ตอนที่ 438 ดอกไม้ไฟตระการตา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 438 ดอกไม้ไฟตระการตา

ค่ำคืนที่แสงจันทราส่องสว่างเสียจนมองมิเห็นดวงดาว

เดิมทีหยูเวิ่นเต้าตั้งใจจะพาหงจวงและลวี่ซั่งไปยังจวนฟู่ แต่เมื่อใกล้จะถึงจุดหมายเขากลับเลี้ยวไปยังอีกทิศทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางไปยังค่ายทหารรักษาพระองค์

“ไปกันเถอะ”

“ไปที่ใดกัน ? ” ฮั่วหวยจิ่นเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ไปดื่มสุรากับหนิงหยู่ชุน”

“…อกหักเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“อกหักบ้าบออันใดกัน ข้ายังมิได้มีความรักเลยด้วยซ้ำ ไป ๆ ๆ อย่าได้เอ่ยถามให้มากความ”

ฮั่วหวยจิ่นแบกปืนเหล็กเอาไว้และขี่ม้าตามรถม้าของหยูเวิ่นเต้าไปยังจวนผู้ว่าการเขตจินหลิง

หนิงหยู่ชุนเพิ่งจะเดินออกมาจากประตูจวน ก็พบเข้ากับหยูเวิ่นเต้าและฮั่วหวยจิ่น

“ดื่มสุรา ! ”

“…อกหักเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

หยูเวิ่นเต้ารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก หรือใบหน้าของข้าจะแปะตัวอักษรเอาไว้ว่าอกหักเยี่ยงนั้นหรือ ?

“ไป ? พวกเราไปหอซื่อฟางกัน”

“พ่อครัวของหอซื่อฟางไปอยู่ที่จวนของฟู่เสี่ยวกวนหมดแล้วมิใช่หรือ ? ”

“เขานะหรือ เขาเป็นเพียงพวกตระหนี่ เขามิได้จัดงานเลี้ยงหรอก เขากล่าวว่ายามราตรีเขามิว่าง”

ทั้งสามคนเดินไปบนถนนท่ามกลางความมืด หัวข้อสนทนาหนีมิพ้นเรื่องของฟู่เสี่ยวกวน

ฮั่วหวยจิ่นหัวเราะหึ ๆ “คืนนี้เขามิว่างก็เป็นเรื่องปกติ พวกเราอย่าได้ไปรบกวนเขาเลย”

“เจ้าจะไปรู้อันใดกัน…” หยูเวิ่นเต้าเกือบจะหลุดเอ่ยออกมาว่าหยูเวิ่นหวินตั้งครรภ์แล้ว “เจ้าหมอนี่ เห้อ…จากนี้ไปหากข้าจะไปหาเขาเพื่อดื่มสุราคงจะเป็นการยากแล้ว”

“เขามิใช่พวกกลัวภรรยาเสียหน่อย อีกอย่างจากนิสัยของฮูหยินทั้งสามท่าน ก็มิใช่คนที่จะควบคุมเขา”

“มิใช่ด้วยเหตุนี้หรอก สาเหตุที่งานอภิเษกสมรสในครานี้จัดขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะว่าหลังจากนี้เขาจะยุ่งเป็นอย่างมากต่างหากเล่า”

หนิงหยู่ชุนพยักหน้าตอบรับ เนื่องจากนโยบายใหม่นั้นได้ทำการขับเคลื่อนไปทั่วแคว้นแล้ว ในฐานะผู้คิดนโยบายขึ้นมา ฟู่เสี่ยวกวนจะต้องดูแลอย่างทั่วถึง

ได้ยินมาว่าเขาเริ่มทดลองที่เขตผิงหลิงกับชวูอี้แล้ว แต่เขตทดลองอย่างเป็นทางการเขตแรกนั้นอยู่ที่เขตเหยาเมืองหลินเจียง เมืองเหอหนานเขตกง เมืองฉีโจวเขตไคหยาง หย่งหนิงโจวผิงหลิงและชวูอี้ รวมถึงหนิงโจวเขตเหอหยูด้วย

ได้ยินมาว่าที่เขตเหยานั้นสำเร็จแล้ว แน่นอนว่ามีเพียงกิจการของซีซานเท่านั้น บรรดาพ่อค้ายังมิได้ออกมาแสดงความกระตือรือร้น

ทั้งหกเขตนี้ถือว่าเป็นเขตทดลอง คาดว่าจะเริ่มจากกิจการของซีซานก่อน เขาจะใช้ผลสรุปนี้ประกาศต่อราษฎรทั่วทั้งใต้หล้าว่า นโยบายการค้าคู่การเกษตรนั้น มิใช่เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ

หนิงหยู่ชุนเชื่อมั่นในตัวฟู่เสี่ยวกวนว่า เขาจะกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลจากนโยบายนี้ !

เขาเชื่อในวิสัยทัศน์ของฟู่เสี่ยวกวน และเชื่อว่าฟู่เสี่ยวกวนมีความรู้เรื่องนโยบายนี้เป็นอย่างดี เพียงแต่อุตสาหกรรมที่ซีซานนั้นใหญ่โตเป็นอย่างมาก หากจะให้ดำเนินการไปพร้อมกันทั้งหกเขต เขาจะนำเงินมากมายถึงเพียงนั้นมาจากที่ใดกัน !

เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในหอซื่อฟางและขึ้นไปนั่งยังชั้นสามแล้ว หนิงหยู่ชุนก็เกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา

“ข้าตั้งใจว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปพบฟู่เสี่ยวกวนเสียหน่อย”

“ด้วยเรื่องอันใดกัน ? ”

หนิงหยู่ชุนหัวเราะหึ ๆ “ร่วมหาเงินกับเขาสักเล็กน้อยเพื่อนำมาซื้อสุรา”

หยูเวิ่นเต้าและฮั่วหวยจิ่นรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ได้เข้าใจความหมายของเขาอย่างรวดเร็ว

“พรุ่งนี้ข้าไปด้วย”

“ข้าตั้งใจจะลงทุนให้เขาสัก 300,000 ตำลึง” หนิงหยู่ชุนเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง

หยูเวิ่นเต้าใจสั่น ให้ตายสิ ข้าเป็นถึงองค์ชายแต่ทว่ากลับมีเงินในมือเพียง 80,000 ตำลึงเท่านั้น มิได้การแล้ว จะต้องไปขอจากเสด็จแม่สักหน่อย “ข้าตั้งใจจะลงทุนสัก 500,000 ตำลึง ! ”

ฮั่วหวยจิ่นได้ยินดังนั้นก็ปวดหัวมากยิ่งนัก บ้าไปแล้ว พวกเจ้ามีเงินมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?

“ข้า…ข้ามีเพียงมิกี่พันตำลึงเท่านั้น”

หยูเวิ่นเต้ามองไปยังฮั่วหวยจิ่นด้วยสายตาดูถูก “ข้าจะบอกข่าวแก่เจ้าว่า พี่สามมีเงินมากโขเสียทีเดียว ! ”

องค์หญิงสามหยูชิงหลานนั้นเดินทางกลับมาเมืองหลวงทันทีหลังออกมาจากแคว้นฮวง เพิ่งจะเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ และฮั่วหวยจิ่นก็ได้พบกับองค์หญิงสามแล้ว ทั้งสองได้แต่สนทนาถึงเรื่องความรัก มิได้กล่าวถึงเงินทอง ดังนั้นฮั่วหวยจิ่นจึงมิได้รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย

ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังสนทนากันเรื่องรายได้ของอุตสาหกรรมที่ซีซานของฟู่เสี่ยวกวนอยู่นั้น ด้านนอกก็ได้มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น

ทั้งสามจึงเงี่ยหูฟัง…

หยูเวิ่นเต้าและฮั่วหวยจิ่นลุกขึ้นยืนเปิดประตูออก จึงได้พบกับองค์หญิงสามหยูชิงหลานและฉินรั่วเสวียอีกทั้งสีซีคุณหนูรองตระกูลสี เซวียหยู่เยียนคุณหนูห้าของตระกูลเซวีย

ทั้งสองฝ่ายล้วนตกตะลึง แต่เมื่อหยูชิงหลานพบพวกเขา นางจึงได้ยิ้มและกล่าวว่า “รั่วเสวียนางกล่าวว่าจะต้องพาข้ามาฉลองที่นี่ให้จงได้ อีกทั้ง…ในค่ำคืนนี้ ฟู่เสี่ยวกวนจะจุดพลุดอกไม้ไฟทั่วทั้งเมือง พวกเราจึงได้เดินทางมารับประทานอาหารที่นี่ และคอยชื่นชมดอกไม้ไฟ แล้วพวกท่าน… ? ”

หยูเวิ่นเต้ายิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราเพียงแค่มาพบปะกันเท่านั้น มา ๆ ๆ มาร่วมสนุกกันเถอะ…”

หยูเวิ่นเต้าเชิญชวนทั้งสี่คนเข้าไป พลางเอ่ยว่า “หลายปีมานี้ พวกเราพี่น้องมิเคยได้ร่วมรับประทานอาหารด้วยกันเลย นอกเสียจากวันเทศกาล ค่ำคืนนี้จะต้องดื่มให้ชื่นใจเสียหน่อย”

ฉินรั่วเสวียชายตาไปมองหยูเวิ่นเต้าแล้วหัวเราะ “ในวันนี้ช่างโชคดีเสียจริง ในเมื่อองค์ชายห้าอยู่ที่นี่ พวกข้าคงมิต้องจ่ายเงินเอง ประหยัดไปได้มากโขทีเดียว พวกเราหากอยากกินสิ่งใดเชิญสั่งได้ตามสบายมิต้องเกรงใจ ! ”

เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว สีซีที่แม้ว่าใบหน้าจะยิ้มออกมา แต่ทว่ากลับแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยว

“เมื่อปีที่แล้ว เสี่ยวโหลวและข้ายังได้มาฟังเพลงที่หงซิ่วจาวอยู่บ้างบางครา แต่เพียงพริบตาเดียว…นางก็แต่งงานไปเสียแล้ว รอเมื่อถึงวันนี้ในปีหน้า คาดว่านางคงจะกลายเป็นแม่ไปเสียแล้ว เห้อ…”

เซวียหยู่เยียนเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า “เกรงว่าที่เจ้าเสียใจเช่นนี้มิใช่เพราะนางแต่งงานเป็นแน่ ข้านั้นนับถือเสี่ยวโหลวเสียจริง ชื่นชอบก็สามารถเข้าหาอย่างกล้าหาญ ดูเจ้าตอนนี้สิ ฟู่เสี่ยวกวนแต่งภรรยาทีละ 3 คน เสี่ยวโหลวก็ได้แต่งตามใจปรารถนาของนาง แต่เจ้ากลับมานั่งโทษฟ้าดินอยู่เช่นนี้ เพราะผู้ใดเล่า ? ”

สีซีเบ้ปาก เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “องค์ชายห้า นำสุรามาเถอะ ! ”

มิมีผู้ใดรู้ว่าคุณหนูรองของตระกูลสีนั้นเคยแอบชื่นชอบฟู่เสี่ยวกวนมาก่อน นางพยายามยิ้มออกมา เมื่อกับข้าวและสุราถูกนำมาวางบนโต๊ะ หัวข้อสนทนาก็ได้กลับไปยังฟู่เสี่ยวกวนอีกครา

องค์หญิงสามได้กล่าวถึงเรื่องความเก่งกาจของดาบเทวะ อีกทั้งภาพที่นางเห็นในเขตผิงหลิงและชวูอี้

เมื่อฟังจบ สีซีก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจ “นี่คือชายในดวงใจของข้า น่าเสียดายยิ่ง น่าเสียดายอย่างแท้จริง ! ”

ฉินรั่วเสวียคีบเนื้อปลาใส่เข้าไปในถ้วยของสีซีแล้วกล่าวว่า “กินปลาเข้าไปเสีย ! กินปลาเยอะ ๆ จะได้ฉลาดขึ้นมาบ้าง ! ”

เมื่อด้านนอกหน้าต่างปรากฏแสงไฟสว่างวาบ ทุกคนจึงหันออกไปมอง

ณ ลานอันกว้างใหญ่แห่งหลานถิงจี๋ มีพลุและดอกไม้ไฟมากมายถูกจุดขึ้น !

“ไอหยา เขาจุดพลุจริง ๆ ด้วย ไปกันเถอะ ! ” ฉินรั่วเสวียเอ่ยจบก็วิ่งออกไป คนอื่น ๆ ในโต๊ะก็พลันตกตะลึงแล้วรีบตามออกไปทันที

พวกเขามายังชั้นบนสุด และสามารถมองเห็นบรรยากาศได้รอบทิศ ราวกับสามารถมองเห็นได้ทั่วทุกมุม ทั่วท้องนภาในเมืองจินหลิงล้วนมีพลุสว่างไสว !

ริมแม่น้ำฉินหวาย วัดฟูจื่อ ด้านหน้าหยี่ฮวาถาย ถนนชูเซียง สำนักศึกษา อีกทั้งถนนถนนสือหลี่เป็นต้น

ราษฏรทั้งหลายต่างก็พากันวิ่งออกมาดู มิได้แตกต่างไปจากพวกเขาในตอนนี้ ทุกคนล้วนตื่นเต้นไปกับแสงไฟอันงดงามของพลุและดอกไม้ไฟ

ฮ่องเต้และฮองเฮาซั่งก็ได้ยืนทอดพระเนตรชมอยู่ที่หอชีเฟิ่ง มองไปยังแสงพลุไฟที่ตระการตาไปทั่วทั้งเมือง

ขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมอยู่นั้น ก็ได้มีบอลลูนลอยขึ้นสู่ท้องนภา บอลลูนนั้นได้ลอยไปทั่วเมืองจินหลิง ทำให้ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ว่านี่มันมันคือสิ่งอัศจรรย์ใดกัน ?

และหนึ่งในบอลลูนเหล่านั้น ฟู่เสี่ยวกวนและภรรยาทั้งสามคนกำลังล่องลอยอยู่ในท้องนภาเพื่อชื่นชมพลุเหล่านั้น

“ข้าเคยบอกกับพวกเจ้าว่า จะจัดงานอภิเษกสมรสให้ยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ข้าคงทำได้เพียงเท่านี้ หวังว่าพวกเจ้าจะชอบในสิ่งที่ข้าจัดเตรียมไว้ให้”

และในบอลลูนที่ห่างออกไปมิไกลนัก ใบหน้าอันขาวผ่องของไป๋ยู่เหลียนนั้นมิอาจปิดบังความตื่นเต้นไว้ได้เลย มิใช่เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยของฟู่เสี่ยวกวน แต่เป็นเพราะบัดนี้ข้างกายของเขามีสตรีนางหนึ่งที่งดงามมากยิ่งนัก นางมีนามว่าเหวินรั่วซี !

“งดงามยิ่ง…เสี่ยวไป๋ เมื่อยามที่พวกเราสองคนแต่งงานกัน ก็ทำเยี่ยงนี้ดีหรือไม่ ? ”