บทที่ 1636+1637

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1636 เชื่อว่าแม่นางกู้เป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน

ป่าเหมยแห่งนี้กว้างขวางเหนือธรรมดา เส้นทางด้านในลึกลับคดเคี้ยว หิมะโปรยปะปนเหมยแดงกรุยทางบนพื้น คนผ่านไปมาย่ำเหยียบดอกเหมยที่ร่วงโรยจนกลายเป็นโคลนเลน ให้ความรู้สึกโหดร้ายบางอย่าง

กู้ซีจิ่วหยิบดอกเหมยขึ้นมาดูแวบหนึ่ง ดอกเหมยสั่นไหวบนฝ่ามือเธอ เส้นใยด้านบนปรากฏเป็นเส้นไหมสีแดงสดดุจโลหิต

เธอตกตะลึงเล็กน้อย ในความคิดเธอ ดอกเหมยไม่ควรมีน้ำสีแดงขนาดนี้…

ขณะที่กำลังจะมองดูอย่างถี่ถ้วน มีสายลมอ่อนๆ พัดโชยมา มู่เฟิงปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในกอดอกเหมยที่อยู่ไม่ไกล

ครานี้เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นมู่เฟิงแล้ว ยามเขาร่อนลงตรงหน้ากู้ซีจิ่ว เธอตกตะลึงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “นี่เจ้า?”

มู่เฟิงส่งเสียงกระแอมเบาๆ หยิบป้ายหยกจากเอวยื่นให้ชิ้นหนึ่ง “แม่นางกู้ นายท่านข้าให้ข้าน้อยนำสิ่งนี้มามอบให้ บอกว่าท่านจะได้ติดต่อเขาได้สะดวกในภายภาคหน้า”

กู้ซีจิ่วไม่แปลกตากับป้ายหยกชิ้นนี้ มันคืออุปกรณ์ถ่ายทอดเสียงโดยเฉพาะของตี้ฝูอี สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นอีกสี่คนต่างมีคนละชิ้น ซึ่งแตกต่างกับป้ายหยกของสี่ทูต ป้ายหยกของสี่ทูตถ่ายทอดภาพและเสียงได้ ส่วนป้ายหยกของสานุศิษย์สวรรค์ทั้งสี่ทำได้เพียงถ่ายทอดเสียง…

ป้ายหยกที่มู่เฟิงยื่นให้เธอเหมือนกับของเหล่าสานุศิษย์สวรรค์

กู้ซีจิ่วไม่คิดจะรับมันไว้ “รายงานนายท่านเจ้าด้วย ข้าไม่มีความจำเป็นต้องติดต่อกับเขา จึงไม่ต้องใช้ป้ายหยกชิ้นนี้”

มู่เฟิงเหมือนรู้ว่ากู้ซีจิ่วจะกล่าวเช่นนี้ มือที่ยื่นออกมาจึงไม่หดกลับไปแม้แต่น้อย “แม่นางกู้ นายท่านบอกว่า…บอกว่าให้ท่านเห็นแก่ส่วนรวม ถึงแม้ท่านไม่ใช่สานุศิษย์สวรรค์ ทว่าตำแหน่งฐานะก็ไม่แตกต่างไปจากกัน สิ่งที่สานุศิษย์สวรรค์คนอื่นมี ท่านก็สมควรมี นอกเสียจาก…”

“นอกเสียจากอะไร?”

มู่เฟิงทอดถอนใจ “นายท่านกล่าวไว้ เชื่อว่าแม่นางกู้เป็นคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน ไม่มีทางทำให้ข้าน้อยลำบากใจ”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นอกเสียจากว่ากู้ซีจิ่วจะยังไม่ลืมความสัมพันธ์ของเขาและเธอ ทำให้เสียงานเพราะเรื่องส่วนตัว

ถึงแม้เขาไม่ได้พูดออกมาชัดเจน ทว่ากู้ซีจิ่วก็เป็นคนฉลาดหลักแหลม ย่อมเข้าใจได้ดี นิ้วมือภายใต้แขนเสื้อกระชับแน่น

คนผู้นี้จะมีอำนาจเหนือเธอไปถึงไหนกัน?!

เพราะอะไร?! เพราะอะไรเขาถึงอยากทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้นได้?!

