ตอนที่ 191

Legend of the mythological genes

เงาดำเหมือนภูเขาลูกเล็กๆที่ดันน้ำออกมาขณะที่อวัยวะทั้งแปดขยับอย่างรุนแรง เลือดที่ไหลจากตัวมันเปลี่ยนสีน้ำทะเลเป็นสีแดง

กระสวยอวกาศสีเงินขนาดมหึมากำลังไล่ตามมันจากด้านหลัง ปืนใหญ่รังสียังคงยิงลำแสงพลังงาน ทำให้น้ำทะเลเดือด วัตถุอื่นๆที่ขัดขวางเส้นทางถูกหลอมระเหย

11,000 เมตร 12,000 เมตร 13,000 เมตร …

หนึ่งหนี หนึ่งไล่ตาม ยามาตะ โนะ โอโรจิและกระสวยอวกาศยังคงดำลึกลงไปในร่องลึกสมุทรมาเรียนา

ลำแสงที่รวมตัวกันนั้นถูกยิงออกมาราวกับดาบที่ทะลุผ่านความมืด ตัดส่วนที่ยื่นออกมาของยามาตะ โนะ โอโรจิ

ก่อนหน้านี้ยามาตะ โนะ โอโรจิเหมือนสัตว์ร้ายจากตำนานและเป็นสัตว์ที่น่าเกรงขาม ดุร้ายอย่างมาก แต่ตอนนี้มันทำตัวเหมือนสุนัขขี้แพ้และวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง มันยังคำรามด้วยความเจ็บปวดก่อให้เกิดคลื่นเสียงที่ไหลผ่านน้ำอย่างชัดเจน

ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว แต่ต่อหน้าจุดสุดยอดของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตอนนี้มันไม่ต่างอะไรจากขยะ

วิธีการภายนอกอ้างถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและวิธีการภายในอ้างถึงการบ่มเพาะ ทั้งสองเป็นวิธีที่ใช้กันมากสุดในมนุษย์ระหว่างดวงดาว ไม่มีความเหนือกว่า แต่ทั้งคู่อยู่กันคนละเส้นทาง

ก่อนที่ผู้บ่มเพาะจะเติบโตเต็มที่ เขาหรือเธอจะไม่สามารถต้านทานพลังของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้

ท้ายที่สุดไม่มีขีดจำกัดในระดับของพลังที่วิทยาศาสตร์สร้างขึ้น ด้วยพลังงานสำรองและวัสดุดีๆ มันก็เป็นไปได้ที่อาวุธวิทยาศาสตร์จะมีพลังทำลายล้างทั้งดาวเคราะห์

ปัจจุบัน ท่ามกลางหนึ่งในอาวุธที่น่ากลัวสุดของมนุษยชาติ ปืนใหญ่ทำลายดาวสามารถทำลายดาวดวงเล็กได้ในนัดเดียว

ถ้าผู้บ่มเพาะไม่ถึงระดับเทียบเท่ากับเทพและครอบครองร่างอมตะ เขาจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าโดนอาวุธน่ากลัวจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโจมตี

ตอนนี้เขาไม่สนใจว่ายามาตะ โนะ โอโรจิจะหนีได้เร็วแค่ไหน เฟิงหลินควบคุมยานบินและไล่ตามไปติดๆ

นี่ไม่ใช่เพราะความเกลียดชัง ต้องโทษที่มันคือสิ่งมีชีวิตหายาก

มีอวัยวะเหนือธรรมชาติอยู่ในนั้นเพราะมันคือสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ไม่ว่ามันจะมีชีวิตหรือตายไป มันก็ไม่ต่างอะไรกับขุมทรัพย์

ในอดีต เฟิงหลินเคยได้รับหัวใจของไททันมาแล้ว อย่างไรก็ตามระดับพลังงานมันสูงเกินไปและเขามีเพียงอันเดียว เขาไม่ต้องการที่จะทำการทดลองใด เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะกลัวว่าจะทำลายของล้ำค่าเช่นนั้น

