ตอนที่ 544 - วิญญาณยักษ์

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.544 – วิญญาณยักษ์

กลุ่มเผ่าทะเลสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของการต่อสู้ ดังนั้นตัดสินใจวกกลับมาดู เดิมพวกเขาคิดว่าเป็นเพราะเครื่องจักรที่ตนโจมตี ปลุกบางสิ่งบางอย่างที่ทรงพลังจากนิทรา และบางทีพวกตนอาจสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์โดยไม่ต้องออกแรง

แต่กลับไม่คาดคิดเลย ว่าจะพบเจอกับฉากดังกล่าว

เผ่าทะเลกลุ่มนี้เลยไม่กล้าปรากฏตัว

ฉินเฟิงแน่นอนว่าสามารถตระหนักถึงการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวไม่คิดสานสัมพันธ์ใดๆ ในเมื่อทางนู้นไม่กล้าปรากฏตัว เขาก็ไม่คิดเอ่ยคำใด

เนื่องจากพลังสมาธิถูกกดดัน และอีกอย่างระแบบแรงโน้มถ่วงในมิติแห่งนี้ก็น่าหวาดกลัวไม่แพ้กัน ฉินเฟิงเลยยกเลิกความตั้งใจที่จะใช้ฮอลเมฆครามและรถสายฟ้าสีเงิน

เพราะแค่ตรงนี้ที่เดียว มันก็อันตรายกว่าที่ฉินเฟิงคาดเดาไว้มากแล้ว

หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ต้องบอกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆที่มาเยือน มีมากกว่าที่ฉินเฟิงคิด

ไม่นาน ฉินเฟิงก็เริ่มเห็นการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาอื่นๆ มีบางพวกเคยเข้ามารุกรานโลกมนุษย์ของเขา ดังนั้นฉินเฟิงเลยสามารถระบุตัวตนของพวกมันได้ในทันที

“นั่นเผ่าปีศาจกระดูก!”

แนวสายตาของฉินเฟิงตกลงบนกลุ่มๆหนึ่ง เป็นสิ่งมีชีวิตผิวสีดำไหม้เกรียม และมีเงี่ยงกระดูกยื่นออกมาจากเบื้องหลัง

อีกฝ่ายกำลังต่อสู้กับวิญญาณต่างมิติ ในมือของพวกมันกุมบางสิ่งที่ยาวเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าจะเป็นกระดูกสันหลังสีแดงเลือด วาดสะบัดโจมตีเข้าทำลายวิญญาณต่างมิติ

“มันเป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C2 !”

ทั้งตัวของฉินเฟิงปกคลุมไปด้วยรูนมืดทันที แม้เขาจะไม่ได้หวาดกลัวอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ต้องการจะสู้ มิฉะนั้นคงเสียเวลาเป็นอย่างมาก ทำแบบนั้นไปก็ไม่มีความหมาย

ต่อมา ฉินเฟิงยังเห็นพวกปีศาจเสพวิญญาณ , เผ่าวิหค , เผ่าหมื่นวิญญาณ ฯลฯ

ทว่าเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจากต่างมิตเหล่านี้ ส่วนใหญ่เลือกที่จะคงรูปร่างมนุษย์เอาไว้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เลือกเผยโฉมในรูปลักษณ์อื่น แต่จำนวนเผ่าพันธุ์ที่มาเยือนมิติแห่งนี้ กลับมากจนน่าตกใจ แค่เดินไปได้ร้อยเมตร ก็เจอกับเผ่าพันธุ์อื่นๆแล้ว

และแน่นอน เมื่อสองเผ่าพันธุ์จากคนละมิติมาพบพานกันที่นี่ ย่อมเกิดการต่อสู้ขึ้น นำมาสู่สถานการณ์นองเลือด และกลิ่นคาวฟุ้งลอยในอากาศ

ฉินเฟิงยังคงเดินหน้าต่อไปแบบไม่มีเป้าหมาย ระหว่างทางเจอเทคโนโลยีอะไรก็ยึดเอาไว้ ด้วยอบิลิตี้มืดของเขา ทำให้เผ่าพันธุ์อื่นๆ ยากที่จะค้นพบ

โดยไม่รู้ตัว สภาพอากาศก็ค่อยๆครึ้มลง

ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นสีดำสนิท เหนือศีรษะขึ้นไป ไม่เห็นแม้ดาวสักดวง มองดูคล้ายท้องฟ้าได้ตายไปแล้ว

พวกเผ่าพันธุ์อื่นๆที่ฉินเฟิงพบระหว่างทาง ทั้งหมดเลือกที่จะซ่อนตัว ฉินเฟิงรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ถูกต้อง ตัดสินใจก้าวเข้าไปยังหนึ่งในอาคารที่พังทลาย หักโค่นลงไปกว่าครึ่ง