มู่เฟิงเกาศีรษะเล็กน้อย เกรงว่านางจะไม่ยอมรับ “แม่นางกู้ นายท่านบอกว่าหากท่านไม่ยอมรับจะ…จะถลกหนังข้าน้อย…”

กู้ซีจิ่วยิ้มอย่างเยือกเย็น “วางใจเถิด ต่อให้เขาถลกหนังข้าก็ไม่มีทางถลกหนังเจ้า ข้าไม่ขอรับป้ายหยกนี้ เอากลับไปเสีย” แล้วหันกายเดินจากไป

มู่เฟิงรีบเดินตามไปข้างกายนางทุกย่างก้าว “แม่นางกู้ ข้าน้อยขอร้องท่านรับไว้เถิด นายท่านอาจจะไม่ถลกหนังข้าน้อยก็จริง แต่เขาจะลงโทษให้ข้าน้อยเข้าสู่แดนเพลิง…”

ตี้ฝูอีผู้นี้ช่างมีความสามารถเสียจริง!

กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้าเล็กน้อย มู่เฟิงถือโอกาสนี้คุกเข่าต่อหน้า ยกป้ายหยกขึ้นสูงยื่นให้นาง “แม่นางกู้ ท่านถือเสียว่าสงสารมู่เฟิงเถอะขอรับ…”

ผู้คุ้มกันมู่เฟิงที่สูงศักดิ์มาตลอดกลับคุกเข่าลงบนพื้นหิมะ ไม่เพียงแต่กู้ซีจิ่วเท่านั้นที่ตะลึง แม้แต่ผู้ชมรอบด้านก็ตกตะลึงเช่นกัน

ในขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังตกตะลึง มู่เฟิงยัดป้ายหยกเข้าในมือนาง ก่อนทำความเคารพอย่างสุดซึ้งอีกหนึ่งครา “ขอบคุณแม่นางกู้ที่เมตตา” จากนั้นหันกายจากไปรวดเร็วเหมือนโบยบิน

กู้ซีจิ่วกำป้ายหยกไว้ ครุ่นคิดอยู่ว่าจะขว้างมันลงพื้นให้แตกเป็นเสี่ยงดีหรือไม่ ทันใดนั้นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่เอวก็เปล่งแสง

เธอจึงเก็บป้ายหยกนั้นเข้าแขนเสื้อ รับสายยันต์ถ่ายทอดเสียง เสียงของหลงซือเย่ส่งผ่านมา “ซีจิ่ว ผลปัญญาสุกก่อนกำหนด ฉันเก็บกลับมาแล้ว เธอจะมาสำนักถามสวรรค์เมื่อไร? ผลปัญญาในครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ ต้องใช้งานภายในสามวัน เธอ…”

————————————————————————————-

บทที่ 1637 ตัวเธอในวันพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว!

ผลปัญญาเป็นผลไม้ที่จำต้องใช้ในการสลับร่าง จากที่หลงซือเย่คาดการณ์ในตอนนั้นคือมันจะสุกในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นึกไม่ถึงว่าจะสุกก่อนถึงครึ่งเดือน…

บางทีสวรรค์คงอยากให้เธอรีบสลับร่างและเอาร่างนี้ไปคืนให้เขา เธอกับเขาจะได้ตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิง

กู้ซีจิ่วถอนใจเบาๆ “คุณรอก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

หลงซือเย่นึกไม่ถึงว่าเธอจะรีบร้อนขนาดนี้ เขากล่าวหลังจากชะงักเล็กน้อย “เธอลองคิดทบทวนอีกครั้งแล้วค่อยมาหลังเทศกาลโคมไฟก็ได้”

“ไม่ต้องคิดแล้ว” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”

ความตายไม่ว่าช้าหรือเร็วอย่างไรก็คือความตาย กู้ซีจิ่วอยากหลุดพ้นเร็วขึ้นหน่อย

เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า แสงตะวันยามเย็นลับขอบฟ้ากึ่งหนึ่ง เมฆหลากสีปกคลุมทั่ว

เธอตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง กล่าวลาหลงโม่เหยียน และไม่ได้กลับจวนแม่ทัพ แต่เรียกเพรียกวายุออกมาทันที รีบตรงไปที่เขาถามสวรรค์

หลงซือเย่เคยบอกว่ายามจื่อเป็นเวลาปลอดภัยที่สุดในการสลับร่าง หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ตัวเธอในวันพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่โดยสมบูรณ์แล้ว!

ครั้งนี้เธอไม่ได้ใช้วิชาย่นปฐพี ประการแรกคือยังมีเวลาเหลือ ประการที่สองคืออยากปรับตัวให้เข้ากับชีวิตที่มีพลังวิญญาณขั้นแปด

การย่นปฐพีต้องมีพลังวิญญาณขั้นสิบถึงจะใช้งานได้ เมื่อใดที่เธอสลับร่างแล้วก็ใช้งานอีกไม่ได้

เพรียกวายุเคลื่อนตัวตามลมกลางอากาศ กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ภายในห้องโดยสารยกม่านขึ้นชมทิวทัศน์ด้านนอก

เธอไม่ได้ติดตั้งเขตแดนกำบัง สายลมคมดั่งมีด เมื่อพัดเข้าหน้าจึงเจ็บแปลบ

เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยยังไม่รู้ความคิดเธอ ลู่อู๋น้อยที่แปลงกายเป็นเด็กนอนสัปหงกพิงกำแพงห้องโดยสาร เจ้าหอยยักษ์ก็ย่อขนาดตัวลงเหลือเท่าจานใบหนึ่ง อ้าเปลือกพูดคุยกับกู้ซีจิ่วอยู่ที่ปลายเท้า

“เจ้านาย พักนี้ท่านไปสำนักถามสวรรค์บ่อยนัก ยามนี้ท่านชอบหลงซือเย่แล้วใช่ไหม?” เจ้าหอยยักษ์ขี้ซุบซิบนินทาเหลือเกิน

กู้ซีจิ่วเคาะเปลือกมันเบาๆ “อย่าพูดจาเหลวไหล ข้ากับเขาเป็นเพื่อนกัน” และเป็นได้แค่เพื่อน

โชคชะตาบางอย่างหากพลาดไปแล้วคือพลาดไปเลย ไม่มีทางหวนกลับคืนมาได้อีก ความรักหากไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเช่นนี้

เธอรู้ความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อหลงซือเย่ดี เธอมองเขาเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตาย ยอมสละชีวิตแทนเขาได้ แต่ไม่มีทางรักเขาได้อีก

หลงซือเย่สมควรได้รับมากกว่านั้น เขาสมควรได้ผู้หญิงดีที่ทุ่มเทรักเขาด้วยใจจริง ไม่ใช่คนที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชนอย่างเธอ

ในอนาคตเธออาจจะแต่งงานกับใครสักคน ไม่แต่งงานเพราะความรัก ก็แต่งด้วยความว่างจนเบื่อหน่าย แต่สองแบบนี้ไม่เหมาะสมกับหลงซือเย่…

“เจ้าหอยยักษ์ ต่อไปหากพลังวิญญาณของข้าลดลง เจ้ายังจะเห็นข้าเป็นเจ้านายอยู่หรือไม่?” กู้ซีจิ่วถาม

เจ้าหอยยักษ์ประหลาดใจ “เจ้านาย พลังวิญญาณมีแต่ฝึกฝนแล้วเพิ่มขึ้นไม่มีลดลง มีเพียงสิ้นเปลืองพลังวิญญาณจนหมด ทว่าขอแค่ฝึกฝนอย่างดี พลังวิญญาณก็จะกลับคืนมาดังเดิมอย่างรวดเร็วได้”

“ข้าหมายถึงถ้าหาก”

เจ้าหอยยักษ์ยืดเปลือก “เจ้านาย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านก็เป็นเจ้านายของหอยยักษ์! ต่อให้พลังวิญญาณหมดสิ้นก็ยังเป็นเจ้านายของข้า!”

กู้ซีจิ่วปลาบปลื้มใจ เธอรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ถึงแม้จะตะกละตะกลาม แต่ไม่มีทางทรยศเธอ

เธอมองลู่อู๋น้อย มันกำลังสะลึมสะลือ ทว่าก็ได้ยินถ้อยคำที่กู้ซีจิ่วเอื้อนเอ่ย จึงลืมตาขึ้น เอ่ยวาจาอย่างผู้ใหญ่ “ท่านจะเป็นเจ้านายของข้าตลอดไป ไม่ทอดทิ้งและไม่ยอมละทิ้ง!”

กู้ซีจิ่วเคยเล่าละครยุคปัจจุบันให้เจ้าตัวนี้ฟัง มันชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังพิเศษเหล่านั้นมาก ถึงขั้นจำบทละครในนั้นได้

กู้ซีจิ่วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นตบลู่อู๋น้อยเบาๆ ลู่อู๋น้อยกลับสู่ร่างเดิมเสียงดัง มันส่ายหางทั้งเก้า ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “เจ้านาย อย่าแตะตัวข้าอีกเลย”

กำไลที่ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคล้องไว้ให้มันยังมีผลลัพธ์ที่วิปริตยิ่งนัก

————————————————————————————-