15,000 เมตร 16,000 เมตร 17,000 เมตร…

เขาไล่ตามอย่างต่อเนื่องและไม่ช้าก็มาถึงที่ระดับความลึก 20,000 เมตร

น้ำมืดเหมือนน้ำหมึก ไม่มีแสงส่องผ่านความลึกนี้ได้ กระสวยอวกาศต้องใช้เทคโนโลยีการระบุตำแหน่งคลื่นพิเศษเพื่อตรวจสอบและจับเป้าเข้ากับยามาตะ โนะ โอโรจิ

ตอนนี้สัตว์ประหลาดนั้นอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช อวัยวะถูกตัดขาดอีกครั้งเหลือหัวอยู่เพียงหัวเดียว

หลังจากไล่ตามมาเป็นเวลานานเฟิงหลินก็พบเบาะแสมากมาย

สัตว์ประหลาดนี้เป็นสิ่งมีชีวิตทางพันธุกรรมที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น โดยยึดตามตำนานของยามาตะ โนะ โอโรจิ ถ้ามันเป็นสัตว์ร้ายที่ทำลายโลกจริงๆ มันคงไม่อ่อนแออย่างนี้

ในตำนานญี่ปุ่นยามาตะ โนะ โอโรจิเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตาย ต้องใช้วิธีพิเศษเท่านั้นถึงจะสามารถฆ่ามันได้

ในความเป็นจริงเรื่องราวดังกล่าวระบุว่าเทพแห่งวายุ ซูซาโนโอะได้ใช้ดาบคุซานางิฆ่ามัน

เมื่อเห็นว่าสัตว์ประหลาดนั้นแข็งแกร่งเพียงภายนอก เฟิงหลินจึงไม่มีความคิดที่จะเล่นกับมันอีกต่อไป เขาสั่งด้วยเสียงต่ำ “จื่อเซี่ยใช้พลังเต็มที่แล้วฆ่ามันซะ”

“รับทราบค่ะ กัปตัน!” ปัญญาประดิษฐ์จื่อเซี่ยตอบ แผงควบคุมจำนวนมากบนผิวของกระสวยบินปล่อยปืนใหญ่รังสีแสงออกมา ทั้งหมดรวบรวมพลังงานชั่วขณะหนึ่งและระเบิดคลื่นพลังงานขนาดมหึมาออกมา การโจมตีครั้งนี้เป็นเหมือนพายุสุริยะทำให้น้ำบริเวณใกล้เคียงระเหยกลายเป็นไอน้ำเดือด

พลังงานรุนแรงสูงบดขยี้กับยามาตะ โนะ โอโรจิทันที มันเจ็บปวดมาก

มันค่อยๆหยุดเคลื่อนไหว ไม่มีสัญญาณชีวิตเล็ดลอดออกมาจากมันอีกต่อไป

หลังจากแสงปืนใหญ่ถูกดึงกลับ มันก็เผยให้เห็นเพียงร่างยักษ์ที่ไหม้เกรียม ซากศพกำลังจมอย่างรวดเร็ว แต่แขนหุ่นยนต์ก็ยิงออกจากกระสวยและดึงมันกลับเข้ามาในยานบิน

เฟิงหลินเดินไปที่ห้องโดยสารด้านนอกและตรวจสภาพศพ หุ่นยนต์รูปทรงกลมจำนวนนับไม่ถ้วนมีเครื่องมือต่างๆ ในมือกำลังเริ่มผ่าสัตว์ประหลาด

หลังจากที่เนื้อสีขาวซีดถูกตัดเปิด ไอน้ำก็ลอยออกมา ตามด้วยกลิ่นไหม้เกรียมที่แทรกซึมอยู่ในอากาศ ซากสัตว์ประหลาดถูกหุ่นยนต์ทหารตัด กระดูกของมันซ้อนกันเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ

ทันใดนั้นห้องโดยสารก็สว่างขึ้น ไข่มุกสีเขียวถูกขุดขึ้นมาจากหัวงูของยามาตะ โนะ โอโรจิ

แต่ยังมีไข่มุกอีกจำนวนมากถูกขุดออกมาจากอวัยวะอีกเจ็ดส่วน ไข่มุกแต่ละอันเปล่งประกายด้วยแสงสีที่แตกต่าง

น่าประหลาดใจมาก!

