ตอนที่ 542

The Divine Nine Dragon Cauldron

โจวจิ้งหันไปมองซือหยูและเยาะเย้ย

 

“มีคนเยอะกว่าแล้วอย่างไรเล่า? โอกาสมีไว้ให้คนที่แข็งแกร่งตลอดนั่นแหละ”

 

ซือหยูสีหน้าหม่นหมอง เขามองศิลาวิญญาณในมือเซี่ยจิงหยู ศิลาเหล่านั้นดูเหมือนจะมีแต่พลังที่ไม่บริสุทธิ์ แม้ว่าซือหยูจะตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับการบ่มเพาะ เขาก็ยังรับรู้ได้อย่างเต็มที่ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัวเขา

 

“จิงหยู ช่วยข้าหน่อย”

 

ซือหยูเริ่มร้องขอราวกับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

เซี่ยจิงหยูพยักหน้าในทันที ซือหยูบอกสิ่งที่จะให้นางทำ

 

“เจ้าใช้วิชาวารีรวบรวมศิลาวิญญาณให้ข้าหน่อย”

 

เซี่ยจิงหยูสับสนในสิ่งที่ซือหยูขอแต่ก็ทำตามอย่างไม่ลังเล นางผสานมือพร้อมกับน้ำในสระวิญญาณที่เริ่มหมุนจนเป็นคลื่น

 

การไหลจากก้นสระนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นใต้วารีพัดพาเหล่าศิลาวิญญาณให้ลอยขึ้นมาจากก้นสระ เซี่ยจิงหยูทำให้น้ำวนมาที่ตัวของนาง

 

นางเชี่ยวชาญในวิชาวารีอย่างมาก นางรวบรวมศิลาวิญญาณได้มากกว่ายี่สิบก้อนในเวลาไม่นาน

 

ราชาปีศาจกับโจวจิ้งสงสัยในครั้งแรก แต่เมื่อแน่ใจว่าศิลาวิญญาณนั้นปนเปื้อน พวกเขาก็ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นอีก

 

ชางก่วนชิงเอ๋อกลับขมวดคิ้วและมองดูเซี่ยจิงหยู

 

“น่าสนใจจริงๆ ถ้าดวงตามิได้หลอกข้า เจ้าเพิ่งจะใช้วิชาวารีไปเก้าวิชา ใครกันจะไปคิดว่าระดับปัญญาของเจ้าจะสูงส่งเช่นนี้? คนส่วนมากบ่มเพาะได้แค่สามวิชาต่อเนื่องกัน แต่เจ้ากลับทำได้ถึงเก้าวิชา เจ้าไม่ใช่คนธรรมดาเลย”

 

เซี่ยจิงหยูไม่ตอบ นางเพ่งสมาธิอยู่กับการรวบรวมเหล่าศิลาวิญญาณ

 

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง นางรวบรวมศิลาวิญญาณทั้งหมดสำเร็จ ทั้งหมดที่ได้นั้นมีแปดสิบก้อน ทั้งหมดกองอยู่ที่ใต้เท้าของนาง

 

เซี่ยจิงหยูเช็ดเหงื่อบนหน้าผากและบอกซือหยู

 

“พี่หยู ข้าทำเสร็จแล้ว”

 

ซือหยูยิ้มและยื่นมือขวาไปเก็บศิลาวิญญาณหนึ่งก้อน เขากำมันแน่น

 

เมื่อไม่มีใครสนใจ สิ่งที่คล้ายกับรอยสักทางชางเผือกก็ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือ มันคือสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ ทรายดาราทางช้างเผือก!

