กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 736
ฟ้าแลบไปทั่วท้องฟ้า ส่องสว่างเลือดที่ไหลนองเป็นแม่น้ำ และซากศพที่กองเป็นภูเขาในจวนแม่ทัพ

และยังส่องสว่างใบหน้าของกู้ชูหน่วนที่ซีดขาวราวกับกระดาษ และเย็นยะเยือกราวกับน้ำค้างแข็ง

รวมทั้งร่างกายของเซี่ยวอวี่ชง

กู้ชูหน่วนเก็บดาบอ่อน นางช่วยพยุงเซี่ยวอวี่ชงที่ใกล้ตายขึ้นมา และรีบพันแผลให้เขาด้วยความตื่นตระหนก

เซี่ยวอวี่ชงจับมือของนาง แล้วส่ายหัวใส่นาง

นิ้วมือที่เปื้อนเลือดชี้ไปทางซ้าย และกล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “อวี่…..อวี่เซวียน…..อยู่ตรงนั้น รีบ…..รีบไปช่วยเขา…..”

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไป และมีเพียงเวลาที่จะพูดแค่ประโยคนี้เท่านั้น มือที่ยกขึ้นค่อย ๆ ลดลงอย่างอ่อนแรง และร่วงหล่นลงไปในที่สุด

กู้ชูหน่วนเอานิ้วไปอังที่ปลายจมูกของเขา

เขาไม่มีลมหายใจและได้จากไปแล้ว

นัยน์ตาของกู้ชูหน่วนมีความเจ็บปวดใจปรากฏขึ้นมา นางวางเซี่ยวอวี่ชงลงบนพื้น และรีบวิ่งไปยังทิศทางที่เขาชี้

ในจวนแม่ทัพอันใหญ่โต เหลือเพียงแค่เซี่ยวอวี่เซวียนเท่านั้น

นางช่วยเซี่ยวอวี่ชงไว้ไม่ทัน ดังนั้นนางจะต้องช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนให้ได้

“เปรี้ยงปร้าง……” ฟ้าร้องดังสนั่น

ฝนตกหนักมากจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่กู้ชูหน่วนยังคงวิ่งไปข้างหน้าตามความรู้สึกอย่างไม่ลดละ

นางตัวเปียกโชก และมีเพียงเซี่ยวอวี่เซวียนเท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง

“ตูมตาม……”

นี่เป็นเสียงของการต่อสู้

และตามมาด้วยเสียงโค่นล้มของต้นไม้ที่มีอายุนับร้อยปี

แม้แต่กระเบื้องมุงหลังคาก็เปิดออก

ลมแรงมากจนกู้ชูหน่วนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น

กำลังภายในที่ลึกล้ำเช่นนี้

ใครกัน……

ใครที่กำลังต่อสู้

เซี่ยวอวี่เซวียนไม่มีความสามารถเช่นนี้อย่างแน่นอน

หรือว่าจะมีคนมาช่วยเซี่ยวอวี่เซวียน?

นางยังไม่ทันจะไปถึง มือสังหารชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งก็ปิดล้อมนางไว้

มือสังหารชุดดำกลุ่มนี้เก่งกาจมากกว่ากลุ่มที่แล้วมาก

กู้ชูหน่วนจำได้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกัน และเป็นมือสังหารของหอวิญญาณทมิฬ

ด้วยความโกรธแค้นในใจ กู้ชูหน่วนฝืนร่างกายที่ไม่ค่อยสะดวกนัก นางออกกระบวนท่าแรก และแทบอยากจะฆ่ามือสังหารทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า

มือสังหารมีจำนวนมากเกินไป และวรยุทธของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา กู้ชูหน่วนเป็นห่วงเซี่ยวอวี่เซวียน และไม่อยากจะไปพัวพันกับพวกเขา แต่มือสังหารชุดดำ เหล่านี้แน่วแน่และพยายามที่จะขัดขวางนาง

“นายท่าน……ที่นี่ให้เป็นหน้าที่ของข้าน้อย”

ในยามที่กู้ชูหน่วนกำลังเร่งรีบ ฝูกวงก็มาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนมาก

เมื่อพวกเขามาถึงก็เข้าไปในสนามรบทันที และสถานการณ์ของกู้ชูหน่วนก็คลี่คลาย

กู้ชูหน่วนรีบไปจากที่นี่ในทันที นางไปตามหาเซี่ยวอวี่เซวียนต่อ และทิ้งประโยคหนึ่งไว้

“ฆ่า อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

“ขอรับ”

หลังจากผ่านศาลาหลายแห่ง ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็มาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว

แต่สิ่งทำให้นางประหลาดใจคือ แม้ว่าเซี่ยวอวี่เซวียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็อยู่ในสถานการณ์ที่เหนือกว่า ฝีมือการรำทวนของเขายอดเยี่ยม และแต่ละกระบวนท่าก็สามารถฆ่ามือสังหารชุดดำได้หลายคน

เขาฆ่าจนสิ้นซาก ราวกับจอมปีศาจที่เก่งกาจ และมือสังหารชุดดำเหล่านั้นก็ตายด้วยน้ำมือของเขาภายในไม่กี่กระบวนท่า

แม้แต่ลั่วอิ่งที่เป็นหัวหน้าของมือสังหารชุดดำก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ลั่วอิ่งถูกทวนยาวของเขาแทง และเลือดก็หยดลงมาจากร่างกายของลั่วอิ่ง

ลั่วอิ่งถือมีดอยู่ในมือข้างหนึ่งและอีกข้างหนึ่งถือดาบ มีดและดาบเข้าคู่กัน เขาพยายามที่จะต้านอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังคงเสียเปรียบ และเกือบตายด้วยน้ำมือของเซี่ยวอวี่เซวียนหลายครั้ง

หากไม่ใช่เพราะวิชาตัวเบาของเขาสูงส่ง และรวดเร็วราวกับสายลม เกรงว่าคงเขาจะตายอยู่ที่นี่เหมือนมือสังหารชุดดำคนอื่น ๆ

กู้ชูหน่วนไม่เคยเห็นเซี่ยวอวี่เซวียนที่เป็นแบบนี้มาก่อน

ศิลปะการต่อสู้เช่นนี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ที่มีวรยุทธขั้นสูงระดับห้าขึ้นไป ซึ่งห่างไกลกับนางมาก

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวอวี่เซวียนในความทรงจำของนางเป็นเพียงคนเสเพลคนหนึ่งที่ไม่มีวรยุทธใด ๆ และยิ่งไม่มีแววตาที่เยือกเย็นและไอสังหารที่กระหายเลือดเช่นนี้

“ฉ่า ๆ ๆ ……”

ไกลออกไปยังมีมือสังหารชุดดำอีกหลายสิบคน มือสังหารเหล่านี้ล้วนแต่ถือโซ่เหล็กและเหวี่ยงโซ่ออกไปในทันทีที่ออกมา โดยตั้งใจว่าจะใช่โซ่เพื่อจับเซี่ยวอวี่เซวียน

กู้ชูหน่วนกำลังจะเข้าไปช่วย

เซี่ยวอวี่เซวียนใช้ปลายทวนของเขายกโซ่เหล็กให้ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วหมุน จากนั้นมือสังหารชุดดำหลายสิบคนก็กระเด็นออกไป

ท่ามกลางการเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม เซี่ยวอวี่เซวียนใช้ทวนแทงทะลุศัตรูหลายสิบคน และทุกครั้งที่เขายกทวนขึ้นแล้วขว้างออกไป มือสังหารชุดดำก็ล้มลงกับพื้นและตายในทันที

เลือดสีแดงสดหยดลงมาจากปลายหากของเขา ช่างเป็นภาพที่น่าเศร้าสลด

ภายใต้การเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งของเขา คนเหล่านี้เหมือนข้าวสาลีที่ถูกตัด และไร้หนทางที่จะตอบโต้

“ขวับ……”

ดาบคู่ของลั่วอิ่งไม่สามารถต้านทานทวนที่หนักกว่าได้ จนต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

ทวนกดลงไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของลั่วอิ่งแตกออก

ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บจากทวน และเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมา

นัยน์ตาของเซี่ยวอวี่เซวียนเปลี่ยนเป็นสีแดง ผมสีดำสนิทยุ่งเหยิง แววตาของเขาเปล่งประกายอย่างกระหายเลือด

กู้ชูหน่วนไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเซี่ยวอวี่เซวียนออกแรงมากขึ้น ลั่วอิ่งต้องตายอย่างแน่นอน

เดิมทีวรยุทธของลั่วอิ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเซี่ยวอวี่เซวียนมากนัก แต่สิ่งที่แย่คืออาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของเขายังไม่หาย และเดิมทีก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา

เมื่อเห็นว่าลี่วอิ่งกำลังจะถูกเซี่ยวอวี่เซวียนฆ่า ดาบอ่อนของกู้ชูหน่วนก็พุ่งออกไป นางรวบรวมภายใน และทำให้ทวนของเซี่ยวอวี่เซวียนกระเด็นออกไป และขัดจังหวะกระบวนท่าไม้ตายสุดท้ายของเขา

ทันใดนั้นสีแดงก็เปล่งประกายแวบขึ้นมา และขวางอยู่ข้างหน้าลั่วอิ่ง

“ซ่า……”

ฝนเทลงมาอย่างหนัก เพียงก็ไม่ได้บดบังหัวใจที่เปิดกว้างของพวกเขา

ฟ้าแลบแปลบ ๆ ไปทั่ว ส่องสว่างให้เห็นแววตาที่วิตกกังวลของกู้ชูหน่วน

นอกจากนี้ยังส่องสว่างให้เห็นแววตาที่โศกเศร้าและสิ้นหวังของเซี่ยวอวี่เซวียน

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เสี่ยวเซวียนเซวียน……”

นางต้องการปลอบใจเขา และอยากจะช่วยเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขา

แต่นางไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าและไม่กล้าแตะต้องเขา

ในเวลานี้เซี่ยวอวี่เซวียน เป็นเหมือนตุ๊กตาปั้นที่ใกล้จะพังทลายเมื่อถูกสัมผัส

เมื่อเห็นว่าเป็นกู้ชูหน่วน เจตนาฆ่าของเซี่ยวอวี่เซวียนก็ลดลง แต่ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโศกเศร้า

เขากล่าวอย่างเย็นชา “ท่านถอยไป”

กู้ชูหน่วนเหลือบมองลงไปที่พื้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลนับไม่ถ้วน หายใจรวยริน และไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้อีก

นางพยายามพูดด้วยเสียงที่เบา “เสี่ยวเซวียนเซวียน ในเรื่องนี้เกรงว่าจะเป็นความเข้าใจผิด เจ้าวางทวนลงก่อน แล้วข้าจะรักษาบาดแผลให้เจ้า”

เซี่ยวอวี่เซวียนตัวสั่นและเบิกกว้างขึ้น

เขามองไปที่กู้ชูหน่วนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเขานำกำลังคนมาฆ่าล้างตระกูลของข้า ฆ่าพี่ใหญ่ พี่รอง ฆ่าหว่านเอ๋อร์และพี่เขย รวมทั้งผู้บริสุทธิ์สามร้อยสิบแปดชีวิตของตระกูลเซี่ยว แต่เจ้ากลับบอกข้าว่านี่เป็นการเข้าใจผิด….. กู้ชูหน่วน เจ้าไม่มีตาหรืออย่างไร?ไม่เห็นหรือว่าบนพื้นของจวนแม่ทัพเต็มไปด้วยซากศพ?”

กู้ชูหน่วนถูกตั้งคำถามและไม่สามารถโต้แย้งได้

ฉากที่ทะเลโลหิตผุดขึ้นมาในหัวของนาง

ในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ท่ามกลางฟ้าแลบฟ้าร้อง นางกับเซี่ยวอวี่เซวียนแตกหัก ตัดความสัมพันธ์กันอย่างเด็ดขาด และนับจากนี้ไปเป็นศัตรูกัน……

หรือว่า……

ฉากนี้ก็จะเกิดขึ้นจริง ๆ?

ใบหน้าของกู้ชูหน่วนถอดสีในทันที

ฉากที่ทะเลโลหิตเกิดขึ้นจริงทีละฉาก

และสิ่งที่นางกังวลมากที่สุดคือการแตกหักกับเซี่ยวอวี่เซวียน และนับจากนี้ต่อไปจ้องกลายคนแปลกหน้า ดังนั้นนางจึงรีบเร่งมาที่จวนแม่ทัพ เพื่อที่จะอธิบายกับเซี่ยวอวี่เซวียนถึงสาเหตุการตายของแม่ทัพใหญ่

ไม่คิดเลยว่า……

เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนเงียบ เซี่ยวอวี่เซวียนก็ขว้างทวนของเขาไปที่ลั่วอิ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ

หางตาของเขามีหยดน้ำใส ๆ และแยกไม่ออกว่าเป็นน้ำฝนหรือน้ำตา

“หากเจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อน เจ้าก็หลีกไป เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”