ตอนที่ 142 ประธานซือกระโดดข้ามกำแพงกลางดึก / ตอนที่ 143 ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นคนรัก

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 142 ประธานซือกระโดดข้ามกำแพงกลางดึก 

 

 

           “มั่วไป๋ ตอนนี้คุณยังโอเคไหม อยากให้ไปตามหมอมาให้คุณไหม” 

 

 

           เขาลืมตาที่แดงก่ำจ้องมองไป๋จิ่ง มั่วไป๋อดจะฝืนยิ้มไม่ได้ เขาใกล้จะลืมไป๋จิ่งแล้ว ทำไมไป๋จิ่งถึงยังต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีก 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเขาไม่มีท่าทีตอบสนอง จึงคิดจะไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดเหงื่อบนหน้าเขา เจ้าตัวยังไม่ทันหันไปก็ถูกมั่วไป๋ดึงรั้งให้หยุด 

 

 

           เขากุมมือไป๋จิ่งแน่นสนิท ดึงอีกฝ่ายมาอยู่ข้างหน้าตัวเอง ไป๋จิ่งตะลึงงัน นาทีต่อมาก็ถูกมั่วไป๋โอบรัดต้นคอเอาไว้ 

 

 

           มั่วไป๋เงยหน้าฉวยโอกาสนี้ประทับรอยจูบที่ริมฝีปากปากของไป๋จิ่ง เขายอมแพ้แล้ว แทนที่จะต่อสู้ดิ้นรนเก็บกดความรู้สึกด้วยความเจ็บปวดทรมาน สู้ใช้ไป๋จิ่งไปเลยดีกว่า 

 

 

            ‘ถึงยังไงเมื่อก่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำ มีอะไรต้องเสแสร้งอีก’ 

 

 

            ท่ามกลางความเจ็บปวด น้ำตาหลั่งไหลรดรินจากหางตาลงไปซ่อนในเรือนผมสั้นสีดำของมั่วไป๋ เขาหลับตาลงรองรับความรุ่มร้อนของไป๋จิ่ง 

 

 

           ‘ครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเองในตอนนั้นที่เคยยอมให้เขาจับกดมาได้ตั้งนาน เป็นการเก็บดอกเบี้ยเดิมมาใช้ใหม่แล้วกัน’ 

 

 

           …… 

 

 

           กว่าซือเหยี่ยนจะบินจากอเมริกามาถึงสนามบินที่ถานโจว เวลาก็ปาไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ร่างกายเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด แต่เมื่อคิดถึงเจียงมู่เฉิน เพียงเสี้ยววินาทีก็ตาสว่างขึ้นมาจนได้ 

 

 

           เขาค่อยๆ ลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากสนามบิน จนกระทั่งขึ้นนั่งในรถเก๋งคันสีดำที่จอดรอข้างนอกมาเป็นระยะเวลานาน 

 

 

           “ประธานซือครับ กลับคฤหาสน์หรือเปล่าครับ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนครุ่นคิด “ไปบ้านตระกูลเจียง” 

 

 

           เทียบกับการกลับบ้านไปนอน เขาอยากเจอเจียงมู่เฉินมากกว่า ไม่รู้ว่าไม่กี่วันมานี้อีกฝ่ายจะโกรธจนระเบิดลงเลยใช่หรือเปล่า 

 

 

           รถเก๋งคันสีดำแล่นไปตามถนนโล่งไร้รถ ซือเหยี่ยนเอนพิงอยู่เบาะหลัง หลับตาลงเบาๆ สามวันมานี้ เขาเอาแต่ตามไมเคิลอยู่ข้างหลัง ไปตรวจสอบเรื่องราวของซังจิ่ง แทบจะไม่ได้ปิดตานอน 

 

 

           กลับมาแวบแรกคือมุ่งตรงไปหาเจียงมู่เฉิน เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย อดจะยิ้มไม่ได้ ไม่รู้ว่าเข้าไปดึกขนาดนี้ เจียงมู่เฉินจะโกรธจนคว้ามีดมาไล่ฆ่าเขาไหม 

 

 

           รถมาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลเจียง ซือเหยี่ยนเปิดประตูรถออกมา ก็ไม่ลืมจะสั่งกำชับ “พรุ่งนี้ไม่ต้องมารับฉัน” 

 

 

           หลังจากพูดจบ รถถึงได้แล่นออกไป 

 

 

           ซือเหยี่ยนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลเจียง ดูลาดเลาตำแหน่งห้องของเจียงมู่เฉินสักหน่อย ข้างในดับไฟเรียบร้อย ซือเหยี่ยนอดจะเลิกคิ้วไม่ได้ คืนนี้ยังไม่ดึกก็นอนแล้วเหรอ 

 

 

         เขาหยิบมือถือออกมาคิดว่า จะโทรหาเจียงมู่เฉินให้เขาลงมารับตัวเองดีไหม 

 

 

           แต่พอคิดถึงความเจ้าอารมณ์ของเจียงมู่เฉิน เกรงว่าเห็นสายของเขาโทรมาก็โกรธจนปิดเครื่องไปดื้อๆ ได้ ซือเหยี่ยนจึงเก็บมือถือเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วปีนรั้วเข้าไป 