 

ตามที่เทียนจี่จื้อบอก มันคือสมบัติที่ใช้ได้อย่างเดียว นั่นก็คือการชำระล้าง และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะทดสอบมันแล้ว เขาจะได้รู้ว่ามันชำระล้างศิลาวิญญาณได้หรือไม่

 

เมื่อรอยสักสัมผัสกับศิลาวิญญาณ ซือหยูสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นบนฝ่ามือ ราวกับว่าความอบอุ่นนั้นไหลออกจากฝ่ามือไปถึงศิลาวิญญาณ จากนั้นความอบอุ่นก็ไกลกลับเข้ามาในฝ่ามือเขา

 

เขาแบมือออกและเห็นว่าศิลาวิญญาณที่หม่นหมองกลับโปร่งใสและเปล่งประกายอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่ามันเป็นศิลามรกตที่บริสุทธิ์ที่สุด! ลืมเรื่องพลังปนเปื้อนในก้อนศิลาไปได้เลย มันสมมบูรณ์แบบไร้ที่ติ!

 

การชำระล้างได้ผล! และมันยังเป็นการชำระล้างระดับที่สูงมาก แม้แต่พลังในศิลาวิญญาณเองก็ถูกชำระล้าง!

 

ซือหยูยิ่งกว่าดีใจ นี่น่ะรึพลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ! มันเหนือกว่าสมบัติอื่นใดที่เขาเคยสัมผัส

 

ศิลาวิญญาณที่ปนเปื้อนเหล่านี้ แม้แต่จะเป็นพวกผู้สร้างสรรพสิ่งก็มิอาจชำระล้างมันได้ ต่อให้ทำได้ มันก็ต้องใช้ทั้งเวลาและการเสียสละในบางสิ่งบางอย่าง แต่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้กลับทำได้ในพริบตาเดียว

 

พลังลึกลับของสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทำให้ซือหยูพูดอะไรไม่ออก นี่เป็นสมบัติที่ไม่ธรรมดาเลย!

 

ใช้เวลาอยู่บ้างกว่าที่ซือหยูจะใจเย็นลง เขายื่นมือไปหาเซี่ยจิงหยู

 

“จิงหยู ยื่นมือให้ข้า!”

 

เซี่ยจิงหยูรู้ว่าซือหยูตั้งใจจะเตรียมการบ่มเพาะ ดังนั้นนางจึงไม่รีรอที่จะยื่นมือเรียบเนียนและงดงามให้กับซือหยู

 

นางหน้าแดงขึ้นมา แม้นางจะจับมือกับซือหยูมาหลายครั้ง ในทุกครั้งก็ยังคงทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นเสมอ

 

ในตอนนั้น ความรู้สึกอบอุ่นที่มาจากฝ่ามือซือหยูหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง!

 

พลังที่ซือหยูปล่อยออกมานั้นบริสุทธิ์ยิ่งกว่าพลังจากสระน้ำ มันทรงพลังและมีอยู่มากมายมหาศาล!

 

อะไรกัน? เซี่ยจิงหยูสังเกตเห็นศิลาวิญญาณในมือขวาของซือหยูหม่นแสงลง นางแอบตกใจ นางสงสัยว่าซือหยูฝืนดูดซับพลังที่ไม่บริสุทธิ์เข้าไป

 

เมื่อเขาทำเช่นนี้กับศิลาก้อนแรก เขาก็เก็บศิลาวิญญาณที่ใช้แล้วลงในแหวนมิติเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นรับรู้ จากนั้นเขาก็หยิบศิลาก้อนที่สองขึ้นมา เขาแอบชำระล้างมันต่อไป จากนั้นเขาก็ดูดซับพลังที่ศิลาวิญญาณที่บริสุทธิ์จนน่ากลัว

 

ซือหยูเก็บพลังของศิลาวิญญาณครึ่งส่วนไว้กับตัวเองขณะที่ส่งอีกครึ่งให้กับเซี่ยจิงหยู ทั้งสองจึงได้เริ่มสร้างแก้วพลังวิญญาณดวงที่สามพร้อมกัน

 

ทั้งหมดถูกทำอย่างลับๆ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาได้ใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดยี่สิบก้อนจากแปดสิบก้อนที่มี

 

คลื่นพลังวิญญาณถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายพวกเขาอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายพวกเขาในอัตราที่สูงมาก

 

ชางก่วนชิงเอ๋อที่เล่นอยู่รอบๆสีหน้าเปลี่ยนไป นางหันมามองซือหยูกับเซี่ยจิงหยูและความด้วยความแปลกใจ

 

“เจ้าเป็นกึ่งเทพพร้อมกันงั้นรึ?”