เฟิงหลินรู้ว่ายามาตะ โนะ โอโรจิจะต้องมีอวัยวะที่เหนือธรรมชาติอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาไม่คาดคิดว่าจะพบอวัยวะเหนือธรรมชาติทั้งแปดในครั้งเดียว นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเขาเล็กน้อย

นี่คือดีงู?

มีแปดหัว งั้นก็ต้องมีแปดดีงู?

เฟิงหลินรู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์ของพลังงานภายในไข่มุกดีงู แต่ละอันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ร้อน เย็น…

ไข่มุกแต่ละอันมีคุณสมบัติพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์ อาจพิจารณาได้ว่าเป็นอวัยวะเหนือธรรมชาติซึ่งมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้

หลังจากไม่มีไข่มุกทั้งแปดนี้อวัยวะของยามาตะ โนะ โอโรจิก็ไร้ประโยชน์ เฟิงหลินสั่งให้หุ่นยนต์ของกระสวยอวกาศจัดการกับซากศพนั่น

อวัยวะเหนือธรรมชาติถือเป็นแก่นพลังของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ หากเขาสามารถปรับแต่งสิ่งนั้นให้เป็นยาได้   ยาที่ได้รับการกลั่นจะมีพลังงานและสารอาหารมหาศาล มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้บ่มเพาะ

หากการปรุงยาประสบความสำเร็จจริงๆ เฟิงหลินก็จะไม่ขาดสารอาหารไปอีกเป็นเวลานาน

ก่อนหน้านี้เขามีเพียงหัวใจของไททัน เฟิงหลินไม่กล้าทำการทดลองใดๆกับมัน แต่ตอนนี้เขามีไข่มุกแปดอัน แม้ว่าจะเสียหายก็ยังมีอีกเจ็ดอันที่เหลือ

นี่คือความสุขที่ไม่คาดคิดมาก่อน แม้ว่าไข่มุกสมบัติบางชิ้นจะได้รับความเสียหายจากการทดลอง เขาก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก

เฟิงหลินไม่ลังเล เขาสั่งให้ปัญญาประดิษฐ์แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการปรุงยาทางพันธุกรรมที่อยู่ในกระสวยอวกาศ

วิธีการผสมและข้อมูลเกี่ยวกับยาทางพันธุกรรมที่แตกต่างกันที่บริษัทยาไจแอนท์บันทึกไว้ในปัญญาประดิษฐ์มีกว่าหมื่นสูตร แต่ละสูตรมีผลที่แตกต่างกัน อย่างน้อยต้องมีสักสูตรที่เหมาะกับเขาในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆในกระสวยอวกาศ เฟิงหลินพอใจมากเพราะเขาจะสามารถใช้มันเพื่อปรุงยาที่เขาต้องการได้

ผ่านการฉายภาพโฮโลแกรมสูตรนับไม่ถ้วนปรากฏต่อหน้าเขา ทำให้ตาพร่ามัว

เฟิงหลินไม่โง่นัก เมื่อมองผ่านทีละสูตร เขาก็ตั้งค่าพารามิเตอร์และสั่งปัญญาประดิษฐ์ให้กรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด “จื่อเซี่ยแสดงสูตรสำหรับยาทางพันธุกรรมที่ต้องใช้อวัยวะหลุดพ้นเป็นส่วนผสม นอกจากนี้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนผสมที่ต้องการนั้นมีอยู่ในคลังของกระสวยอวกาศ”

ภาพกระพริบเป็นสัญญาณการเริ่มคำนวณและกรองอย่างรวดเร็ว ไม่นานสูตรก็ปรากฏต่อหน้าเฟิงหลิน

น้ำศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ!