ลั่วเซ่าเชินทำได้แค่สั่งให้คนคอยจับตามองเซียวโม่เอาไว้ เพื่อดูว่านอกเหนือจากการกลับบ้านแล้ว เขาได้ไปยังสถานที่ที่น่าสงสัยอื่นๆ อีกไหม 

 

 

           หลังจากที่ถังโจวโจวเก็บของเสร็จ เธอก็ฉวยโอกาสออกมาจากบ้านในขณะที่ป้าหลิวออกไปซื้อของ เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะไปที่ไหนดี ถ้าเธอกลับไปที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ถัง แผนการหนีของเธอจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นนอน เพราะลั่วเซ่าเชินจะหาตัวเธอพบได้จากที่นั่นเป็นที่แรก 

 

 

           ถังโจวโจวไม่อยากให้ลั่วเซ่าเชินตามหาเธอเจอ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถกลับไปที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ถังได้ ชื่อของหลินเหยาผุดขึ้นมาในสมองของถังโจวโจวเป็นตัวเลือกที่สอง แต่ถังโจวโจวก็ลังเลใจ เธอกลัวว่าถ้าเธอไปอยู่กับหลินเหยา ลั่วเซ่าเชินก็ยังจะหาเธอเจอเช่นกัน 

 

 

           นาทีนั้นถังโจวโจวก็มืดแปดด้าน คิดตัดพ้อว่าบนโลกใบนี้ไม่มีที่ซุกหัวนอนให้คนอย่างเธอเลยหรือ จากนั้นเธอจึงทำได้แค่สาวเท้าเดินต่อไป พลางคิดว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ดี 

 

 

ในขณะที่เธอเพิ่งเดินออกมาถึงหน้าหมู่บ้าน เธอก็พบกับใครคนหนึ่ง “โจวโจว นั่นคุณจะไปไหน” 

 

 

ฟังหยวนเห็นถังโจวโจวเดินลากกระเป๋ามาแต่ไกล เขาสงสัยอยู่ว่า ‘เธอจะทำอะไร นี่มันใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว เธอกำลังจะไปไหน’ 

 

 

ทันทีที่ถังโจวโจวหันกลับไปมอง เธอก็พบว่ารถของฟังหยวนจอดอยู่ข้างๆ เธอ เธอรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้พบเขา ถังโจวโจวนิ่งงันไปชั่วขณะ “คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง” แทนที่ถังโจวโจวจะตอบคำถามเขา แต่เธอกลับถามเขากลับ 

 

 

“ผมแค่ผ่านมาพอดี แล้วคุณล่ะจะไปไหน ขึ้นมาสิ เดี๋ยวผมไปส่ง” ถังโจวโจวไม่รู้ว่าควรจะขึ้นรถของเขาไหม ฟังหยวนจึงพูดต่อ “ขึ้นมาเร็ว ตรงนี้มันห้ามจอดรถ” 

 

 

ฟังหยวนลงจากรถและยกกระเป๋าของถังโจวโจวไปไว้ที่ท้ายรถ เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาช่วยเก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วโดยที่เธอยังไม่ได้ร้องขอ เธอจึงทำได้แค่ขึ้นไปนั่งที่ข้างๆ คนขับ 

 

 

เมื่อฟังหยวนเห็นว่าเธอเชื่อฟังเขา เขาก็ลอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะขับรถออกไป 

 

 

หลังจากที่ถังโจวโจวขึ้นรถแล้ว เขาก็เห็นว่าเธอเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟังหยวนจึงถามขึ้นอีกครั้ง “โจวโจว คุณจะไปไหนเหรอ” 

 

 

ดวงตาของถังโจวโจวหันกลับมาจับจ้องที่เขา จากนั้นเธอก็โพล่งอะไรบางอย่างออกมา ซึ่งฟังหยวนแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ไปส่งฉันที่บ้านคุณ” 

 

 

“หา?! ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม” เมื่อฟังหยวนเห็นว่าถังโจวโจวขอให้เขาไปส่งเธอที่บ้านของเขา เขาก็คิดว่าเขาอาจจะได้ยินผิดไป ถังโจวโจวตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ 

 

 

ก่อนที่ถังโจวโจวจะพูดแบบนี้ออกมา เธอได้คิดทบทวนเป็นอย่างดีแล้ว อยู่ที่บ้านพ่อแม่ไม่ปลอดภัย บ้านของหลินเหยาเองก็ไม่ปลอดภัยด้วย ในเมื่อจู่ๆ เธอก็ได้พบกับฟังหยวน ลั่วเซ่าเชินคงคิดไม่ถึงหรอกว่าเธอจะอยู่ที่บ้านของฟังหยวน ไอเดียนี้แหละดีที่สุด! 

 

 

“คุณไม่ได้หูฝาดค่ะ ฉันบอกว่า ฉันจะไปที่บ้านคุณ” 

 

 

เมื่อฟังหยวนเห็นว่าเธอเอาจริงเอาจัง เขาก็เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “โจวโจว หัวคุณไปกระทบกระเทือนกับอะไรมาหรือเปล่า คุณไม่กลัวว่าผมจะลอบทำร้ายคุณเหรอ” 

 

 

แน่นอนว่าประโยคสุดท้ายนั้นฟังหยวนล้อเล่น แต่ลึกๆ ในใจของเขาก็แอบคิดฝันว่า ถังโจวโจวคงเห็นเขาเป็นที่พึ่งและให้การช่วยเหลือเธอได้จริงๆ ดูท่าว่าเขาเองก็คงสำคัญกับเธออยู่เหมือนกัน 

 

 

ฟังหยวนแอบดีใจอยู่เงียบๆ แต่แล้วคำพูดของถังโจวโจวก็ทำให้เขาผิดหวังอย่างรุนแรง “ถ้าคุณคิดจะลอบทำร้ายฉันจริงๆ คุณก็ควรจะระวังตัวไว้หน่อยนะคะ แล้วคุณก็ไม่ต้องตื่นเต้นมากนักหรอก เพราะฉันไม่ได้คิดถึงคุณเป็นคนแรก” 

 

 

สีหน้าของฟังหยวนเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “โจวโจว คุณไม่ต้องพูดตรงๆ กับผมขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ถังโจวโจวเพียงยิ้มบางๆ ฟังหยวนเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร จากนั้นเขาก็ถามต่อว่า “โจวโจว นี่คุณจะหนีออกจากบ้านหรือไง” 

 

 

เขาเห็นเธอเดินลากกระเป๋าออกมา ดูเหมือนว่าน่าจะยังไม่ได้บอกลั่วเซ่าเชินด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้อาเชินจะร้อนใจไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ฟังหยวนกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น 

 

 

“คุณจะหักหลังฉันไหม” ถังโจวโจวถามออกมาเบาๆ ฟังหยวนรีบรับประกันทันที “ไม่แน่นอน! โจวโจว คุณวางใจได้เลย ตราบใดที่คุณไม่ต้องการ อาเชินก็หาคุณไม่เจอหรอก คุณจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้!” 

 

 

“คุณช่วยฉันทำไมคะ” ถังโจวโจวไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงยอมช่วยเธอทันทีทั้งที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไป 

 

 

ฟังหยวนเลือกใช้ประโยคที่เธอน่าจะเข้าใจ “คุณน่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่!” ถังโจวโจวตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที เธอเข้าใจดีทีเดียว แต่ว่าบนโลกใบนี้ก็ยังมีสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่ แม้ว่าฟังหยวนจะพยายามพูดอ้อมค้อมอยู่หลายครั้งว่าเขาชอบเธอ แต่ถังโจวโจวก็ไม่เคยคิดอยากสานสัมพันธ์กับเขาเลย 

 

 

ถังโจวโจวรู้ดีว่านี่คือโชคชะตาที่ฟ้าเบื้องบนลิขิตมาให้ ก็เหมือนเธอกับลั่วเซ่าเชินนั่นแหละ เธอรักลั่วเซ่าเชิน แต่ลั่วเซ่าเชินรักผู้หญิงอีกคน เรื่องแบบนี้มันบังคับฝืนใจกันไม่ได้ แม้ว่าเธอจะรู้อย่างนี้อยู่แล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกเศร้าใจมากอยู่ดี 

 

 

ระหว่างทางที่ผ่านมา ฟังหยวนไม่ได้คุยอะไรกับถังโจวโจวอีก เขาขับรถมาจนถึงเขตเล็กๆ เขตหนึ่ง จากนั้นเขาก็ช่วยถังโจวโจวถือกระเป๋าเดินทาง “ไปครับ ขึ้นไปข้างบนกัน” 

 

 

“คุณอยู่ที่นี่หรือคะ” ถังโจวโจวเดินตามเขาเข้าไปในลิฟต์ เธอเห็นเขากดชั้นที่ยี่สิบหก จากนั้นเมื่อลิฟต์หยุดลง ฟังหยวนก็เปิดประตูห้อง และให้ถังโจวโจวเดินนำเข้าไปก่อน 

 

 

เมื่อถังโจวโจวเดินเข้าไป เธอก็พบว่านี่คือห้องพักของชายโสด แต่มันดูมีรสนิยมมากกว่าผู้ชายทั่วไป ภายในห้องนั้นใช้สีดำเป็นสีหลัก บนชั้นวางของก็จะมีงานแฮนด์เมดตกแต่งอยู่บ้างประปราย ซึ่งพวกมันก็ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้องห้องนี้ 

 

 

“เป็นยังไงบ้างครับ ห้องนี้พอจะเข้าตาคุณบ้างไหม” ฟังหยวนปิดประตูและวางกระเป๋าเดินทางของเธอไว้ที่กลางห้องนั่งเล่น จากนั้นเขาก็เข้าไปในครัวและรินน้ำออกมาให้ถังโจวโจว 

 

 

ถังโจวโจวรับน้ำมาจิบและพยักหน้า “ดีค่ะ คุณเองก็มีรสนิยมเหมือนกันนะเนี่ย” 

 

 

ฟังหยวนไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงรู้สึกดีใจมากขนาดนี้ ราวกับว่าเขาได้รับคำชมที่ยิ่งใหญ่ “คุณชอบก็ดีแล้วครับ นี่ห้องของคุณนะ” ฟังหยวนเปิดประตูห้องนอนเล็ก ถังโจวโจวลากกระเป๋าเดินทางเข้าไป ภายในนั้นมีของทุกอย่างที่ควรจะมี 

 

 

ถังโจวโจวพอใจกับสถานที่ที่ฟังหยวนเสนอให้ ถ้าเธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ต่อให้ลั่วเซ่าเชินจะบุกเข้ามา เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเธอหลบอยู่ตรงนี้ 

 

 

“ฟังหยวน ขอบคุณนะคะที่ให้ฉันมาอยู่ด้วยชั่วคราว แต่ฉันอยากจะขอให้คุณรักษาสัญญาว่าคุณจะไม่เอ่ยถึงฉันกับเซ่าเชิน” ถังโจวโจวอ้อนวอนด้วยใจจริง เธออยากจะอยู่กับตัวเองสักพัก ตอนนี้เธอไม่อยากเจอลั่วเซ่าเชิน เธอควรจะคิดถึงอนาคตของเธอกับเขาให้ดี 

 

 

ฟังหยวนพยักหน้า “วางใจได้เลย โจวโจว ผมรู้สึกกับคุณอย่างไร คุณเองก็รู้ดี ตราบใดที่คุณไม่อยากกลับไป อาเชินจะไม่มีวันรู้เด็ดขาดว่าคุณอยู่ที่นี่ แต่ผมขอถามได้ไหมว่าคุณทะเลาะกับเขามาเหรอ” 

 

 

ถังโจวโจวไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขาในตอนนี้ “ฉันไม่อยากพูดถึงมันในตอนนี้ เอาไว้ฉันค่อยตอบคุณทีหลังนะคะ” 

 

 

“โอเค คุณพักผ่อนก่อนเถอะ” ฟังหยวนปิดประตูห้องให้เธอ ถังโจวโจวมองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้เหลือเธออยู่เพียงคนเดียว เธอก็ขี้เกียจเกินกว่าจะทำความสะอาด เธอจึงทิ้งตัวลงไปบนเตียง นอนไปนอนมา ถังโจวโจวก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว 

 

 

จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ถังโจวโจวสะดุ้งตื่น เมื่อเธอหยิบขึ้นมาดู ที่แท้ก็หลินเหยา ถังโจวโจวเข้าใจได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ฮัลโหล เหยาเหยา” 

 

 

“โจวโจว นี่เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ลั่วเซ่าเชินเพิ่งโทรมาถามฉันว่าเธออยู่กับฉันหรือเปล่า” 

 

 

“อ้อ เธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” น้ำเสียงของถังโจวโจวค่อนข้างแหบแห้ง 

 

 

“โจวโจว นี่เธอคงไม่ได้ร้องไห้อยู่ใช่ไหม” หลินเหยาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง 

 

 

“เปล่าหรอก ฉันจะร้องไห้ไปทำไม ฉันแค่เพิ่งตื่นนอนน่ะ” ถังโจวโจวค่อยๆ ตื่นอย่างเต็มตา จากนั้นน้ำเสียงของเธอก็กลับคืนสู่สภาพปกติ 

 

 

หลินเหยาสบายใจขึ้น “โจวโจว ถ้าเมื่อกี้นี้เธอกำลังนอนอยู่ แล้วเธออยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับลั่วเซ่าเชิน” 

 

 

“เหยาเหยา ฉันแค่อยากทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับฉันน่ะ เหยาเหยา เธอรู้ไหม ลั่วเซ่าเชินมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น” ถังโจวโจวพยายามทำให้ตัวเองสงบนิ่ง แต่เธอก็ยังรู้สึกขมปร่าอยู่ในใจ 

 

 

           ถังโจวโจวกุมหน้าอก เธอรู้ดีว่ามันเจ็บปวด คนที่เป็นฝ่ายรักก่อนต้องเป็นฝ่ายที่ทุ่มเทมากกว่าจริงๆหรือ? เธอไม่ได้กลัวที่จะเป็นฝ่ายให้ แต่กลัวที่ยิ่งให้ไปเยอะเท่าไรกลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย แบบนี้มันคืออะไร หรือจะพูดให้ถูกก็คือที่ทุ่มเทไปทั้งหมดก็เพื่อเห็นเขาไปรักกับคนอื่นอย่างนั้นหรือ? 

 

 

           หลินเหยานึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาได้ยินความจริงเรื่องนี้ เดิมทีเธอคิดจะช่วยลั่วเซ่าเชิน แต่เมื่อได้ยินถังโจวโจวพูดแบบนี้ เธอก็ย้ายข้างมาฝั่งเพื่อนทันที “โจวโจว ในเมื่อเขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ เธอก็อย่าไปยอมเขาง่ายๆ ล่ะ! ว่าแต่เธอแน่ใจแล้วใช่ไหม” 

 

 

           หลินเหยายังคงสงสัยอยู่ ที่ผ่านมาลั่วเซ่าเชินก็ดีกับถังโจวโจวมาตลอดไม่ใช่หรือ พวกเขายังเคยมีลูกด้วยกันเลย แต่เด็กคนนั้นไม่มีบุญจึงไม่ได้ออกมาใช้อยู่ชีวิตบนโลกใบนี้ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ลั่วเซ่าเชินทำตัวนอกลู่นอกทางได้นะ? 

 

 

“เหยาเหยา ฉันมีรูปยืนยันนะ นางเอกคนนั้นก็คือรักแรกของเขา หันฮุ่ยซิน แบบนี้ยังจะมีอะไรให้ไม่แน่ใจอีกล่ะ” ถังโจวโจวแค่รู้สึกเหนื่อย ถ้าตอนนั้นลั่วเซ่าเชินพูดกับเธอตามตรงว่าเขายังลืมหันฮุ่ยซินไม่ได้ เธอก็จะยกตำแหน่งที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้ให้กับหันฮุ่ยซินไปเลย 

 

 

แต่เขากลับพูดต่อหน้าเธอว่าในใจของเขาไม่มีหันฮุ่ยซินแล้ว ถ้าเขาไม่ได้มีเธออยู่ในหัวใจ ทำไมทุกครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับหันฮุ่ยซิน ลั่วเซ่าเชินจะต้องเป็นคนแรกที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขนาดไหนก็ไม่ควรทำเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็คือในใจเขายังไม่เคยลืมเธอได้เลย 

 

 

หลินเหยาเข้าใจในทันที ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็อาจเป็นไปได้ “แล้วตอนนี้เธอจะทำยังไง โจวโจว?” หลินเหยารู้ว่าถังโจวโจวหวั่นไหวไปกับลั่วเซ่าเชินแล้ว ถ้าถังโจวโจวไม่อยากแยกจากลั่วเซ่าเชิน เธอจะทำอะไรได้อีกนอกจากต้องทนขมขื่นตลอดไป 

 

 

แต่ส่วนตัวแล้วหลินเหยาไม่อยากให้ถังโจวโจวเป็นแบบนี้ เธอรู้จักถังโจวโจวดี ถังโจวโจวกับเธอเป็นพวกที่ทนให้เม็ดทรายผ่านเข้าไปในดวงตาไม่ได้[1] มิฉะนั้นตอนนั้นที่เซียวโม่ขอคืนดี ถังโจวโจวเองก็คงจะมีปฏิกิริยาอะไรไปบ้างแล้ว แต่เป็นเพราะเธอไม่ต้องการให้เซียวโม่ก้าวเข้ามาในหัวใจของเธอได้อีก 

 

 

ตอนนี้ถึงคราวของลั่วเซ่าเชินแล้ว ถังโจวโจวจะทำอย่างไรต่อไป เธอจะให้อภัยหรือว่าจะเลิก? ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นจากลั่วเซ่าเชิน แล้วลั่วเซ่าเชินจะยอมเลิกกับเธอไหม หรืออาจจะต้องพูดว่าเขายอมให้ถังโจวโจวจากไปหรือเปล่า? 

 

 

“ตอนนี้ฉันจะให้พวกเราได้สงบสติอารมณ์กันสักพักก่อน ถือเสียว่าให้โอกาสฉันได้คิดว่าฉันจะทำยังไงต่อไปดี เหยาเหยา ที่ฉันไม่ได้บอกเธอว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนก็เพราะว่าฉันหวังดีกับเธอนะ แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องโกหกเขาด้วย” 

 

 

หลินเหยาเข้าใจดีว่าถังโจวโจวทำเพื่อเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เอ่ยถามอีกว่าตอนนี้ถังโจวโจวไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน “ฉันขอถามเธอคำเดียวนะ โจวโจว เธอโอเคใช่หรือเปล่า อย่าทำร้ายตัวเองเพราะลั่วเซ่าเชินนะ” 

 

 

“จ้ะ ฉันรู้แล้ว” ถังโจวโจวรู้สึกยินดีที่ได้มีเพื่อนที่แสนดีแบบนี้ 

 

 

เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ฟังหยวนก็เคาะที่ประตูห้องของถังโจวโจว “โจวโจว เดี๋ยวคุณออกมาทานข้าวได้แล้วนะ” 

 

 

“ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” ถังโจวโจวออกมาจากห้อง จากนั้นเธอก็เข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ เมื่อเธอออกมาด้านนอก เธอก็เห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารตั้งอยู่เต็มไปหมด กลิ่นของอาหารเลิศรสกำจายไปทั่วห้อง “นี่คุณทำเองหรือคะ” 

 

 

 

 

 

[1] ทนให้เม็ดทรายผ่านเข้าไปในดวงตาไม่ได้ หมายถึง ไม่สามารถทนกับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ได้