ตอนที่ 759 : มังกรอสูร

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ฉินหยุนหลบซ่อนและรับชม เขาไม่คิดว่าหลงเฉียวเฟิงจะต้องอยู่อาศัยในสถานที่เช่นนี้ ไม่แปลกใจนัก ที่นางไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีใดต่อตระกูลหลง

“หลงเฉียวเฟิง พวกเรานึกว่าเจ้าไปแล้วเสียอีก ดังนั้นจึงใช้ห้องเจ้าเพื่อเป็นเล้าเลี้ยงปศุสัตว์ไปแล้ว! แต่หากเป็นเจ้า มาพักผ่อนห้องข้ายังได้ เดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ถึงความสำราญเอง!” ชายวัยกลางคนหัวเราะดัง

ผู้อื่นที่นี้ต่างระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน

หลงเฉียวเฟิงพอได้ทราบ นางจึงหันกลับพร้อมคิดไปจากสวนแห่งนี้

แต่แล้วขณะนางคิดหันกลับไป จึงได้เห็นกลุ่มผู้เฒ่าหลายคนที่ทางเข้าสวน หนึ่งในนั้นคือชายชราในชุดสีดำ ใบหน้าอีกฝ่ายเปี่ยมด้วยความชั่วร้ายชวนสะพรึงกลัว

“พวกเจ้า…” หลงเฉียวเฟิงพอได้เห็นชายชราในชุดดำ สีหน้าของนางกลับกลายเป็นดำมืด

“เฉียวเฟิง ทันทีที่เจ้ากลับมา ก็มีคนแจ้งต่อพวกเรา! ขอแสดงความยินดีแล้ว เจ้าได้รับโอกาสอันหายากล้ำที่จะตอบแทนแก่ตระกูลหลงแล้ว!” ชายชราชุดดำเผยยิ้มโฉดชั่ว “ด้วยเจ้าเป็นธิดาแห่งตระกูลหลง กระนั้นกลับปลุกวิญญาณยุทธ์หงส์อมตะขึ้นมาได้ เหอะเหอะ!”

ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนได้ยินจากปากคำหลงเฉียวเฟิง ว่าตระกูลหลงคิดฉกชิงวิญญาณยุทธ์หงส์อมตะของนาง และตอนนี้ พวกเขาตัดสินใจลงมือแล้ว! ผู้อื่นภายในสวนต่างปิดล้อมหลงเฉียวเฟิงเอาไว้ ป้องกันไม่ให้นางได้หลบหนี ชายชราชุดดำตรงหน้าคือราชันยุทธ์ และที่นี้ยังมีขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอีกหลายคน หลังปิดล้อมไว้ได้ หลงเฉียวเฟิงจึงตกอยู่ในสภาพไร้ทางไป ใบหน้านางเวลานี้เผยออกซึ่งความสิ้นหวัง นางอดไม่ได้ที่จะสัมผัสไปที่สร้อยคอพร้อมส่งเสียงบอกต่อฉินหยุน

“ฉินหยุน จงกลับไปเสีย! ตระกูลหลงได้ทิ้งครึ่งเซียนไว้ที่นี่ สถานการณ์อันตรายเกินไป!”

ฉินหยุนได้รับเสียงสื่อสารจากหลงเฉียวเฟิง ทว่าเขารับชมอยู่ที่ด้านข้างนี้ และหลงเฉียวเฟิงไม่อาจได้ทราบ

สาเหตุที่หลงเฉียวเฟิงโกหกต่อเขา เพราะนางต้องการให้เขาไปจากตระกูลหลง เป็นที่ทราบกันว่าฉินหยุนคือผู้เดียวที่นางสามารถร้องเรียกความช่วยเหลือ กระนั้น นางกลับยอมรับต่อเรื่องราว นางกังวลว่าจะสร้างความเดือดร้อนแก่ฉินหยุน และการกระทำนี้ ก็ทำให้ฉินหยุนต้องลอบประทับใจฝังแน่น!

ผู้คนรายล้อมหลงเฉียวเฟิง สีหน้าแต่ละคนเผยความคิดอย่างเด่นชัด อาจกล่าวได้ว่าคนกลุ่มนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดรัจฉาน พวกเขาร้องตะโกนเพื่อต้องการครอบครองร่างหลงเฉียวเฟิงเพื่อให้ได้ใช้ละเล่น

ผู้คนล้วนทราบ ว่าหากวิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิงถูกนำไป นางจะมีสภาพเป็นคนรอความตายผู้หนึ่ง กระนั้น หลงเฉียวเฟิงคือสาวงาม ชื่อเสียงความงดงามของนางโด่งดังทั่วทั้งแคว้นมหาดวงดาว แม้นางมีสภาพเป็นผู้รอความตาย ก็ยังมีหลายผู้คนคิดอยากได้เริงรมณ์กับนาง

“แม้ข้าตาย พวกเจ้าก็ไม่มีวันได้อะไรไปจากข้า!” น้ำเสียงเย็นเยือกของหลงเฉียวเฟิงมาพร้อมกับความเศร้าโศก

ได้เห็นหลงเฉียวเฟิงในสภาพไร้ซึ่งทางสู้และสิ้นหวัง ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงเหตุการณ์ครั้งตนเองยังเด็ก เขาเองก็ถูกปิดล้อมเช่นนี้ ชีพจรวิญญาณถูกนำออกไปให้แก่ผู้อื่น เช่นนี้ โทสะในใจของเขาจึงทะลักล้นออกมา!

ท้องฟ้าค่อนข้างมืดแล้ว ฉินหยุนใช้พลังเงาเพื่อหลบซ่อนในความมืด

ชายชราชุดดำเดินเข้าหาหลงเฉียวเฟิง ชัดเจนว่าคนผู้นี้คืออาจารย์ขัดเกลาวิญญาณ ถึงตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำได้คว้าตัวหลงเฉียวเฟิงเอาไว้

ชายชราชุดดำผู้นี้มีสถานะสูงส่ง อย่างไรแล้ว เขาก็คืออาจารย์ขัดเกลาวิญญาณที่หาตัวได้ยากมากล้ำ ขณะนี้ เขานำเอาไข่มุกออกมาพร้อมเผยยิ้มชั่วร้าย “วิญญาณยุทธ์หงส์อมตะ เป็นวิญญาณยุทธ์สัตว์สวรรค์ อยู่กับเจ้ามีแต่เสียเปล่า!”

หลงเฉียวเฟิงคิดอยากทำลายตนเอง กระนั้นนางไม่อาจทำสำเร็จ นางทำได้เพียงแต่ดิ้นรนขัดขืน พร้อมสบถก่นด่ากลุ่มคนตรงหน้า ชายชราชุดดำหาได้ยี่หระพร้อมหัวเราะดัง ไข่มุกสีดำถูกยื่นออกมาใกล้ ผู้คนสายตาจับจ้องที่ไข่มุกสีดำ อีกเพียงก้าวเดียว วิญญาณยุทธ์ของหลงเฉียวเฟิงจะถูกแยกออกมาแล้ว!

ยามเมื่อความสนใจฝูงชนจับจ้องที่ไข่มุก ฉินหยุนได้ลักลอบเข้าถึงด้านหลังชายชราชุดดำเงียบงัน ชายชราเวลานี้จดจ่อกับไข่มุกในมือ พยายามทำให้ไข่มุกดังกล่าวปลดปล่อยพลังการดึงดูดออกมา

“ตาเฒ่า ลงนรกไปเสีย!” ฉินหยุนนำเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาพร้อมสับฟันที่ศีรษะชายชรา

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป! ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าราชันยุทธ์ผู้ซึ่งทรงพลังเหนือล้ำ ทั้งยังมีอุปกรณ์วิเศษป้องกันตนเองกับร่าง กลับต้องถูกแทงทะลวงผ่านศีรษะในพริบตา อาวุธดังกล่าวแทงทะลุศีรษะชายชราชุดดำ มันเป็นกระบี่ที่มีแต่รอยปริแตก! ที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด คือหลังจากกระบี่นั้นแทงทะลวงเข้าไป มันได้ตรงเข้าดูดกลืนจิตวิญญาณของชายชรา!

ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!

ไม่นานจากนั้น มีดบินจำนวนหนึ่งพลันปรากฏพร้อมทิ่มแทงผู้คน ฉินหยุนได้เสริมศักยภาพแก่มีดบินเหล่านี้โดยมีเหยาเฟิงช่วยเหลือ นอกจากนี้แล้ว เขายังแกะสลักอักขระดวงดาวและจันทราแก่พวกมัน

ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำทั่วไปซึ่งไร้เกราะป้องกันที่ดี ชีวิตพวกเขาไม่ต่างอะไรกับหญ้าข้างทาง ยอดยุทธ์ส่วนใหญ่ที่นี้ไม่ต่างอะไรกับชนชั้นสวะ เพราะหากไม่ใช่ พวกเขาคงต้องไปเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบกันถ้วนหน้าแล้ว

กลางค่ำคืน สวนแห่งนี้เงียบสงัด บนพื้นมีแต่ซากศพกระจัดกระจาย! ฉินหยุนควบคุมมีดบินให้กลับคืนมา จากนั้นจึงช่วยเหลือหลงเฉียวเฟิงให้ลุกขึ้น

หลงเฉียวเฟิงที่ได้เห็นมีดบิน นางจึงทราบ ว่าฉินหยุนได้ปรากฏตัวที่นี่

“เจ้าช่างโง่เง่านัก เป็นข้าติดตามเจ้ามาตลอดทาง!” ฉินหยุนหยิกที่ใบหน้าของนาง “และเจ้าถึงขั้นหลอกลวงต่อข้า!”

ศีรษะของหลงเฉียวเฟิงก้มลงต่ำ ใบหน้านางนองด้วยน้ำตา

“นี่ หยุดร้องไห้ได้แล้ว!” ฉินหยุนช่วยปาดเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าของนาง

“ขอบคุณ!” หลงเฉียวเฟิงสูดลมหายใจหนักขึ้นจมูก จากนั้นจึงปาดเช็ดคราบน้ำตาที่เหลือ

“ครั้งแรกที่พบกัน เป็นเจ้าหวาดกลัวความเจ็บปวดและความตาย กระนั้นเวลานี้เจ้ากลับไม่หวาดกลัวอันใด นี่ถือว่าพัฒนาขึ้นมากมายนัก!” ฉินหยุนหัวเราะหยอกล้อ จากนั้นจึงนำเอากระเป๋ามิติเก็บของออกมา นำร่างศพที่นี้เก็บใส่เข้าไปจนหมดสิ้น

หลงเฉียวเฟิงไม่ทราบว่าควรขอบคุณต่อฉินหยุนเช่นไรดี นางเพียงแต่รู้สึก ว่านางติดค้างเขาไว้มากมายนัก และนางก็จะไม่มีวันตอบแทนความเมตตาที่อีกฝ่ายมีให้ได้หมดสิ้น

“ฉินหยุน เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก! ชัดเจนว่าเจ้ายังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระนั้นกลับสังหารผู้คนมากมายเหล่านี้ได้ในพริบตา!” หลงเฉียวเฟิงถึงตอนนี้ค่อยอุทานกล่าวชื่นชม

“ข้าคืออาจารย์จารึก!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “ไปกัน เร่งรีบนำข้าไปเอาตัวมังกรนั่น!”

เขาดึงหลงเฉียวเฟิงให้ตามมา พร้อมกับใช้พลังเงาเพื่อกลมกลืนในความมืด เขายังบอกต่อหลงเฉียวเฟิง ว่าให้ใช้เส้นทางซึ่งมืดที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ถูกผู้อื่นพบเห็น

สาเหตุที่ฉินหยุนช่วยเหลือหลงเฉียวเฟิงมาตลอด ก็เพื่อวันนี้! ต้องทราบว่ามังกรของตระกูลหลง มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างลึกล้ำและมิดชิด กระทั่งศิษย์ทั้งหลายของตระกูลยังไม่ทราบ

หลงเฉียวเฟิงได้สอบถามไปหลายครั้งคราก่อนจะได้ทราบสถานที่อยู่ของมังกรตัวดังกล่าว และเวลานี้ นางก็กำลังนำฉินหยุนมุ่งหน้าไปสถานที่แห่งนั้น

หากหลงเฉียวเฟิงไม่นำทาง ฉินหยุนจะไม่มีทางคาดคิด ว่ามังกรจะถูกซ่อนตัวอยู่ภายในเขตอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ พื้นที่แห่งนี้คล้ายถูกทิ้งร้าง หาได้มีผู้ใดใช้ชีวิตอาศัย กลางคืนจึงมืดมิดสนิท

“ที่นี่หรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามผ่านเสียงสื่อสาร

“มันอยู่เบื้องล่าง!” หลงเฉียวเฟิงกล่าวตอบ “ทว่ายังคงมีม่านพลังแข็งแกร่ง มันไม่อาจทะลวงผ่านไปโดยความสามารถเทวะ!”