 

ราชาปีศาจกับโจวจิ้งลืมตาขึ้นพร้อมกัน พวกเขามองซือหยูกับเซี่ยจิงหยู หนึ่งในสามของพลังในสระถูกซือหยูกับเซี่ยจิงหยูดูดกลืนเข้าไป

 

พวกเขาทะลวงพลังในระดับพลังเท่านี้ได้ยังไงกัน?

 

หรือว่าทั้งสองจะเข้าใกล้การเป็นกึ่งเทพอยู่แล้ว และการได้พลังเพียเล็กน้อยจากที่นี่ก็ทำให้ทั้งคู่เลื่อนขั้นพร้อมกัน?

 

พวกเขาไม่รู้จะหาคำอธิบายอื่นใดในเรื่องนี้เลย…

 

แต่เมื่อผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม…

 

ปั้ง ปั้ง ปั้ง

 

คลื่นวายุหมุนวนเหนือสระวิญญาณ กระบวนพลังวิญญาณรวบรวมเหนือศีรษะของทั้งสองคนจนควบแน่นเป็นวารีวิญญาณ

 

“นี่มันการสำเร็จระดับกึ่งภูติไม่ใช่รึ?”

 

ชางก่วนชิงเอ๋อถามพร้อมกับนางและโจวจิ้งที่มองราชาปีศาจ เขาคือคนที่มีฐานพลังระดับกึ่งเทพ เขาน่าจะกำลังสร้างแก้วพลังชีวิตดวงแรก

 

แต่ราชาปีศาจกลับไร้ซึ่งคำตอบ สีหน้าของทั้งสามเปลี่ยนไปและรีบหันไปมองซือหยูกับเซี่ยจิงหยูพร้อมกัน

 

สองคนนั้นกำลังได้รับพลังวิญญาณจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย กายเนื้อของพวกเขากำลังถึงขีดจำกัด ถ้าพลังวิญญาณยังไหลในอัตราเร่งสูงเช่นนี้ กายเนี้อของทั้งคู่จะขาดสะบั้น!

 

“เป็นสองคนนั้น! เป็นไปได้ยังไง?”

 

ราชาปีศาจอ้าปากค้าง

 

เพราะอย่างไรทั้งคู่ก็เป็นกึ่งเทพเหมือนกัน ราชาปีศาจเองก็อยู่ในจุดสูงสุดของกึ่งเทพ เขาควรจะใกล้เคียงกับการเป็นกึ่งภูติมากกว่าคนอย่างซือหยูที่เพิ่งจะเป็นกึ่งเทพ! และราชาปีศาจยังดูดซับพลังจากสระวิญญาณไปเกือบครึ่งขณะที่ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูแทบจะดูดซับไม่ได้เลย!

 

สิ่งที่แปลกที่สุดคือทั้งคู่เพิ่งจะได้เป็นกึ่งเทพ เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งคู่จะทะลวงระดับกึ่งภูติได้เร็วเช่นนี้! ส่วนราชาปีศาจที่ดูดซับพลังไปมหาศาลกลับยังติดอยู่ในขั้นกึ่งเทพ!

 

ความแตกต่างอันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้คนอื่นสงสัย แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาก็มีข้อสงสัยว่ามีบางอย่างที่หายไป

 

ชางก่วนชิงเอ๋อมองซือหยูด้วยความสงสัย นางเหลือบมองรอบๆ สุดท้ายนางก็พบว่าศิลาวิญญาณที่ปนเปื้อนในก้นสระนั้นหายไป!

