บทที่ 97 ปิดฉาก

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 97

ปิดฉาก

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง

เย่เย่กวัดแกว่งกระบี่เทพอัสนีของเขาเพื่อปัดป้องการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของโจวไท่ ด้วยระดับ

วรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ทำให้สามารถรับการโจมตีของมังกรสวรรค์ไว้ได้ทั้งหมด โจวไท่ที่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

การโจมตีอย่างดุดันและหนักหน่วงของโจวไท่ไม่ได้ทำให้เย่เย่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงสุขุมเยือกเย็นอยู่ดังเดิม และรอคอยโอกาสเปิดฉากสวนกลับ

เคร้ง!!

หลังจากที่เย่เย่เป็นฝ่ายตั้งรับอยู่นาน เขาก็สบโอกาสใช้กระบี่ของเขาปัดคมดาบวังวนเมฆาของโจวไท่ และฟาดลงที่ใบมีดล่องหนอย่างรุนแรงด้วยพลังสายฟ้าฟาดทำให้ดาบของ โจวไท่นั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไรก็ตามดาบวังวนเมฆานั้นไม่มีรูปร่างที่ตายตัว ทำให้มันก่อตัวขึ้นใหม่ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีศัตรูของมันอีกครั้ง

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ

ใบหน้าของเทพอสูรเย่ซีดเผือดลงด้วยความตกใจ เขารีบชักกระบี่กลับมาป้องกันอีกครั้งหนึ่ง แต่มันก็ไม่ทันการเสียแล้ว

“รับไปซะ!”

โจวไท่ที่ได้โอกาสทองก็ไม่รอช้ารีบฉวยจังหวะนี้ไว้ทันที ดาบวังวนเมฆาของเขาเล่มนี้ดื่มเลือดเทพอสูรขั้นสูงมาแล้วนับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับเย่เย่ที่เพิ่งบรรลุเทพอสูรได้ไม่นาน ด้วยความมั่นใจนี้ทำให้เขาใช้พละกำลังทั้งหมดเดิมพันกับการโจมตีครั้งนี้

ตู้มมมมมมมมมมมม!

จากการโจมตีอย่างรุนแรงของโจวไท่ ทำให้อากาศโดยรอบระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ฝุ่นตลบอบอวลคละคลุ้งจนทำให้ผู้คนโดยรอบยากที่จะมองเห็นการต่อสู้ของพวกเขา

เมื่อฝุ่นที่ปกคลุมจางลง ปรากฏให้เห็นดาบของโจวไท่ที่เสียดแทงเข้าที่อกของเย่เย่อย่างจัง เสื้อของเย่เย่ถูกฉีกออกเป็นรูจนทำให้เห็นเกราะสีทองภายใต้เสื้อคลุมนั้น นอกจากที่เย่เย่จะไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วเขายังยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจแบบสุดๆอีกด้วย

“บะ…บ้าน่า!? เกราะนี่มันดูดซับพลังโจมตีของข้าอย่างงั้นเหรอ!?”

โจวไท่ที่ทุ่มสุดตัว เขาชำเลืองมองที่อกของเย่เย่อย่างตกอกตกใจ

พลังป้องกันของเกราะมังกรเมฆานั้นสูงกว่าที่เย่เย่คาดไว้ การโจมตีของดาบวังวนเมฆานั้นไม่ส่งผลอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย เขาโล่งอกที่รอดจากการโจมตีนั้นมาได้ และเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกครั้งหนึ่งหลังจากตกเป็นฝ่ายตั้งรับมานาน

เย่เย่ที่เห็นช่องว่างจากอารมณ์ที่แปรปรวนของโจวไท่ เขาไม่รอช้าชักกระบี่ของเขาขึ้นก็พุ่งเข้าจู่โจมโจวไท่อย่างรวดเร็ว

ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!

เขาแทงกระบี่ของเขาเข้าที่ร่างของศัตรูด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะปิดกระบวนท่าด้วยการรวบรวมพลังสายฟ้าไว้ที่กระบี่และฟาดฟันลงที่กลางหัวของโจวไท่อย่างรุนแรง

เปรี้ยงงงง!!

โจวไท่ที่ตามความเร็วดุจสายฟ้าของเย่เย่ไม่ทัน เขารับกระบวนท่านี้เข้าไปเต็มๆจนทำให้เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่

“พรววดดด”

เขามองตาเย่เย่ด้วยความเคียดแค้น ขบฟันแน่น และคว้าดาบไร้รูปร่างของเขาเข้าโจมตีเย่เย่อีกครั้งอย่างฉุนเฉียว

เย่เย่นั้นรู้ดีว่าหากเขามาหลิงเฉิงโดยที่ยังไม่สำเร็จขั้นเทพอสูร และไม่ได้แลกอุปกรณ์เสริมอย่าง กระบี่เทพอัสนีมา ถึงแม้จะมีเกราะมังกรเมฆาที่ช่วยในเรื่องของการป้องกัน แต่เขาก็ไม่สามารถ รับมือโจวไท่ได้อย่างแน่นอน

โจวไท่ที่เริ่มได้สติจากการป้องกันของเย่เย่ เขาก็กลับมาเป็นฝ่ายบุกอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ทำอะไรเกราะมังกรเมฆาที่มีพลังป้องกันที่สมบูรณ์แบบของเย่เย่ไม่ได้เลย ดาบของเขาถึงแม้จะไร้รูปร่าง และไร้รูปแบบการโจมตีตายตัว แต่มันก็ดูดพลังปราณของเจ้าของอย่างมหาศาล ทำให้เขาเริ่มอ่อนแรง

“เจ้าคิดว่าข้าเริ่มจนมุมแล้วสินะ!? อย่าได้ใจไปหน่อยเลย!”

โจวไท่ที่เริ่มรู้ตัวว่าเขาใช้พลังปราณกับการกวัดแกว่งดาบของเขามากเกินไป เขาจึงหงายไพ่ตายออกมาอย่างไม่มีอะไรจะเสีย เสื้อผ้าท่อนบนของเขาฉีกกระจายออกมาเผยให้เห็นร่างกายกำยำของเขา บนร่างค่อยๆเริ่มปรากฏอักขระโบราณขึ้นมาทีละส่วนๆจนทั่วร่าง

เมื่อเขาปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาออกมาสำเร็จ เขาเคลื่อนที่ไปหาเย่เย่อย่างรวดเร็ว และสาวกำปั้นของเขาเข้าที่ใบหน้าของศัตรู

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมม!

เย่เย่แม้จะมองการโจมตีของโจวไท่ไม่ทัน แต่เขาก็ได้เอาสองมือของเขาขึ้นมาปิดตรงใบหน้าเอาไว้ แต่เขาก็รับแรงกระแทกมหาศาลและแรงระเบิดของมวลอากาศที่ปะทะตัวเขาไม่ไหว ร่างของเขาจึงกระเด็นถอยไปไกล จนทำให้เกิดรอยลากยาวที่พื้น เทพอสูรเย่ที่ถูกต้อนจนจนมุมเขาก็เริ่มงัดไม้ตายก้นหีบออกมาใช้บ้าง เขาปลุกจิตวิญญาณอสรพิษของเขาออกมาทำให้เกล็ดงูสีน้ำเงินเข้มดูน่าเกรงขามปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ทำให้ความเร็วและพลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ก่อนที่เขาจะกวัดแกว่งกระบี่โจมตีโจวไท่อีกครั้งอย่างฉับพลัน

เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!

กระบี่เทพอัสนี และหมัดของโจวไท่ปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าคำราม แรงปะทะของพลังปราณของทั้งสองทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมๆบริเวณรอบๆ ทันใดนั้นเองเลือดก็โพยพุ่งออกมาจากหมัดของโจวไท่ เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด

“อ่อออกก”

ถึงแม้โจวไท่จะปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาออกมา เขาก็ไม่สามารถทลายการป้องกันสองชั้นจากจิตวิญญาณแห่งอสรพิษ และเกราะมังกรเมฆาของเย่เย่ลงได้ เมื่อทั้งสองเข้าปะทะกันทำให้ฝ่ายที่เสียเปรียบนั้นเป็นโจวไท่เสียเอง เย่เย่ที่เห็นศัตรูกำลังเสียท่าก็กระหน่ำแทงอย่างไร้ความปรานี

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง

โจวไท่ปลิวลอยออกไปไกล ก่อนที่จะตกลงสู่พื้น บนร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลอุกฉกรรจ์มากมายจากการกระหน่ำแทงของกระบี่เทพอัสนี เย่เย่เมื่อเห็นโจวไท่ไร้ทางสู้แล้วเขาจึงยั้งมือและเหลือบมองใบหน้าของเหยื่อด้วยความเย็นชา

“แค่ก แค่ก แค่ก!”

โจวไท่ที่นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป แต่เขาไม่คาดคิดว่าความตายจะมาเยือนเขาเร็วขนาดนี้

ผู้อาวุโสทั้งสามที่เห็นผลลัพธ์การต่อสู้ จิตใจของพวกเขาก็จมดิ่งสู่ก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวัง แม้ว่าพวกเขาจะอยากอ้อนวอนขอชีวิตจากเย่เย่ และขอโทษต่อเจิ้งซูมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าความผิดของพวกเขานั้นยากจะให้อภัย ดังนั้นพวกเขาจึงเอาแต่นอนก้มหน้าราวกับอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

เหล่าบรรดาลูกจ้าง และจ้าววรยุทธ์ของหอการค้าหยูเย่ก็เห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าพวกเขาไม่ต่างจากผู้อาวุโสทั้งสาม พวกเขาบ้างก็ขยี้ตาราวกับไม่เชื่อในสายตาตนเอง บ้างก็อ้าปากค้างด้วยความทึ่งในความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของเถ้าแก่ แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาต่างพากันดีใจกันยกใหญ่ที่พวกเขาฝ่าวิกฤติความเป็นความตายได้อีกครั้งหนึ่ง

“นายน้อย!”

