดเผยปัญหาส่วนตัวที่เขาไม่เคยระบายกับใครมาก่อนเพื่อหวังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์

“โจวทง โจวไท่อะไรนั่นข้าก็ไม่ค่อยรู้นักหรอก แต่ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน”

เย่เย่ได้ยินดังนั้น เขาขมวดคิ้วจนคิ้วทั้งสองข้างแทบจะชนกันด้วยความเคร่งเครียด ก่อนที่ลั่วเฟิงเฉิงจะพูดเสริมขึ้นอีกว่า

“บัญชีรายชื่อการจัดอันดับมังกรสวรรค์กว่า 200 คนนั้น แม้ว่าเลขอันดับจะแตกต่างกันแต่ระดับพลังนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก ยกตัวอย่างเช่น หากข้าอยู่ในสภาพเต็มร้อยข้าสามารถเอาชนะอันดับที่สูงกว่าข้า 13 อันดับได้”

หลังจากที่เย่เย่เอาชนะลั่วเฟิงเฉิงลงได้ เขาคิดว่าชายชรานั้นแข็งแกร่งกว่าเทพอสูรไร้เงาทั่วๆไป แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเกินความคาดการณ์ของเขา เดิมทีเขาไม่เคยคิดว่ามังกรสวรรค์อันดับอื่นๆจะแข็งแกร่งไปกว่าลั่วเฟิงเฉิงมากนัก แต่หลังจากที่เขาฟังที่ชายแก่อธิบาย เขาก็ตระหนักขึ้นได้ว่าสภาวะร่างกายมีผลอย่างมากกับการจัดอันดับ

ไม่เพียงเย่เย่ที่นั่งฟังเรื่องเล่าของชายชรา แม่นางมู่หลูที่ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากปากของลั่วเฟิงเฉิงเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็มานั่งฟังด้วยเช่นกัน

“แต่สำหรับอันดับ 100 ขึ้นไปนั้นพลังของพวกเขาแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ช่องว่างในแต่ละอันดับของพวกเขานั้นกว้างใหญ่มาก ดังนั้นข้าจึงแนะนำให้เจ้าหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับโจวไท่ซะ! ด้วยวรยุทธ์ของตอนนี้ของเจ้า ข้าให้ไม่เกินอันดับที่ 150 หรอก”

เย่เย่รู้สึกกดดันเมื่อได้คำแนะนำของลั่วเฟิงเฉิง แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้มีทางเลือกมานัก

“ข้าขอขอบคุณสำหรับข้อมูล เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไว้วันหลังข้าจะมาขอคำชี้แนะจากท่านอีก!”

เย่เย่ลุกขึ้นก่อนทำความเคารพชายชราผู้เปรียบเสมือนอาจารย์ของเขา และร่ำลาแม่นางมู่หลูก่อนจะเดินลงจากเขามุ่งหน้ากลับเมืองหลิงเฉิง…