 

“หรือว่าเจ้าจะดูดซับพลังปนเปื้อนได้?”

 

ชางก่วนชิงเอ๋ออุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

แม้แต่นางก็ไม่กล้าจะดูดซับพลังปนเปื้อนมากมายเช่นนี้ แต่ซือหยูกลับดูดซับพลังและบ่มเพาะได้โดยไม่ถูกพิษจากสิ่งเจือปน!

 

โจวจิ้งกับราชาปีศาจตกใจไม่ต่างกัน พวกเขาสงสัยว่าซือหยูดูดซับพลังเช่นนั้นไปได้อย่างไร

 

ราชาปีศาจตาเป็นประกายในขณะที่โจวจิ้งมิอาจปิดบังความโลภในดวงตา ทั้งคู่เชื่อว่าซือหยูจะต้องมีสมบัติที่ยิ่งใหญ่อยู่กับตัว!

 

พวกเขาสงสัยรึ? ซือหยูคิด เขารู้ตัวอยู่ตลอดว่าทั้งสามคนสังเกตเขาอยู่ เขาแอบเตรียมการเอาไว้แล้ว

 

ชางก่วนชิงเอ๋อจ้องมองซือหยูต่อไป ราวกับว่านางจะมองทะลุซือหยูไปได้

 

ซือหยูรู้สึกกังวล เพราะอย่างไรหนึ่งคนก็เป็นภูติ ส่วนอีกคนมีร่างกายของภูติ และอีกคนก็มีแก้วพลังชีวิตถึงสามดวง!

 

เขาเอาชนะหนึ่งในสามคนนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าหากทั้งสามร่วมมือกัน เขาก็ไม่มั่นใจในชะตาของตัวเอง

 

“พี่ใหญ่หิมะทมิฬ ท่าน…”

 

ชางก่วนชิงเอ๋อเข้าใกล้ตัวเขา

 

ซือหยูเตรียมกระบี่ทองคำทั้งสามเล่มซ่อนเอาไว้แล้ว แต่จากนั้นชางก่วนชิงเอ๋อก็แสดงความตกใจและความสุข

 

“ฮ่าๆๆ ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่หิมะทมิฬมีสายเลือดโบราณ! ข้าไม่เชื่อว่าพี่จะดูดซับพลังเช่นนั้นได้ มันเป็นไปไม่ได้! ข้ารู้แล้วล่ะว่าทำไมท่านอาจารย์ถึงอยากจะให้ข้าพาตัวท่านพี่กลับไป!”

 

โจวจิ้งกับราชาปีศาจตัวแข็งทื่อ พวกเขาไม่เชื่อเลยว่าซือหยูจะมีสายเลือดโบราณอยู่จริง!

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็คงจะอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะในตำราเก่าแก่ก็บอกว่าคนที่มีสายเลือดโบราณนั้นมีพลังที่เหนือกว่าธรรมชาติ!

 

ถ้าหากเขาดูดซับพลังปนเปื้อนได้ เขาก็ต้องมีสายเลือดโบราณจริงๆ! โจวจิ้งจึงเลิกคิดเรื่องสมบัติที่ซือหยูใช้

 

นั่นก็เพราะว่าถ้าซือหยูมีสายเลือดโบราณ การสังหารเขาก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา โจวจิ้งยังต้องเผชิญหน้ากับชางก่วนชิงเอ๋อที่นี่อีก! ดังนั้นถ้ามีนางอยู่ที่นี่ก็ยากมากที่จะสังหารซือหยู

 

ราชาปีศาจครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ แต่ใบหน้าเขาก็ไร้อารมณ์ในไม่นาน เขาตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไร

 

ซือหยูโชคดีที่ชางก่วนชิงเอ๋อพูดออกมาเช่นนั้น เขาจึงทำให้คนอื่นหยุดความคิดลงได้ขณะที่เขากำลังง่วนอยู่กับการบ่มเพาะพลัง

 

นี่คือสิ่งที่ชางก่วนชิงเอ๋อรับรู้ นางจึงมั่นใจว่าทุกสิ่งเป็นอย่างที่นางคิด! โดยเฉพาะที่ซือหยูมีสายเลือดโบราณและดูดซับพลังปนเปื้อนได้!