เผ่าวิญญาณในมิติแห่งนี้ ไม่รู้ว่าตายไปนานกี่ปีแล้ว แต่ตัวอาคารยังคงแข็งแรง ดูลักษณะก็รู้ว่าอย่างน้อยคงมีสักสามสิบชั้น แต่ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดถึงแปดชั้นเท่านั้น และไม่ทราบว่ามันเป็นเพราะผลจากสงครามหรือไม่ ที่ทำให้ผืนดินกลายเป็นแห้งแล้ง ไม่มีพืชพรรณใดงอกเงยอยู่เลย

ฉินเฟิงก้าวเข้าไปในอาคาร ที่นี่ไม่มีใครอยู่มาเป็นปีๆ เกรอะกรังไปด้วยฝุ่งผง ฉินเฟิงกวาดกำลังภายในวูบหนึ่ง ชะล้างบริเวณนี้จนสะอาด

ไป๋หลีกระโจนออกจากอกเขา ร่างของจิ้งจอกน้อยเริ่มยืดขยาย แปรสภาพมาเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์อย่างรวดเร็ว ร่างเธอสวมทับด้วยชุดกระโปรงยาว และรองเท้าส้นสูง

ขณะนี้ ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่ภายในความมืดมิด มองลอดออกไปนอกหน้าต่าง ชมทิวทัศน์ของอีกโลกหนึ่ง

ในตอนนั้นเอง แสงสีขาวพลันสะท้อนเข้ามาในแววตาเขา ขนาดน้อยใหญ่แตกต่างกันไป และเริ่มเดินวนเวียนบนพื้นดินอย่างไร้ทิศทาง

กลุ่มแสงเหล่านี้ ปรากฏว่าพวกมันทั้งหมดคือวิญญาณต่างมิติ!

เนื่องจากความมืดมิดมิอาจบดบังสายตาของฉินเฟิง อีกทั้งวิญญาณต่างมิติเหล่านี้ยังโปร่งแสงและสาดแสง ดังนั้นสามารถมองเห็นทุกอย่างภายนอกได้อย่างชัดเจน

จากนั้น ความคิดหนึ่งพลันวาบผ่านเข้ามา ฉินเฟิงเร่งยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นทันใด

แม้ฟังก์ชันส่วนใหญ่ของอุปกรณ์สื่อสารจะใช้งานไม่ได้ในต่างมิติ แต่ความสามารถในการบันทึกภาพยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ฉินเฟิงกดถ่ายทันที

หากว่าวิญาณต่างมิติที่มีขนาดตัวบ้างเล็กบ้างใหญ่เหล่านี้ ผูกพันธ์กับสมบัติที่พวกมันปกป้องอยูแล้วล่ะก็ เมื่อถึงยามเช้า พวกมันคงกลับเข้าไปยังสมบัติเหล่านั้นใช่หรือไม่? ถ้าถ่ายวิดีโอไว้ ฉินเฟิงก็จะรู้ตำแหน่งของสมบัติได้อย่างง่ายดาย!

และบุคคลที่มีความคิดเช่นนี้ มิใช่มีแค่ฉินเฟิง

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ครอบครองอบิลิตี้มืด ที่ช่วยให้สามารถลอบสังเกตการณ์ได้โดยง่าย

ระหว่างถ่ายวิดีโอ ห่างจากเขาไปเกินระยะร้อยเมตร ในอาคารหลังหนึ่ง คลื่นความผันผวนจากการต่อสู้ลุกฮือขึ้นอย่างกะทันหัน

ร่างของวิญญาณต่างมิติทั้งหมดบนพื้นดิน หันขวับไปยังทิศทางดังกล่าว ก่อนตรงไปยังอาคารพังทลายหลังนั้น

ในพริบตา เสียงเอะอะโวยวายและคำรามเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้น

โครม!

ผนังอาคารถูกทำลายลง หลายร่างวิ่งออกมาจากข้างใน

พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ขนาดเล็ก แต่ละตัวมีความสูงประมาณหนึ่งเมตรนิดๆเท่านั้น ทว่าครอบครองกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แผ่นหลังยืดหยุ่นสามารถโป่งพองได้ ทั้งยังว่องไวเป็นอย่างมาก!

“เป็นเผ่ามนุษย์กบพิษ!”

เผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาเผ่านี้ เคยบุกมายังโลกมนุษย์แล้ว และฉินเฟิงก็เคยเผชิญหน้ากับมันเช่นกัน เป็นธรรมดาที่จะคุ้นเคย แต่ตามปกติเขาไม่ค่อยเห็นพวกมันมากนัก เห็นได้ชัดว่ามนุษย์กบพิษไม่ได้ทรงพลัง ดังนั้นไม่มีทางที่จะสามารถสร้างความเสียหายหรือยกกองทัพขนาดใหญ่บุกมิติของฉินเฟิง เพียงส่งเผ่าพันธุ์ตนมาสำรวจเป็นระยะๆ

และตอนนี้กลุ่มมนุษย์กบพิษ ถูกเปิดเผยที่ซ่อนตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายที่อยู่รอบตัวของพวกมัน หรือเสียงยามหายใจแม้จะอยู่นิ่ง ล้วนเป็นต้นเหตุทั้งหมด

มนุษย์กบหลบหนีอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาของพวกมันก็สบประสานกัน และตัดสินใจตรงมายังอาคารซ่อนตัวของฉินเฟิง!