 

 

           ถ้าอาจารย์ของโรงเรียนฝึกตำรวจรู้เข้า ว่าเขาต่อยอดวิชาฝึกตอนนั้นมาใช้กระโดดข้ามกำแพง ปีนขึ้นเตียงเจียงมู่เฉิน จะโกรธเขาจนอยากจะตีเขาให้ตายได้หรือเปล่า 

 

 

           ในกลางดึก ท่าทางซือเหยี่ยนคล่องแคล่วว่องไว หลบหลีกกล้องวงจรปิดจนกระทั่งปีนขึ้นระเบียงชั้นสองห้องทางซ้ายไป 

 

 

           เขาผลักเปิดประตูตรงระเบียงออก ที่แท้ก็ไม่ได้ล็อกไว้ เขาเงียบสักพัก เพื่อฟังเสียงข้างใน จนแน่ใจว่าเจียงมู่เฉินนอนหลับแล้วถึงผลักประตูเดินเข้าไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนพ่อเขาอบรมจนง่วงอยู่ชั้นหนึ่ง กว่าจะรอให้พ่อยอมปล่อยเขากลับห้องไม่ใช่ง่ายๆ เมื่ออาบน้ำเสร็จ แม้แต่เล่นเกมยังไม่ได้เล่น เขาเข้านอนไปเลย 

 

 

           สายตาซือเหยี่ยนจับจ้องมายังเจียงมู่เฉินที่นอนฟุบอยู่บนเตียง แววตาทอประกายความอ่อนโยน เขาย่องเบาเดินเข้าไป 

 

 

           ท่านอนเจียงมู่เฉินทำตัวโตลำพองตัวไม่ต่างจากเจ้าตัวเท่าไหร่ เหมือนเมื่อก่อนที่นอนอยู่คฤหาสน์ซือเหยี่ยนไม่มีผิด คนเดียวนอนแผ่หลาเต็มเตียง 

 

 

           ซือเหยี่ยนเข้าไปใกล้พินิจมองใบหน้ายามหลับใหลของเขา พลางยื่นมือไปบีบจมูกเจียงมู่เฉิน 

 

 

           จู่ๆ ก็มีความรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา ทำเอาคิ้วเจียงมู่เฉินขมวดเข้าหากันเพียงพริบตา เขาย่นคิ้วลืมตาด้วยสีหน้าหงุดหงิด เพิ่งจะเตรียมเปิดปากต่อว่าก็ถูกซือเหยี่ยนใช้ปากอุดกลับไปก่อน 

 

 

           ซือเหยี่ยนกดร่างเขาไว้กับเตียง มอบจุมพิตเร่าร้อนให้ ราวกับจะกลืนกินคนลงท้องอย่างไรอย่างนั้น  

 

 

            

 

 

ตอนที่ 143 ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นคนรัก 

 

 

           ในห้องมืดสนิท เจียงมู่เฉินโดนกดร่างไว้กับเตียงขยับเขยื้อนไม่ได้ ยังมีซือเหยี่ยนไอ้คนระยำหน้าไม่อายกดทับอยู่บนร่างเขาอีก 

 

 

           เพียงไม่นานเขาก็ตื่นเต็มตาแล้ว เคลื่อนไหวร่างกายไม่ไหว โมโหจนอยากจะกัดเขา แต่ดันไม่รู้ว่าซือเหยี่ยนไปบีบส่วนไหนของหน้าเขาแล้ว ทำได้แค่เปิดปากปล่อยให้ซือเหยี่ยนฉกชิงจากตัวเองไป 

 

 

           จนเขาจูบจนพอใจ ถึงได้หยุดการกระทำลง 

 

 

           เจียงมู่เฉินโกรธจนตาสว่างแล้ว ฉวยโอกาสที่ตัวเองเคลื่อนตัวได้ ใช้เท้าถีบซือเหยี่ยนอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เขากดเสียงต่ำเอ่ยด้วยความโมโห “นายแม่งเป็นโรคจิตหรือไง มาโผล่บ้านฉันทำไมดึกๆ ดื่นๆ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเจียงมู่เฉินโกรธแล้ว ก็นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างเตียง ทำไขสือพูดซื่อๆ “ผมคิดถึงคุณ” 

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย!’ หายไปสามวัน ไม่โทรหาเขาเลยสักสาย ตอนนี้ดึกๆ ดื่นๆ วิ่นแจ้นมาหาบอกว่าคิดถึงตัวเอง นายคิดว่าคุณชายเป็นเด็กอายุสามขวบที่นายจะหลอกยังไงก็ได้หรือไง! 