 

นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดของซือหยู แก้วพลังวิญญาณทั้งสามดวงของเขาถูกเติมจนเต็ม เขามิอาจรับพลังวิญญาณที่เกินกว่านี้ได้อีกแล้ว

 

และด้วยพลังวิญญาณที่เกินมานี้เองที่ทำให้ผิวของแก้วพลังวิญญาณเริ่มมีรอยแตก นี่คือสัญญาณเตือนขีดจำกัดของการเก็บสะสมพลังวิญญาณ!

 

ในเวลาเดียวกัน พลังวิญญาณจากภายนอกยังคงไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา กายเนื้อของเขาเหมือนกับลูกโป่งที่พร้อมจะแตก ถ้าเขาไม่รีบเปลี่ยนเส้นทางของพลังวิญญาณก็เป็นไปได้ว่าเขาจะตายจากการระเบิดเป็นชิ้นๆ!

 

จากนั้นแก้วหนึ่งดวงจากแก้วพลังวิญญาณก็เริ่มเปลี่ยนแปลงภายใต้แรงกดดันมหาศาล มันบีบอัดแน่นจนมีขนาดเล็กลง ด้านในแก้วพลังนั้นมีชั้นพลังที่เปล่งประกายไม่เหมือนแก้วดวงอื่น มันต่างจากพลังวิญญาณที่เขาเคยพบเห็น

 

ด้านในนั้นมีพลังชีวิตของกึ่งภูติหรือภูติอยู่ด้วย แก้วพลังวิญญาณดวงนี้กำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นแก้วพลังชีวิต!

 

พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายเขาในปริมาณที่เพิ่มขึ้น แรงดันวิญญาณในจุดกำเนิดพลังรุนแรงขึ้น แก้วพลังค่อยๆบีบจนมีขนาดเล็กลง!

 

ด้านในแก้วพลัง การเปลี่ยนแปลงของแรงกดดันทำให้แก้วพลังชีวิตก่อตัว ผ่านไปไม่นาน แก้วพลังของซือหยูก็ก่อตัวเสร็จเก้าในสิบส่วน!

 

พลังวิญญาณส่วนสุดท้ายยังอยู่เหนือศีรษะของเขา พลังนั้นไหลเข้าสู่ร่างกาย ส่วนสุดท้ายของแก้วพลังได้เปลี่ยนมันเป็นแก้วพลังวิญญาณเต็มดวง!

 

ซือหยูได้กลายเป็นกึ่งภูติ! ตอนนี้เขามีแก้วพลังชีวิตแล้ว! นั่นหมายความว่าเขาจะใช้พลังชีวิตได้!

 

ขณะนั้นเอง เซี่ยจิงหยูก็สร้างแก้วพลังชีวิตของตัวเองสำเร็จเช่นกัน นางมีแสงสีแดงเปล่งออกมาจากดวงตาที่น่ามองเป็นอย่างมาก

 

นางงดงามเหนือคำพูดเสมอมาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีความสูงส่งและสง่างามที่เพิ่มขึ้นไปอีก

 

“ขอบคุณนะพี่หยู”

 

เซี่ยจิงหยูดีใจมาก นางทั้งรู้สึกขอบคุณและเขินอายในเวลาเดียวกัน

 

ซือหยูยิ้มอย่างมั่นคง

 

“ข้าติดหนี้เจ้ามากมายเหลือเกิน สิ่งเล็กน้อยในครั้งนี้นับว่าไร้ค่ากับสิ่งที่เจ้าทำให้ข้า”

 

โจวจิ้งกับราชาปีศาจใบหน้าแปลกไป พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะดูดซับพลังจากสระวิญญาณ แต่ซือหยูกลับดูดซับพลังได้มากกว่าพวกเขาเป็นสิบเท่า และเขายังเข้าสู่ระดับกึ่งภูติได้อย่างไม่ยากเย็น! พวกเขาท้อแท้กับความห่างชั้นอย่างมาก

 

ไป่หยีเจี้ยนคาดว่าพวกเขาจะใช้พลังในสระจนหมดในครึ่งวัน แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่หนึ่งชั่วยาม ซือหยูหลับตาและเริ่มปรับฐานพลังเมื่อเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกมาก

 

วิญญาณของเขาเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกอย่างลับๆ เขานำน้ำวิญญาณจากหนอนหินตัวเมียไปด้วย

 

หวูอู่ยี่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ นางนั่งย่อตัวอยู่ ดูเหมือนว่านางกำลังจะสร้างชุดเกราะสายฟ้า

 

ขั้นตอนสร้างเกราะนั้นซับซ้อนมาก ผู้สร้างจะต้องฉีกสมุนไพรสายฟ้าเพื่อนำก้านที่เล็กและยาวออกมา จากนั้นก็ต้องใช้พลังวิญญาณในการขับมลทินและส่วนที่เป็นของเหลวออกไป ต้องทำเช่นนี้เพื่อที่จะให้ได้เส้นไหมที่ใช้การได้ออกมา

 

มีเส้นก้านเล็กๆหลายพันเส้นในสมุนไพรสายฟ้าต้นเดียว มันต้องใช้เวลาและพลังมหาศาลในการคัดแยกออกมา ตอนนี้นางทำได้แค่แยกออกมาเพียงต้นเดียว

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว หวูอู๋ยี่เงยหน้าขึ้นมา เหงื่อไคลหยดย้อยตามใบหน้าของนาง

 

“นายท่าน”

 

หวูอู๋ยี่รีบหยุดสิ่งที่ทำและจะยืนรับซือหยู

 

ซือหยูโบกมือ

 

“ไม่ต้องลุกขึ้นหรอก ทำงานของเจ้าต่อไปเถอะ”

 

เขาพูดจบและโยนศิลาวิญญาณที่ชำระล้างแล้วที่เหลืออยู่กับนาง

 

“เจ้าทำได้ดี รับของนี่ไป”

 

หวูอู๋ยี่รับเหล่าก้อนหินและจ้เองมอง นางแปลกใจมาก

 

“นี่มันอะไรกัน? พลังบริสุทธิ์มาก มันบริสุทธิ์ยิ่งกว่าแก้วพลังเสียอีก!”

 

นางพยายามจะดูดซับพลังจากหินมาเล็กน้อย นางสัมผัสได้ถึงการขยายตัวของจุดกำเนิดพลังในทันที นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่านางกำลังจะเป็นกึ่งภูติ!

 

นางตกใจออกนอกหน้า

 

“พลังอะไรกัน!”

 

หวูอู๋ยี่โค้งให้กับซือหยู

 

“ขอบคุณนายท่าน”

 

ก่อนหน้านี้นางได้ทับทิมวิญญาณขนนกมา และตอนนี้นางก็ได้ศิลาวิญญาณบริสุทธิ์มาอีก อีกไม่นานนางจะได้กลายเป็นกึ่งภูติ! นางคิดด้วยความตื่นเต้น

 

ซือหยูไม่หันไปมอง เขาเพียงแค่เข้าไปในกระท่อม

 

หวูอู๋ยี่มองเงาที่จากไปและรู้สึกว่าความโกรธในใจเบาบางลงไป ถ้าหากพูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะนางเป็นข้ารับใช้ นางคงจะนับว่าซือหยูเป็นคนที่น่านับถือมาก