สีหน้าของฉินเฟิงแปรเปลี่ยนทันใด ดูเหมือนว่าก่อนที่เขาจะเข้ามายังที่นี่ พวกมนุษย์กบพิษจะเห็นเขาอยู่ก่อนแล้ว!

และในตอนนี้ พวกมันต้องการใช้ฉินเฟิงเป็นเหยื่อล่อ คอยรับหน้าแทน

ความเร็วของมนุษย์กบพิษเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เร่งฝีเท้าตรงมายังอาคารของฉินเฟิง

ฟิ้ววว–

ลำแสงสีดำพุ่งออกจากหน้าต่างทันที ตกลงกับพื้น พื้นดินที่เกรอะกรังไปด้วยฝุ่นผง ถูกกัดกร่อนกลายเป็นหลุมลึกในพริบตา

มนุษย์กบพิษหยุดฝีเท้ากะทันหัน ในขณะที่วิญญาณต่างมิติ เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาจะหยุด พวกมันยังคงไล่บี้ศัตรูอย่างบ้าคลั่ง

ขณะขบคิดแก้ปัญหา บังเกิดประกายแสงดุร้ายสะท้อนในแววตาของมนุษย์กบพิษ มันตัดสินใจวิ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา อบิลิตี้มืดของฉินเฟิงพลันปะทุออก ตกลงบนร่างของมนุษย์กบพิษ

ครั้งแรกคือคำเตือน แต่หากมีครั้งที่สอง ฉินเฟิงไม่ลังเล ฆ่ามันทันที

หลังจากแสงสีดำกระทบเข้าใส่ ความเร็วของมนุษย์กบพิษก็เริ่มลดลง ถูกวิญญาณต่างมิติไล่ตามได้ทันอย่างรวดเร็ว พวกมันระเบิดพลังงานอันน่าสะพรึงกลัว โจมตีเข้าใส่มนุษย์กบพิษจนบังเกิดเสียงดังสะท้าน

มนุษย์กบพิษย่อมไม่มีทางนั่งรอความตาย อย่างไรก็ตาม อบิลิตี้มืดของฉินเฟิงแข็งแกร่งเกินไป ส่งผลให้มนุษย์กบกลายเป็นอ่อนแอ ประสิทธิภาพยามต่อสู้ลดหลั่นเหลือน้อยกว่าครึ่ง

“อ๊บ โอออออ”

มนุษย์กบพิษร้องเสียงยาวด้วยความโกรธ แม้พวกมันจะไม่พอใจฉินเฟิง แต่มิอาจทำอะไรได้ ถูกโจมตีหนักๆเข้า ไม่ช้าก็โดนสังหารโดยวิญญาณต่างมิติ

แต่ในระหว่างนั้นเอง สิ่งที่เห็น ทำให้รูม่านตาของฉินเฟิงต้องเบิกกว้าง

เนื่องจากเขาค้นพบว่า หลังจากวิญญาณต่างมิติสังหารมนุษย์กบพิษแล้ว สภาพศพของพวกมนุษย์กบกลับไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ทว่าพลังงานในร่างกายของพวกมันกลับเหือดหายไป ตรงกันข้ามกับวิญญาณต่างมิติ ที่ดูจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย กระทั่งแสงที่สาดจากตัวก็ยังดูเข้มข้นขึ้น

ปรากฏว่าวิญญาณต่างมิติสามารถดูดซับพลังงานจากเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาได้!

เพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่ วิญญาณต่างมิติจึงมีขนาดแตกต่างกัน?

ช่วงเวลานั้นเอง พลันบังเกิดแสงสาดสว่างออกมาจากสถานที่ห่างไกล

ต้นกำเนิดแสงห่างไกลมากจริงๆ ราวกับเป็นจุดท้ายๆของสายตา ต่อมา ร่างเงาภูติผีขนาดใหญ่โตจนเกือบชนก้อนเมฆ ปรากฏขึ้น ตัวมันโปร่งแสงดูคลุมเครือ เหมือนแมงกะพรุนนน้ำ

“โคตรใหญ่!”

ฉินเฟิงตะลึงงัน ในสมองลองนึกคิดว่า มันต้องสังหารไปมากเท่าไหร่กัน จึงสามารถสูงได้ถึงขนาดนี้?