“อย่างนั้นก็ใช้ทางเข้าหลัก!” ฉินหยุนตอบ

หลงเฉียวเฟิงนำฉินหยุนสู่ตรงกลางหมู่บ้านที่ทรุดโทรม ไม่นาน ทั้งสองจึงได้เห็นโคมไฟทั้งสองแขวนไว้ที่หน้าทางเข้าสวน ฉินหยุนทราบทันที ว่ามันคือทางเข้าสู่พื้นที่ใต้ดินของสวน กลุ่มบ้านเก่าแก่เหล่านี้อยู่ทางเหนือสุดของคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร พื้นที่ใกล้เคียงไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้างใด และที่นี่มีภูเขาจำลองอยู่หลายแห่ง ทว่าไม่มีผู้คนอยู่ในละแวกใกล้เคียงแม้สักคน!

“เฉียวเฟิง มังกรนั่นมันจะปรากฏตัวอย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามผ่านเสียงสื่อสาร

“มังกรตัวนั้นสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ ดังนั้นที่จะปรากฏตัวจึงเป็นมนุษย์!” หลงเฉียวเฟิงมองมุ่งตรงไปยังภูเขาจำลองแห่งหนึ่งพร้อมกล่าว “ทางเข้าอยู่ที่นี่!”

ฉินหยุนก้าวเดินไปรับชม พบว่าเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ ตัวประตูสูงหลายเมตร และมีม่านพลังแข็งแกร่งคุ้มกัน ฉินหยุนไม่อาจใช้ความสามารถเทวะเพื่อเข้าไป ดังนั้นเขาจึงได้แต่ต้องให้โมโมออกมา

ที่ไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันมีสองต้นกำเนิดเซียนคงอยู่ หลังจากโมโมได้ดูดกลืนพลังงานที่ภายใน ความสามารถพิเศษของนางจึงเพิ่มขึ้นสูงล้ำ เมื่อร่างงดงามตัวน้อยปรากฏ นางจึงเร่งรีบพิจารณาอักขระที่ม่านพลัง ก่อนจะกลับเข้าสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน

ม่านพลังที่ถูกทำลายแล้ว ฉินหยุนจึงนำหลงเฉียวเฟิงเข้าไป โดยใช้งานความสามารถเทวะผ่านตัวประตูเหล็กตรงหน้า

ภายใน ทุกหนแห่งดำมืด ไม่นานนักพวกเขาจึงมาถึงที่ชั้นใต้ดิน แม้ที่นี่มืดมิด กระนั้นก็สามารถทราบได้ว่าเป็นพื้นที่กว้างใหญ่

“เสี่ยวหยุน มังกรตัวนี้แข็งแกร่งนัก กระทั่งจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่น่าจะรับมือมันได้ไหว!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เจ้าจงใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรให้ดี!”

พลังจิตของฉินหยุนแข็งแกร่งขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา และเขาสามารถควบคุมพลังราชสีห์สวรรค์ได้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นคิดใช้งานหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรจึงง่ายดายมากขึ้น และหม้อนี้ คือสิ่งที่สามารถใช้รับมือกับคนของตระกูลหลงหรือมังกรที่มีพลังเลิศล้ำได้

“ผู้ใด!” อย่างกะทันหัน เสียงคนผู้หนึ่งคำรามร้องดังลึกล้ำ

ลำแสงสีแดงปรากฏที่เบื้องหน้า ชายวัยกลางคนที่เส้นผมสีแดงยุ่งเหยิงก้าวเดินเชื่องช้าเข้ามา และเวลานี้ ฉินหยุนกับหลงเฉียวเฟิงจึงได้เห็น ว่าลานกว้างใต้ดินแห่งนี้มีแต่ร่างศพกระจัดกระจาย ชายวัยกลางคนผมแดงตรงหน้า ก็กำลังถือต้นขาคนผู้หนึ่งเอาไว้!

ตระกูลหลงแท้จริงถึงขั้นใช้งานมนุษย์เพื่อเป็นอาหารเลี้ยงแก่มังกร! หรือก็คือ มังกรตนนี้คือสัตว์อสูร มีแต่สัตว์อสูรและอสูรจึงกินมนุษย์เป็นอาหาร และยิ่งกินเข้าไปมากเพียงใด ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น!

“วิเศษนัก ข้าคิดอยากหาอะไรกินเพิ่มเติมอยู่พอดี ไม่นึกว่าจะมาส่งเองถึงที่ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ชายวัยกลางคนเส้นผมแดงหัวเราะเสียงดัง

เห็นได้ชัด ว่าชายวัยกลางคนผมแดงตรงหน้า คือมังกรอสูรที่จำแลงกายเป็นมนุษย์!

หลงเฉียวเฟิงร้อนรน เพราะนางสัมผัสทราบได้ ว่ามังกรตรงหน้าทรงพลังมากล้ำเพียงใด นางกระชับมือฉินหยุนที่เกาะกุมเอาไว้แน่น

ฉินหยุนไม่กล่าวคำใด เขามุ่งตรงโดยการนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรออกมา!

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรที่ปรากฏเผยตัวขึ้น ชายวัยกลางคนผมแดงที่เดินเข้ามาพร้อมหัวเราะดัง ขณะนี้ไร้ซึ่งเสียงหัวเราะแล้ว

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรฉับพลันเข้าปกคลุมร่างชายวัยกลางคนผมแดง หลังปลดปล่อยพลังสะกดข่มออกมารุนแรง อีกฝ่ายไม่อาจขยับร่างได้โดยสมบูรณ์ กระนั้น ยามเมื่อชายวัยกลางคนผมแดงสัมผัสได้ถึงอันตราย เขาจึงระเบิดเสียงคำรามร้องดังสนั่นออกมา! มันเป็นคลื่นเสียงทรงอำนาจที่สั่นสะท้านพื้นแผ่นดิน!

ตู้ม!

หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรเข้าปกคลุมร่างชายวัยกลางคนผมแดงโดยสมบูรณ์ ขณะนี้ ขนาดของมันกำลังหดเล็กลง

“ได้ผล!” ฉินหยุนตื่นเต้นยินดีพลางหัวเราะ จากนั้น เขาจึงดึงหลงเฉียวเฟิงเร่งรีบออกจากใต้ดินแห่งนี้

ขณะพวกเขาคิดออกจากสวน กลับสัมผัสได้ถึงออร่าจักรพรรดิยุทธ์และราชันยุทธ์นับสิบคน เสียงคำรามร้องมังกรที่ระเบิดออกเมื่อครู่ มันสั่นสะเทือนต่อทั่วทั้งคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร เหล่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ทราบดี ว่าในพื้นที่มีมังกรคงอยู่ และมังกรตัวนั้น ก็เป็นตระกูลหลงให้การเลี้ยงดูอย่างดีเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ฉินหยุนและหลงเฉียวเฟิงต่างตื่นเต้นและกังวล เพราะพวกเขายังอยู่ที่ภายในคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร แต่ด้วยเพราะเป็นเวลากลางคืน ฉินหยุนจึงใช้พลังเงานำหลงเฉียวเฟิงหลบหนีพ้นจากม่านพลังคฤหาสน์ขุนเขารัศมีมังกร ก่อนจะเร่งรีบบินขึ้นฟ้าจากไป

“ฉินหยุน ผู้คนล้วนทราบว่าข้ากลับมา  และอาจารย์ขัดเกลาวิญญาณได้สิ้นชีพไปแล้ว พวกมันต้องสงสัยข้าแน่!” หลงเฉียวเฟิงกล่าว

“ยังหวาดกลัวอันใด? หลังเจ้าแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ ซ่อนตัวในนครจันทราอัคคี เก็บตัวที่ภายในนั้น ผู้ใดยังจะทราบเรื่องเจ้า?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

“ทว่าข้ายังมีข้อกังวล ว่านครจันทราอัคคีจะคิดเป็นอื่น!” หลงเฉียวเฟิงถอนหายใจ “หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ไม่ช้าก็เร็ว ผู้คนย่อมต้องทราบแน่!”

ฉินหยุนเข้าใจความกังวลของหลงเฉียวเฟิงดี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงนำนางกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ต่อปิงชิง เพื่อให้ปิงชิงได้จัดแจงหาทางออก

หลังฝากฝังเรื่องของหลงเฉียวเฟิงแล้ว ฉินหยุนจึงมุ่งหน้าสู่นครแห่งดาบด้วยอารมณ์ยินดีเปี่ยมล้น เขาต้องการหาตัวเชี่ยวเย่ว์เหม่ยอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะได้เริ่มงานการขัดเกลาวิญญาณร่วมกัน!