 

หวูอู๋ยี่ไม่รู้ว่านางกำลังรู้สึกอะไร นางติดอยู่ในความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รางวัลและยังคงชิงชังกับซือหยู

 

ซือหยูเขาไปในกระท่อม เขาเปิดตู้ที่มีรูปปั้นหินจางตี๋เก้อ

 

“หึหึ เจ้าโชคดีนัก ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้น้ำวิญญาณมาเร็วเช่นนี้”

 

ซือหยูหยิบเอาน้ำวิญญาณของหนอนตัวเมียออกมาและเริ่มใช้มันกับใบหน้ารูปปั้น

 

รอยแตกเริ่มปรากฏบนใบหน้าจางตี๋เก้อ ชั้นหินเริ่มหลุดร่วงลงทีละชั้นๆ เผยให้เห็นผิวนุ่มภายใน

 

“อ๊ะ แค่ก แค่ก….”

 

เมื่อนางเป็นอิสระ นางก็เริ่มหายใจยาวหลายครั้ง นางพ่นเศษหินออกจากปาก

 

ร่างกายของนางซีดเซียว นางดูไม่เหมือนกับสิ่งที่ถูกเรียกว่าภูติสวรรค์เลย นางกลับดูโทรมและหมดพลัง

 

ซือหยูไม่มีเวลามากนัก เขาอยู่ที่นี่นานเกินไปไม่ได้ เขาละเลงน้ำวิญญาณในส่วนอื่นของร่างกายนางต่อไป

 

“ฟื้นฟูบาดแผลของเจ้าให้เร็วที่สุด การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ถึงจะเป็นแค่การคาดเดา ข้าก็สัมผัสว่าพวกลูกหลานคนเฝ้าสมบัติกำลังทำแผนใหญ่”

 

จางตี๋เก้อขบริมฝีปาก นางอยากจะกัดคอซือหยูในตอนนี้ นางตอบอย่างโศกเศร้า

 

“ข้ามีทางเลือกรึไงกัน?”

 

ซือหยูเหลือบมองนางและพูดทื่อๆ

 

“ก็ดีที่เจ้าเข้าใจ อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน!”

 

เมื่อเขาพูดจบก็ออกจากกระท่อมไป เขาเหลือบมองสวนสมุนไพร ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ยังคงไม่ผุดงอกขึ้นมา นั่นทำให้ซือหยูสงสัยว่าเมล็ดทั้งสองอาจจะตายไปแล้วจริงๆ

 

เขาส่ายหน้าเรียกวิญญาณกลับไปที่ร่างหลัก เมื่อลืมตาก็พบว่าลำดับเขาสี่ส่วนได้หายไปแล้ว

 

แต่มันก็ไม่ได้หายไปเพราะไป่หยีเจี้ยน รอบๆกลับมีร่องรอยข่วนขนาดใหญ่! ลำดับเขาสี่ส่วนถูกทำลายไปโดยสมบูรณ์!

 

ซือหยูสงสัยว่าสิ่งใดกันที่ทำลายมันได้ เพราะแม้แต่คนเป็นภูติเองก็มิอาจทำลายเวทนี้!

 

หรือว่าจะมีสัตว์ประหลาดทำเรื่องนี้?

 

หรือว่าจะเป็นหุ่นเชิดสีเงินที่ไล่ตามมา?

 

ซือหยูมองรอบๆอย่างใจหาย นั่นก็เพราะว่าเขาพบว่าเขาเป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ในสระวิญญาณ คนอื่นหายตัวไปหมดแล้ว! แม้แต่เซี่ยจิงหยูก็หายตัวไป!

 

ที่นี่เงียบจนน่ากลัว ซือหยูคือคนเดียวที่อยู่ตรงนี้!

 

เกิดอะไรขึ้น? อีกสี่คนที่เหลือไปไหนกันหมด?