หลังจากที่รักษาบาดแผลให้เจิ้งซูเสร็จแล้ว เสี่ยวหยูก็เดินออกมาจากหอการค้าหยูเย่ และโผเข้ากอดเย่เย่ด้วยความตื้นตันใจ แต่ลึกๆแล้วนางกลับกลัวการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ เย่เย่ ที่อาจทำให้นางเสียเขาไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง

อย่างไรก็ตามการที่เย่เย่เอาชนะโจวไท่ได้นั้นทำให้นางดีใจจนน้ำตาไหลออกมาจากความเครียดสะสม เย่เย่ที่เห็นดังนั้นก็ไม่รู้ว่าในใจเสี่ยวหยูนั้นคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ลูบหัวของนางอย่างเบามือราวกับพยายามเรียกขวัญกำลังใจของนางกลับมา

“เถ้าแก่ของเราแข็งแกร่งที่สุด!”

“เถ้าแก่ของเราไร้เทียมทาน!”

“หอการค้าหยูเย่ จงเจริญ!!”

ซูฉีเจี่ย และเจิ้งซูที่เพิ่งเดินออกมาหลังจากทำแผลเสร็จ เมื่อพวกเขาเห็นบทสรุปของการต่อสู้ ทั้งสองจึงเริ่มตะโกนสรรเสริญหอการค้าอันเป็นที่รักของพวกเขา พวกเขาต่างภาคภูมิใจในตัวของเย่เย่ เจิ้งซูที่อัดอั้นมานานตะโกนเสียงดังกว่าใครเพื่อนจนทำให้แผลของเขาเปิด จนทำให้ซูฉีเจี่ยถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเซ็ง และพาเขากลับไปทำแผลอีกรอบ

เย่เย่ถูกห้อมล้อมด้วยผู้คนอันเป็นที่รักที่มีแสดงความยินดีกับเขา แม้เขาจะยิ้มตอบกลับเล็กน้อย แต่สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉย และมองมาที่โจวไท่ที่ใกล้สิ้นลม ก่อนพูดกับเขาว่า

“ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก่อนตาย ก็รีบพูดมา”

“แค่ก แค่ก แค่ก”

โจวไท่ไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้งหนึ่ง ลมหายใจของเขาเริ่มโรยรินลงทุกชั่วขณะ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาก่อนพูดกับเย่เย่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและดวงตาที่พร่ามัว

“มะ..มันยังไม่ จะ..จบ คะ..แค่นี้หรอก”

“ข้ารู้ แต่ชีวิตเจ้าน่ะจบแค่นี้แหละ!”

เย่เย่กระซิบตอบโจวไท่ ก่อนที่เขาจะยกกระบี่ของเขาแทงไปที่กลางหลังของโจวไท่

ฉึกกก

เลือดของศัตรูไหลออกมาจนท่วมเท้าของเขา โจวไท่มังกรสวรรค์ลำดับที่ 98 อัจฉริยะแห่ง

แผ่นดินฉางหลางสิ้นชีพ

เย่เยนั้นรู้ผลที่จะตามมาจากนี้ดี แต่เขาก็ไม่เคยหวาดกลัวผู้ใดเป็นทุนเดิม แม้ตัวเขาจะเสียเปรียบสักเพียงไหนก็ตาม

นิกายวิถีสวรรค์นั้นจะเป็นหนึ่งในแปดนิกายที่ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินฉางหลาง พวกเขามักยุ่งอยู่กับการรับศึกหลายด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะมาล้างแค้นให้กับศิษย์ในสำนักในทันที แม้โจวไท่จะเป็นศิษย์เอกแต่ตัวเขาเพียงคนเดียวก็ไม่สามารถแทนนิกายได้ทั้งหมด

เย่เย่นั้นไม่คิดว่านิกายวิถีสวรรค์จะส่งศิษยานุศิษย์มาล้างแค้นให้กับการตายของโจวไท่ อย่างมากพวกเขาคงมากันแค่ไม่กี่คนเพื่อแก้แค้นส่วนตัวเสียมากกว่า เขาจึงไม่ได้หวาดระแวงมากนัก

หลังจากโจวไท่ตายสนิท เขาก็เก็บกระบี่ของเขาเข้าฝัก และเริ่มค้นหาจี้หยกเจิ้งฮุนที่โจวไท่ชิงมา ซูฉีเจี่ยและพรรคพวกเข้าจับกุมผู้อาวุโสตระกูลเจิ้งทั้งสามที่นอนอัมพาตอยู่ และพาพวกเขากลับไปยังหอการค้าหยูเย่

ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ระหว่างเย่เย่ และโจวไท่จึงปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงของชาวเมืองหลิงเฉิง จากเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขาตระหนักขึ้นได้ว่าห้าขั้วอำนาจนั้นเป็นเพียงอดีต นับต่อจากนี้หอการค้าหยูเย่คือผู้ปกครองที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขา…