คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 620
แดร์ริลหยิบกล่องขึ้นมาเปิดออกอย่างไม่ลังเล

เมื่อเขาเปิดกล่องออกมา ลำแสงสีทองสาดส่องทะลุออกมา มีโอสถสองเม็ดอยู่ภายในกล่องพวกมันมีสีทองอร่ามและเฉิดฉายวาววับ

พวกมันคือโอสถพลังแห่งอนันต์!

“โอสถพลังแห่งอนันต์ นี่มันโอสถพลังแห่งอนันต์จริง ๆด้วย!” แดร์ริลเนื้อเต้นถึงขนาดเสียงสั่น

ทุกคนมีความเชื่อว่าจักรพรรดิราชวงศ์ชิงได้รวบรวมจอมยุทธทุกคนที่เขาสามารถตามตัวได้เพื่อมาสร้างโอสถอายุวัฒนะเพื่อความเป็นอมตะ แต่พวกเขาก็ล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายนั้น แต่พวกเขาทำโอสถพลังแห่งอนันต์ขึ้นมาทดแทน

ผู้ใดก็ตามสามารถใช้โอสถพลังแห่งอนันต์ได้เพียงแค่ครั้งเดียวตลอดชั่วชีวิตเท่านั้น ปรมาจารย์อาวุโสผู้ใดก็ตามที่ได้ทานมันจะสามารถบรรลุกำลังภายในของตัวเองได้ถึงสามระดับทันที

ระดับปรมาจารย์อาวุโสขั้นหนึ่งก็จะกลายเป็นปรมาจารย์อาวุโสขั้นสี่ทันทีหลังจากได้ทานเข้าไปและสำหรับระดับปราชญ์ยุทธขั้นหนึ่งก็จะกลายเป็นปราชญ์ยุทธขั้นสี่

โอสถพลังแห่งอนันต์ เป็นหนึ่งในโอสถที่หายากที่สุดในโลก หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ชิง สูตรการกลั่นยาก็หายสาบสูญไป

โอสถพลังแห่งอนันต์ มีบันทึกไว้ในคัมภีร์โอสถแห่งอนันต์เพียงคร่าว ๆ แต่มันไม่ได้มีบันทึกสูตรหรือวิธีการกลั่นใด ๆ

ดาร์ริลไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะมาพบกับโอสถพลังแห่งอนันต์สองเม็ดที่สุสานโบราณแห่งนี้

แดร์ริลและอีเว็ตต์มองหน้ากันและกัน ทั้งคู่ก็กลืนเม็ดยาเข้าปากในทันที

พวกเขาสัมผัสได้ถึงขุมพลังที่ระเบิดอยู่ในร่างกายของพวกเขาทันที!

ทั้งคู่นั่งลงกับพื้นขณะที่พวกเขารู้สึกว่ากำลังภายในของพวกเขายังคงพัฒนาบรรลุด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ประมาณสามชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็สามารถดูดซับสรรพคุณของโอสถพลังแห่งอนันต์ได้อย่างเต็มที่ แดร์ริลลืมตาขึ้นและเขาก็รู้สึกปลาบปลิ้มใจ

ตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขาได้บรรลุไปถึงสามระดับ ตอนนี้เขาอยู่ในระดับปราชญ์ยุทธขั้นสี่

แดร์ริลรู้สึกตื่นเต้นมากเขาชกลมอย่างกะปี้ปะเป่า เขารู้สึกว่าพลังของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก

จากนั้นเขาก็มองไปที่แผ่นหินศิลาอีกครั้งเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาวรยุทธ

เขาพึมพำ “หัตถ์พลังอมตะ!” ชื่อน่าเกรงขามอะไรเยี่ยงนี้!

แดร์ริลสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เขานั่งลงกับพื้นเพื่ออ่านคัมภีร์บนแผ่นศิลาจารึก จากนั้นเขาก็เริ่มบ่มเพาะวิชา

อีเว็ตต์ก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน เธอนั่งข้าง ๆ แดร์ริลและเริ่มบ่มเพาะวิชาด้วยเช่นกัน

หัตถ์พลังอมตะ เป็นวรยุทธที่ซับซ้อนมาก มันยากแท้หยั่งถึงที่จะทำความเข้าใจและบ่มเพาะ

พวกเขาเพ่งสมาธิตั้งใจอยู่กับการบ่มเพาะ พวกเขาไม่ได้สนใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน

ผ่านไปสองสามวันแล้ว แดร์ริลและอีเว็ตต์ก็ยังคงอยู่ในภวังค์การบ่มเพาะ

ที่เกาะสราญรมย์

มีความวุ่นวายในห้องโถงหลัก

สาวใช้หลายสิบคนกำลังยุ่งอยู่กับการตกแต่งประดับประดาเพื่องานเลี้ยงอาหารค่ำ

มันคือวันสำคัญ อัครราชทูตแห่งโลกใหม่จะมาเยือนเกาะสราญรมย์และหัวประมุขนิกายได้จัดเตรียมเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อต้อนรับพวกเขา

เป็นค่ำคืนที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารอันโอชะไม่จำกัด ถึงเวลาที่ทุกคนควรจะได้พักผ่อนหย่อยใจและมีช่วงเวลาที่ได้สุขสำราญ

โมนิก้า วอห์น นายหญิงแห่งนิกาย เดินวนไปวนมาอยู่บริเวณทางเดินนอกห้องของเธอ เธอดูกระวนกระวายและร้อนรน เธอกำลังจะจุดไฟเผาและหนีออกจากเกาะสราญรมณ์ในตอนกลางคืน

ในขณะนั้น สมาชิกระดับสูงคนหนึ่งก็มุ่งหน้ามาหาเขาคือผู้ติดตามที่สนิทใกล้ชิดที่สุดและโมนิกาก็ไว้ใจเขา เธอถามอย่างสิ้นหวัง “มีข่าวอะไรเกี่ยวกับแดร์ริลบ้างไหม?”

ในตอนที่แดร์ริลจากไป เขาได้สัญญาไว้ว่าจะพาตัวเธอหนีออกจากไปเกาะสราญรมย์ในคืนนั้น

อย่างไรก็ตามมันผ่านไปได้หลายวันแล้ว และแดร์ริลก็ไม่ได้ติดต่อเธอกลับมาอีกเลยโมนิก้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องส่งคนออกไปตามหาเขา

สมาชิกระดับสูงคนนั้นกล่าวตอบ “นายหญิงแห่งนิกาย ผมออกสืบเสาะไปทั่วเมืองตงไห่แล้ว แต่กลับไม่พบร่องรอยของท่านผู้อาวุโสนิกายเลย”

โมนิก้าวิตกกังวลเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอโบกมือและกล่าว “ไม่เป็นไร นายไปได้แล้ว”

‘เกิดอะไรขึ้น? ทำไมแดร์ริลถึงยังไม่กลับมาที่นี่เพื่อฉัน? เขาลืมฉันไปแล้วรึเปล่า?’ โมนิก้าคิดอย่างกังวลใจ

งานเลี้ยงตอนรับในมื้ออาหารค่ำจะเริ่มขึ้นถายในอีกสองชั่วโมง เธอจงใจที่จะวางเพลิงเพื่อแกล้งตายในงานเลี้ยง แล้วเธอก็จะฉวยโอกาสนั้นหาทางหนีออกไปจากเกาะให้ได้

เธอจะหนีออกไปจากเกาะสราญรมย์โดยปราศจากแดร์ริลได้อย่างไร? แม้ว่าเธอจะทำได้แต่เธอควรจะหนีแห่งหนใด?