 

 

           “ไสหัวไปซะ อยู่ห่างๆ ฉันเลย” เจียงมู่เฉินโมโหจนไม่ไหว แทบอยากจะบีบคอเขาตายคามือ 

 

 

           “เฉินเฉิน……” ซือเหยี่ยนเริ่มจะทำตัวออดอ้อน ขอความเห็นใจจากเจียงมู่เฉิน 

 

 

           “อย่าเรียกชื่อฉัน” เจียงมู่เฉินด่าทอกลับโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย 

 

 

           เมื่อคิดถึงสามวันที่ผ่านมานี้ เขาคิดถึงซือเหยี่ยนทุกวัน แล้วเขาล่ะ ไม่รู้ว่าไปลอยหน้าลอยตาที่ไหน พอสบายแล้วมาคิดถึงเขาได้ ยังหน้าไม่อายมาที่นี่อีก 

 

 

           “คุณโกรธเหรอ” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ 

 

 

           “ฉันโกรธเหรอ ฉันโกรธจนจะอกแตกตายแล้ว” เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “ฉันเป็นสัตว์เลี้ยงของนายหรือไง อยากได้ก็มาดู ไม่อยากได้ก็ทิ้งขว้าง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนหัวเราะเบาๆ มองเขา “ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” 

 

 

           เฮือก…เจียงมู่เฉินยิ่งของขึ้นกว่าเดิม นี่ในใจซือเหยี่ยน แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็ยังเป็นไม่ได้เหรอ 

 

 

           “ไปๆๆๆ อย่ามาอยู่ในห้องฉัน รีบออกไปเลย ไม่งั้นฉันจะแจ้งความจับนายข้อหาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลในยามวิกาลนะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนขำๆ มองดูเจียงมู่เฉินระเบิดลง ก่อนเอ่ยเน้นคำต่อคำ “ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นคนรัก” 

 

 

           “ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง……เดี๋ยวๆ เมื่อกี้นายพูดอะไร” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่สมัครใจจะเอ่ยซ้ำอีกครั้ง “ผมพูดไปแล้ว ไม่ได้ยินก็เป็นปัญหาของคุณ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดทบทวนอย่างจริงจัง เมื่อครู่นี้เขาได้ยินคำว่า ‘คนรัก’ สองคำนี้ เขามองซือเหยี่ยน กำลังจะเตรียมบังคับให้อีกฝ่ายพูดอีกรอบ ก็เห็นซือเหยี่ยนยืนพรวดพราดขึ้นมา 

 

 

           “นายจะไปไหน” เจียงมู่เฉินรีบร้องเรียก 

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกป้อยๆ “คุณบอกให้ผมรีบออกไป ไม่งั้นจะแจ้งตำรวจจับผมไม่ใช่เหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหจนจะกระอักเลือด เมื่อก่อนพูดปากเปียกปากแฉะ ก็ไม่เห็นซือเหยี่ยนจะฟังกัน ทีตอนนี้มาเปลี่ยนไป ทำเป็นเชื่อฟังจะออกไปจริงๆ 

 

 

           “นายกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้” เจียงมู่เฉินถลึงตามองเขา “ถ้านายกล้าออกไป คุณชายรับประกันว่าจะตีขานายให้หักแน่!” 

 

 

           ซือเหยี่ยนได้ยินก็หันกลับมานั่งลงข้างเตียงทันที “ในเมื่อเฉินเฉินพูดมาแบบนี้แล้ว ผมยังจะกล้าไปที่ไหนได้อีก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมุมปากกระตุกแล้วกระตุกอีก เมื่อก่อนทำไมถึงไม่รู้ว่าซือเหยี่ยนจะทำไขสือได้เก่งขนาดนี้ 

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย! มาดหัวสูงขี้เก๊กของนายล่ะ?’ 

 

 

           ‘โดนหมากินไปแล้วเหรอ’ 

 

 

           “กลางดึกแบบนี้ นายวิ่งแจ้นมานี่ทำไม” 

 

 

           “ผมคิดถึงคุณ เพิ่งจะลงเครื่องมาก็รีบมาหาคุณเลย” เสียงอ่อนโยนของซือเหยี่ยนเอ่ยชี้แจง 

 

 

           เจียงมู่เฉินหางตากระตุกมองข้ามคำว่า ‘หน้าไม่อาย’ ก่อนหน้านี้ไป เขาถีบซือเหยียบไปที “สามวันนี้นายไปไหนมา” 

 

 

           “ไปดูงานนอกมา บริษัทมีเรื่องนิดหน่อย” ซือเหยี่ยนอธิบายอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

           เจียงมู่เฉินสังเกตมองเขาอย่างละเอียด “แน่ใจนะว่าแค่ออกไปดูงาน” 

 

 

           ความตรงไปตรงมาและจริงใจของซือเหยี่ยนโดนเขามองดูอยู่ “อืม แค่ออกไปดูงาน” 

 

 

           “ถ้างั้นที่นายให้แม่ฉันพาตัวฉันกลับมา เพราะกลัวว่าฉันจะทำให้นายเสียเวลาไปดูงานใช่ไหม” เจียงมู่เฉินเริ่มรอจังหวะคิดบัญชีแค้น 

 

 

           “ขอโทษ เรื่องนี้ผมไม่รอบคอบเอง เลยไม่ได้บอกคุณล่วงหน้า” 

 

 

           เจียงมู่เฉินจ้องมองใบหน้าของเขา รู้สึกมาตลอดว่าจู่ๆ ซือเหยี่ยนมาทำตัวว่าง่ายขนาดนี้ ไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่