69 ผลพลอยได้ของกุสตาฟ

The Bloodline System

ตอน****ที่ 69: ผลพลอยได้ของกุสตาฟ

 

เมื่อกุสตาฟเห็นการแจ้งเตือนเขาตกใจมาก แต่เขาก็มีไหวพริบพอที่จะไม่แสดงสีหน้าประหลาดใจบนใบหน้าของเขา

 

เขาตัดสินใจที่จะทำเหมือนว่าจิตใจของเขาถูกปรุงแต่งจริงๆ

 

กุสตาฟแสร้งทำเป็นถูกควบคุมจิตใจด้วยหมวกนิรภัยปรับแต่งสมอง

 

ข้อมูลที่เขาให้พวกเขาเกี่ยวกับปรากฏการณ์บนภูเขานั้น เหมือนกับที่ชาวบ้านแถวนั้นให้ไว้

 

เขาเพิ่มรายละเอียดให้มากกว่าที่พวกเขาทำเท่านั้น

 

เขากล่าวว่า มีการระเบิดของกระแสไฟฟ้าสีม่วง ซึ่งส่งประจุนั่นทำลายล้างไปทั่วทุกมุมของภูเขา หลังจากที่ดาวเคราะห์หนึ่งกระแทกเข้ากับภูเขานั้น

 

เนื่องจากเขาอยู่ใกล้กับภูเขามากกว่าคนอื่น ๆ เอดันจึงไม่สงสัยในคำพูดของกุสตาฟ

 

กุสตาฟสามารถหลอกลวงพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกระทำของเขา เนื่องจากพวกเขารีบร้อนที่จะเอาข้อมูลจากเขาและส่งเขากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขาทันที  หากพวกเขาถามอีกสัก พวกเขาอาจจะคิดออกแล้วว่ากุสตาฟกำลังหลอกพวกเขาอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ทำแบบนั้น

เขาสามารถบอกได้ว่าคนพวกนั้นรู้สึกตึงเครียด แต่เขาไม่รู้ว่าทำไม

 

กุสตาฟยังแกล้งว่าโดนทำร้ายสมองอย่างรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกระมัดระวังตัวกันเลย

 

คงจะแปลก ถ้าเขาไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากหมวกนิรภัยปรับแต่งสมอง อาจทำให้ผู้ใหญ่อายุ 22 ปีกลายเป็นผักไปได้

 

เขาสามารถจำเส้นทางที่เหมาะสม และตำแหน่งของสถานที่อำนวยความสะดวกเด่นๆรวมถึงเส้นทางที่นำเขาไปที่นั่นได้ เมื่อเขาถูกพากลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา

 

นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างภายในสถานที่นั้น ซึ่งทำให้เขารู้สึกสงสัยพวกผู้ลักพาตัว

 

พวกเขาสงสัยอยู่แล้วว่าคนพวกนั้นจะพยายามลักพาตัวเขาตั้งแต่แรกไปทำไมและคนพวกนั้นก็ทำสำเร็จแล้วในตอนนี้

 

เขารู้สึกได้แล้วว่าคนพวกนั้นอาจทำงานให้กับองค์กรที่เพิ่งทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในเมืองที่ภูเขาลูกนั้น  เนื่องจากพวกเขาสามารถไปลักพาตัวผู้คนได้ตามที่พวกเขาต้องการ

 

กุสตาฟกลัวว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับระบบของเขาที่อาจถูกเปิดเผยไปก่อนหน้านี้ เมื่อใดก็ตามที่เขานึกขึ้นได้ว่าเขาเกือบจะถูกลักพาตัวไปเมื่อ 3 เดือนก่อน เขาก็กลัวทุกครั้ง แต่ตอนนี้เขายืนยันได้แล้วว่าคนพวกนั้นไม่รู้อะไรเลย

 

พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับพลังงานที่แผ่ออกมาจากภูเขา หลังจากผลกระทบของระเบิดที่ทำให้ภูเขาหายไปครึ่งลูก

 

กุสตาฟรู้ว่าพลังงานน่าจะมาจากระบบนี้ที่เขาได้รับมา ซึ่งตอนนี้อยู่ในตัวเขา ดังนั้นมันจะเป็นหายนะอย่างแน่นอนหากเขาเปิดเผยสิ่งนั้น

 

กุสตาฟขอบคุณดวงดาวของเขาอีกครั้ง ที่ทำให้เขาเก็บคะแนนคุณสมบัติเหล่านั้นไว้กับตัวก่อนจะเพิ่มลงไปเสมอ ถ้าไม่งั้นเขาอาจจะถูกล่วงรู้ความลับและอาจจะถูกยึดครองระบบของเขาไปแล้ว

 

พลังทำลายล้างที่เขาสัมผัสได้ภายในสถานที่นั้น ทำให้เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักเหล่านั้นมากขึ้น

 

ทันทีที่เขาถูกส่งกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็ได้ติดต่อกับครูเอมมี่

 

เขาแปลกใจที่เธอรู้แล้วว่าเขาถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เมื่อประมาณ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

 

เขาอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังและสถานที่ที่ตั้งอยู่

 

เขาถูกส่งกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา เมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาคุยกับเธอด้วย

 

กุสตาฟพยายามติดต่อครูเอมมี่อีกครั้งหลังจากนั้น แต่เขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ของเธอได้เลย

 

กุสตาฟตัดสินใจเปิดระบบอินเทอร์เฟซเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเขา

 

—————————–

 

[คุณสมบัติโฮสต์]

 

– ชื่อ: กุสตาฟ

 

– ระดับ: 5

 

– คลาส:?

 

– ค่าประสบการณ์: 18500/25000

 

-เลือด: 320/320

 

– พลังงาน: 150/150

 

{คุณสมบัติ}

 

»ความแข็งแกร่ง: 34

 

»การรับรู้: 34

 

»ความอดทนทางจิต: 34

 

»ความคล่องตัว: 34

 

»ความเร็ว: 34

 

»ความกล้าหาญ: 34

 

»ความฉลาด: 34

 

»เสน่ห์: 34

 

{คะแนนคุณสมบัติ: 24}

 

———————————

 

เขากระจายคะแนนทั้งหมดเท่า ๆ กัน และเก็บบางส่วนไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขาจะไม่เพียงพอ เขาก็สามารถเพิ่มคะแนนให้มากขึ้นได้ในสถานการณ์นั้นเพื่อช่วยตัวเองได้

 

‘นี่ไม่ได้หมายความว่าความเข้มแข็งทางจิตใจสามารถปกป้องจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมจิตใจได้หรอกหรือ?’ สิ่งนี้ทำให้กุสตาฟมองเห็นความเข้มแข็งทางจิตใจในแง่มุมใหม่

 

เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นมาก่อน แต่เขาก็วางแต้มไว้เหมือนคุณสมบัติอื่น ๆ

 

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันทำอะไรได้บ้าง และเขาก็ตระหนักว่ามันสามารถกลายเป็นคุณสมบัติที่มีประโยชน์มากได้

 

การป้องกันจิตใจเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

 

การรับรู้และสติปัญญาของเขายังช่วยเขาได้ในวันนี้  เขาสามารถวิเคราะห์เส้นทางที่ใช้เพื่อไปยังสถานที่ได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากการรับรู้ของเขา ในขณะที่สติปัญญาของเขาช่วยเขาในการจดจำทุก ๆ การเลี้ยวและการหักเลี้ยว

 

เขายังสามารถคำนวณระยะทางจากถนนที่เขาถูกลักพาตัวไปยังสถานที่ได้

 

สถานที่แห่งนี้เป็นห้องทดลองใต้ดินที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง  พื้นที่นั้นอยู่ไม่ไกลจากภูเขามากนัก ภูเขาที่เขามักจะไป เมื่อเขาพยายามฆ่าตัวตาย

 

เขาสามารถบรรยายวิธีการเดินทางไปยังที่นั่นให้ครูเอมมี่ได้อย่างง่ายดาย

กุสตาฟตรวจสอบสิ่งอื่น ๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู

 

เขาเบื่อที่จะนั่งเฉยๆ

 

ความสงสัยกำลังฆ่าเขาอยู่แล้วในตอนนี้  เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและหากครูเอมมี่ได้ตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวตามที่เธอบอกแล้ว

 

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปที่ภูเขาแห่งนั้นอีกครั้ง

 

ประตูอพาร์ทเมนต์ของเขาเปิดออกและเขาก็เดินออกไป

 

ทันทีที่เขามาถึงทางเดินเขาเห็นแองจี้เดินเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ของเขาจากอีกด้านหนึ่ง

 

“ กุ – สตาฟ?” แองจี้เปล่งเสียงออกมาด้วยความสับสน ขณะที่เธอยืนอยู่ในสถานที่ด้วยท่าทางประหลาดใจ

 

“เฮ้ แองจี้” กุสตาฟเดินไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

 

แองจี้วิ่งไปข้างหน้าและคว้ากุสตาฟไว้

 

“นายสบายดีไหม พวกเขาทำร้ายนายหรือไม่” เธอถามขณะตรวจร่างกายของกุสตาฟว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่

 

“ ฉันไม่เป็นไร” กุสตาฟยิ้มอย่างอบอุ่นขณะตอบ

 

“ขอบคุณที่แจ้งครูของฉันนะ แองจี้” เขากล่าวเสริมด้วยความรู้สึกขอบคุณ

 

แองจี้ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ของเธอ ซึ่งหาได้ยากมาก

 

เธอจ้องมองเขา 2-3 วินาทีก่อนจะหันหน้าไปทางด้านข้างด้วยความลำบากใจ

 

“มันไม่เป็นไรหรอก” เธอตอบ

 

“เธอรู้ได้อย่างไรว่าฉันถูกลักพาตัว”

 

“ นายหนีออกมาจากที่นั่นได้อย่างไร?”

 

ทั้งสองคนถามพร้อมกันโดยที่กุสตาฟเป็นคนแรกและแองจี้เป็นคนหลัง

 

“ฮิฮิ” แองจี้ยิ้มอย่างอาย ๆ “ฉันจะตอบก่อนนะ”

 

กุสตาฟกำลังจะตอบเธอ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและจ้องมองไปที่บริเวณบันได

 

กึก! กึก! กึก! กึก!

 

ตอนนี้ได้ยินเสียงส้นเท้าชนกับพื้น

 

ผู้หญิงในชุดเสื้อสีดำและกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเดินเข้ามาในทางเดินจากบันได

 

เธอสังเกตเห็นทั้งคู่และเริ่มเดินไปหาพวกเขา

 

แองจี้ยังได้ยินเสียงฝีเท้าและหันกลับไปดูว่าใครกำลังเดินเข้ามา

 

“ ครูเอมมี่!” กุสตาฟและแองจี้เปล่งเสียงออกมาพร้อมกัน

 

ครูเอมมี่มาถึงตรงหน้าพวกเด็กๆและจ้องมองไปที่กุสตาฟในลักษณะเดียวกับที่แองจี้ทำก่อนหน้านี้

 

“เธอสบายดีไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

 

“ผมสบายดีครับ ครูเอมมี่ ผมไม่เป็นไรแล้ว” กุสตาฟตอบ

 

ครูเอมมี่พยักหน้าด้วยท่าทางโล่งใจ

 

“ ครูเอมมี่ไปไหนมาคะ ” แองจี้เปล่งเสียงออกมาด้วยความงุนงง ขณะที่เธอจ้องมองเครื่องแต่งกายของครูเอมมี่ ซึ่งแตกต่างจากที่เธอเห็นในชุดก่อนหน้านี้

 

“โอ้ ฉันอดไม่ได้ที่จะใส่เสื้อผ้าของฉันที่มีรอยเปื้อน … แม้ว่าสีของคราบนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับสีของเสื้อผ้าเริ่มแรกของฉัน แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลที่จะสวมใส่มันต่อไป” ครูเอมมี่อธิบาย

 

กุสตาฟไม่รู้ว่าครูเอมมี่พูดอะไรก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรกับเธอมากนัก

 

“กุสตาฟ ไปกันเถอะ เราต้องคุยกัน” ครูเอมมี่พูดแล้วเดินไปข้างหน้า

 

“แองจี้ ฉันจะพบเธอในภายหลังนะ” กุสตาฟหันกลับมาและเดินไปหาครูเอมมี่

 

“อืม ลาก่อนกุสตาฟ” แองจี้โบกมือให้กุสตาฟ ขณะที่เธอพูด

 

ครูเอมมี่ไปที่ประตูของกุสตาฟ และมันก็เปิดออกโดยไม่ต้องใช้กุญแจ

 

ปากของกุสตาฟอ้าออกกว้าง เมื่อเห็นเช่นนั้น กรามของเขาเกือบจะตกลงไปที่พื้น

 

“ ครูเอากุญแจมาเปิดได้ยังไง?” กุสตาฟถามครูเอมมี่ หลังจากเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของเขา

 

“รายละเอียดการรักษาความปลอดภัยของเธอ หายไปไหน … พวกโจรสามารถบุกเข้ามาในบ้านของเธอได้อย่างง่ายดายเลยนะ” ครูเอมมี่ตอบอย่างห้วนๆ

 

‘ดูเหมือนว่า ฉันจำเป็นต้องมีโปรโตคอลความปลอดภัยจริงๆสินะ’ กุสตาฟถอนหายใจภายในใจ

 

“ ครูเอมมี่ ครูรู้ได้ยังไงว่านี่คืออพาร์ทเมนต์ของผม … ครูไม่เคยมาที่อพาร์ตเมนต์ของผมเลย” กุสตาฟถามด้วยท่าทางตะลึง

 

“ เธอแน่ใจเหรอ?” ครูเอมมี่ยิ้มด้วยท่าทางขี้เล่น

 

“ฮึ?” กุสตาฟอุทานด้วยความสับสน

 

“ ยังไงก็ตาม เรามีเรื่องสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องคุยกัน” น้ำเสียงของครูเอมมี่กลายเป็นเคร่งขรึมเมื่อเธอพูดแบบนั้น

 

————————————————————–